สีสัน (Tone color) คือ คุณสมบัติเฉพาะของเครื่องดนตรี รวมทั้งเสียงร้องของมนุษย์ ซึ่งมีความแตกต่างกันโดยธรรมชาติของสิ่งนั้น ๆ เครื่องดนตรีแต่ละชนิดจะมีเสียงที่ให้อารมณ์แตกต่างกัน เช่น
เครื่องดนตรีประเภทเครื่องลมไม้อย่างฟลูท เมื่อเราได้ยินเสียงฟลุ้ทในบทเพลง
ทำให้เรานึกหรือจิตนาการถึงนกที่กำลังบินบนท้องฟ้า แจ่มใสร่าเริง
หรือถ้าได้ยินเสียงไวโอลินในบทเพลง เราก็นึกถึงสายลมที่กำลังพัดแผ่ว
เนื่องจากไวโอลินเป็นเครื่องสายที่สามารถเล่นท่วงทำนองของเพลงได้ไพเราะ
เสียงแหลมใสของไวโอลินถ่ายทอดความรู้สึกแทบทุกชนิดได้
ป.ล. เป็นเหตุผลว่า เสียงที่ไพเราะที่สุด มาจากดอกลำโพงเสียงแหลม หรือทวีทเตอร์
ดังนั้น อย่าได้ประหยัดในการเลือกซื้อ ดอกเสียงแหลม ครับ / มะละกอ
สำหรับเสียงฮาร์พเป็นเสียงที่เบา นิ่มนวล พราวพริ้ว เมื่อเราได้ยินทำให้นึกถึง เสียงน้ำตกที่มีละอองน้ำแตกกระจายฟังแล้วทำให้เราชื่นฉ่ำได้
แต่ในทางตรงกันข้ามเครื่องดนตรีประเภทเครื่องเป่าทองเหลือง ก็สามารถทำเสียงแสดงอำนาจเช่นเสียงแตรทรัมเป็ต ทรอมโบน ฯลฯ
สีสันของเสียงเราพบว่านักร้องแต่ละคนก็มีเสียงไม่เหมือนกัน
บางคนเสียงทุ้มใหญ่ต่ำกังวานมีอำนาจ บางคนเสียงเล็กแหลมใสไพเราะ บางคนเสียงสูง
ในทำนองเดียวกันถ้าเราเปลี่ยนสีสันของเสียงดนตรี หรือเสียงร้องแล้วจะทำให้เกิดความรู้สึกที่ตัดกัน เช่น
เมื่อเราให้เครื่องดนตรีชนิดหนึ่งเล่นทำนองๆ หนึ่ง แล้วเปลี่ยนให้เครื่องดนตรีอีกชิ้นอื่นเล่นทำนองเดียวกัน
ก็จะทำให้เกิดผลต่อความรู้สึก คุณลักษณะของเสียงดังกล่าวนี้เมื่อเราฟังบ่อยๆ ครั้ง
เราอาจสังเกตความแตกต่างได้สีสันหรือคุณลักษณะของเสียงเหล่านี้
ทำให้คีตกวีสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับอารมณ์ บรรยากาศ และโอกาสของบทบรรเลงได้หมายเหตุ เสียงดนตรี จะทำให้เราเกิดความรู้สึกก่อน อาจเรียกว่า รู้สึกสัมผัส จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นอารมณ์ ช้าเร็วขึ้นอยู่กับประสบการณ์แต่ละคน / มะละกอ
เครดิต
http://www.theoldcitystringquartet.com/admin/2014/09/22/15/การถ่ายทอดอารมณ์ความรู/