eXtreme Karaoke

เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงกลางแจ้ง (Public Address,Pro Audio Sound Reinforcement System) => ข้อความที่เริ่มโดย: หมอแม็ค ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2018, 16:06:58 น.

หัวข้อ: มาทำความรู้จักกับ Digital to Digital Transmission (AES3) และ Characteristic impedance
เริ่มหัวข้อโดย: หมอแม็ค ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2018, 16:06:58 น.
สัญญาณในระบบ digital เป็น data ไม่ใช่เสียง
Bandwidth ในระบบ AES format ออกแบบให้รองรับ data rate @ sample rate 192kHz ได้ 128 เท่าซึ่งสูงถึง 25MHz
(https://uploads.tapatalk-cdn.com/20181127/44aa13de88aa79f0f8d8468bc61ca2fd.jpg)

Loop impedance ของสายสัญญาณ AES ที่เพิ่มตามความยาวจึงไม่มีผลกับสัญญาณในระบบ digital ที่มีความถี่สูงถึง Radio Frequency Spectrum
แต่ Characteristic Impedance จะมีค่าคงที่

(https://uploads.tapatalk-cdn.com/20181127/08a038e8e0c808645b0e6a9afaf4d4c0.jpg)

ดูที่สมการ Z ₀︎(Characteristic impedance) ที่ความถี่ 1MHz เป็นต้นไป ค่า R จะน้อยมากเมื่อเทียบกับ 2πfL/2πfR
ดังนั้น Z ₀︎ = √(L/C)

(https://uploads.tapatalk-cdn.com/20181127/75e963dac5cd2dadea598bcfa8eed595.jpg)

(https://uploads.tapatalk-cdn.com/20181127/1adb03db9ad94a058a0214df25a5fb4a.jpg)

การเชื่อมต่อ interface ของระบบ digital จะต่างกับ Analog interface ซึ่งสัญญาณในระบบ analog จะส่งผ่านในรูปของแรงดันไฟฟ้า
 impedance ของ output กับ input ของ analog interface จะต้องไม่เท่ากัน (Unmatch impedance)เพื่อจะได้ส่งผ่าน แรงดันไฟฟ้าจาก Lo Z ไป Hi Z เพื่อให้แรงดันจาก output ไปตกคร่อมที่ input ของอีกอุปกรณ์ให้มากที่สุด เราจึงเรียกการส่งผ่านสัญญาณแบบนี้ว่า “Voltage transfer” ดังนั้นสายสัญญาณในระบบ analog จึงจำเป็นต้อง มี impedance ที่ตำ่เพื่อลดแรงดันไฟฟ้าที่ตกคร่อมสายสัญญาณ

(https://uploads.tapatalk-cdn.com/20181127/140d731875eeb321fe7c4984eab37e37.jpg)

Digital interface ทำงานที่ bandwidth สูงใน RF Spectrum
เราลองมาเปรียบเทียบ ความยาวคลื่นของความถี่ในระบบ Analog กับ digital ในตัวนำหรือสายสัญญาณดู
Analog ความถี่สูงสุด 20,000Hzอัตราเร็วในสายสัญญาณ 60~80%ของ ความเร็วแสง~2.4x10⁸︎m/s
จาก ν=fλ
λ=12,000m หรือ 12km
Digital AES ความถี่สูงสุด 24.576MHz (128เท่าของ sample rate 192kHz
λ=9.7m ~10m
สังเกตว่าถ้าเราใช้สายยาว มากกว่า 1/4 λ จะมีโอกาสเกิดการสะท้อนกลับ(Reflection) ของสัญญาณได้คล้ายคลื่นในเส้นเชือก
ดังนั้น Impedance ของ digital interface จึงจำเป็นต้องเท่ากันเพื่อที่ input (ปลายทาง)จะได้ Absorb พลังงานจาก output ไว้ได้หมด ไม่เกิดการสะท้อนกลับของข้อมูล (ถ้าอธิบาย สมการทางคณิตศาสตร์จะยาวมาก 555+ เอาเป็นว่า impedance ต้องเท่ากัน)
เมื่อ I/O impedance(Z) เท่ากัน
 V out กับ V in จึงเท่ากัน P out กับ P in ก็จะเท่ากัน เราจึงเรียกการส่งผ่านสัญญาณแบบนี้ว่า “Power Transfer” โดยที่จะต้องมีการ Match impedance ระหว่าง I/O interface และ characteristic impedance ของสายสัญญาณในระบบ digital

ปล. วิธีคำนวณ data rate ในระบบ digital
Data rate= จำนวน channel x bit depth x Sample frequency
เช่น AES 2channel 24bit@48kHz
Data rate = 2 x 24 x 48,000 = 2.3Mbit/s(Mbps) หรือ MHz


Sent from my iPhone using Tapatalk
หัวข้อ: มาทำความรู้จักกับ Digital to Digital Transmission (AES3) และ Characteristic impedance
เริ่มหัวข้อโดย: Sumatethep ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2018, 21:07:20 น.
 :30:   :30:   :30:
ขอบคุณครับคุณหมอ

ผมรู้สึกเหมือนเป็นนักเรียนแผนศิลป์กำลังฟังครูแผนวิทย์สอนอยู่ จะพยามเรียนรู้ครับ

รอฟังต่อครับ  ขอบคุณมากครับ
 :thank1:
หัวข้อ: มาทำความรู้จักกับ Digital to Digital Transmission (AES3) และ Characteristic impedance
เริ่มหัวข้อโดย: montrevej ที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2018, 21:26:36 น.
เห็นสายยี่ห้อ cm ราคา100เมตร/3,500.-
หัวข้อ: มาทำความรู้จักกับ Digital to Digital Transmission (AES3) และ Characteristic impedance
เริ่มหัวข้อโดย: มานพ ที่ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2018, 07:23:30 น.
เห็นสายยี่ห้อ cm ราคา100เมตร/3,500.-

เคยไปตรวจงานที่ๆ หนึ่ง ผมสั่งรื้อเปลี่ยนสาย เพราะเขาไม่ใช้ 110 โอห์ม
สุดท้ายผู้รับงานเปลี่ยนเป็น Canare DA202 แทนครับ
หัวข้อ: มาทำความรู้จักกับ Digital to Digital Transmission (AES3) และ Characteristic impedance
เริ่มหัวข้อโดย: montrevej ที่ วันที่ 28 พฤศจิกายน 2018, 12:07:45 น.
AES กะ dmx512 ใช้สาย110โอหม์เหมือนกันเลยครับ ถูกกว่าเดิมอีก

(https://i.postimg.cc/3xPxF7sc/1-E9-ABFE0-9-FBF-4-A7-B-A67-E-854-CF23-CF23-E.png) (https://postimg.cc/qNxrkfMs)