ผมคน กทม (กลางทุ่งมหาสารคาม)
ลองอ่านดูครับ เด่น บุรีรัมย์ (หรือ เด่น สมานมิตร) อดีตนักร้องลุงทุ่งชื่อดัง เจ้าของผลงานเพลง คิดดูดีๆ ทนหนาวอีกปี และอีกมากมาย
เกิดเมื่อวันที่ 6 เดือนเมษายน พ.ศ.2488 ที่อำเภอ พยัคฆภูมิพิสัย จังหวัด มหาสารคาม เป็นบุตรคนที่ 2 ของคุณพ่อมาก(เสียชีวิตแล้ว) กับคุณแม่ทองดี สมานมิตร เมื่ออายุ 2 ขวบพ่อแม่แยกทางกันก็ตาม
มาอยู่กับแม่ที่จังหวัดบุรีรัมย์ การศึกษาจบชั้น ป.1-ป.4 จากโรงเรียนไตรคามสิทธิศิลป์ จบชั้น ม.1 - ม.6 จากโรงเรียนประชาวิทยาลัย จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยราชภัฏบุรีรัมย์ สาขา การจัดการทั่วไป
ในขณะที่เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษานั้น เด่น สมานมิตรได้หัดร้องเพลงและสนใจในด้านศิลปะควบคู่กันไปและได้ไปประกวดร้องเพลงในงานต่างๆในจังหวัด เป็นนักล่ารางวัลในงานประกวดร้องเพลงในช่วงนั้น และได้ไปร้องเพลงอยู่ในวงดนตรีลูกวิษณุของโรงเรียนการช่างบุรีรัมย์ โดยมีคุณครูสมพร ประคองบุญ เป็นผู้ควบคุมวงในครั้งนั้นและมีแดน บุรีรัมย์ ประยงค์ ชื่นเย็น ร่วมอยู่ด้วย
เมื่อจบมัธยมศึกษาปีที่ 6 เมื่อปีพ.ศ.2507 ก็เข้าสู่กรุงเทพมหานครเพื่อศึกษาต่อที่โรงเรียนเพาะช่างพร้อมกับอาจารย์ไสว แกล้วกล้า เมื่อสอบได้ปรากฏว่าทางบ้านไม่มีเงินพอที่จะส่งเรียนต่อ ชีวิตเลยหันเหไปทางด้านการร้องเพลงโดยไปสมัครที่วงดนตรีครู ก.แก้วประเสริฐ พร้อมกับแดน บุรีรัมย์ ต่อมาแดน บุรีรัมย์ก็ขอกลับบ้านไปศึกษาต่อเลยอยู่เพียงคนเดียวตามลำพัง
ต่อมาเมื่อปลายปี พ.ศ. 2508 ได้บันทึกแผ่นเสียงเพลงแรก คือ เพลงคิดดูดีดี ประพันธ์โดยเลิศ ศรีโชค เพลงแรกก็เป็นที่รู้จักของคนทั่วประเทศและต่อมาเมื่อ ครูก.แก้วประเสริฐยุบวงดนตรีก็เลยได้ไปอยู่กับวง ผ่องศรี สรนุช โดยมีนักร้องร่วมคณะ เช่น ยงยุทธ เชี่ยวชาญชัย ศักดิ์ โกศล โกมิณทร์ นิลวงศ์ ชัยชนะ บุญยโชติ ฯลฯ
เมื่อปี พ.ศ.2509 วงดนตรีรวมกระจายของครูสำเนียง ม่วงทอง ซึ่งมีไวพจน์ เพชรสุพรรณ ไพรวัลย์ ลูกเพชรได้ออกจากวงไปหาครูสำเนียง ม่วงทองก็เลยมาชักชวนไปเป็นนักร้องนำอยู่ในวงร่วมกับปอง ปรีดา โดยชลธี ธารทอง เป็นพิธีกรหน้าเวทีในขณะนั้นและได้ชักชวนแดน บุรีรัมย์ ประยงค์ ชื่นเย็น เข้าไปอยู่ในวงดาวกระจายด้วยและออกเดินสายร้องเพลงทั่วประเทศอยู่เป็นเวลาเกือบ 2 ปี จึงได้ลาไปอุปสมบทเพื่อทดแทนพระคุณพ่อแม่ที่วัดทองนพคุณ ตำบลปะหลาน อำเภอพยัคฆภูมิพิสัย จังหวัดมหาสารคาม ซึ่งเป็นบ้านเกิด เป็นเวลา 1 พรรษา
เมื่อลาสิกขาบทมาแล้ว ไปอยู่วงดนตรีไพรวัลย์ ลูกเพชร ซึ่งขณะนั้นไพรวัลย์ ลูกเพชร ดังด้วยเพลง นิราศรักนครปฐม อยู่เป็นเวลาเกือบ 2 ปี และเมื่อออกจากวงไพรวัลย์ ก็ไปอยู่วงดนตรีเมืองมนต์ สมบัติเจริญ ซึ่งมีวสันต์ จันทร์เปล่งหรือรุ่งเพชร แหลมสิงห์อยู่ด้วย
เมื่อปีพ.ศ.2511 ได้กลับมายังบ้านที่จังหวัดบุรีรัมย์และได้ตั้งวงดนตรีเป็นของตนเองในนามวงเด่น บุรีรัมย์ และจัดรายการวิทยุที่ว.ป.ถ.20 โด่งดังจนเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงทั่วจังหวัดบุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และนครราชสีมา ความโด่งดังในด้านการจัดรายการทำให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในสมัยนั้น(นายสุรวุฒิ บุญญานุศาสน์)ขอดูตัวที่ศาลากลางจังหวัดและเมื่อดนตรีไปแสดงที่ไหนก็ได้รับการอุดหนุนจากแฟนเพลงอย่างล้นหลามเคยไปแสดงทั่วภาคอีสานถึงประเทศลาวซึ่งขณะนั้นร้องเพลง ทนหนาวอีกปี โด่งดังมากเป็นที่รู้จักของแฟนเพลงทั่วประเทศ
ต่อมาได้ยุบวงดนตรีของตนเองเพื่อมาเล่นการเมืองโดยลงสมัครสมาชิกสภาจังหวัดในปีพ.ศ.2518 แต่ก็พลาดผิดหวังเพราะประสบการณ์มีน้อย
ต่อมาในปีพ.ศ.2522 ได้ลงสมัครสมาชิกสภาจังหวัดอีกครั้งโดยขับรถมอเตอร์ไซค์หาเสียงและได้รับการเลือกตั้งโดยไม่ใช้เงินเลยเมื่อเข้าสู่สภาจังหวัด ได้รับเลือกให้เป็นรองประธานสภาจังหวัดอยู่ในวาระครบ 5 ปี
ต่อมาได้มาทำงานที่เทศบาลเมืองบุรีรัมย์ในตำแหน่งประชาสัมพันธ์ โดยการชักชวนของนายสุรินทร์ ชัชวาลวงศ์ นายกเทศมนตรีในสมัยนั้นในขณะที่ทำงานอยู่ก็ได้เข้าศึกษาต่อระดับปริญญาตรีที่สถาบันราชภัฏบุรีรัมย์เป็นเวลา 4 ปี และเมื่อจบการศึกษา วันรับระราชทานปริญญาบัตรได้เป็นผู้กล่าวนำบัณฑิตเพื่อปฏิญาณตนต่อหน้าพระพักตร์ของสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมารนำความปลาบปลื้มยินดีมาสู่ตนเองและวงศ์ตระกูล ทำงานอยู่เทศบาลได้ 11 ปีก็ลาออกไปเล่นการเมืองอีกครั้งหนหนึ่งโดยมาสมัครสมาชิกวุฒิสภา แต่ก็พลาดหวัง
ในปีพ.ศ.2544 ได้ลงสมัครส.ส.ในนามของพรรคความหวังใหม่โดยมีพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ เป็นหัวหน้าพรรคแต่ก็พลาดหวังอีกเช่นเคย
ทุกวันนี้ เด่น บุรีรัมย์ อาศัยอยู่กับครอบครัว ที่บ้านอย่างมีความสุข มีบุตรธิดา 5 คนดูแลเป็นอย่างดี