ผู้เขียน หัวข้อ: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง  (อ่าน 20500 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ แชร์มิวสิค

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 4
  • *
  • กระทู้: 309
  • 5D2E6587 ครูภูม
อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2010, 09:37:32 น. »
อาการของเครื่องเสียง  ถ้าไฟฟ้าไม่พอมีอะไรบ้างครับ

ท่านที่เคยมีประสบการณ์ช่วยยกตัวอย่างไห้ฟังด้วยครับ  ผมมือใหม่ 

ที่ผมพบเสียงมันจะค่อยลงๆๆ  และขาดเป็นช่วงๆๆ เป็นจังหวะ  อันนี้ไช่หรือไม่  ต่อจากไฟบ้านโดยตรง

และแก้ไข้อย่างไร เพิ่มตัวไหน เลือกใช้อย่างไรถึงจะเหมาะ

ออฟไลน์ poy

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 243
  • 5DE604A4(ป๋าสมใจนึก)
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2010, 09:50:50 น. »
ปรับเสียงไม่ได้ เร่งไม่ขึ้น สรุปไม่ได้เรื่อง



ออฟไลน์ โจ้ เด็กพะเยา

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 639
  • HL#6484B607(โดนขโมย) 7662DAEC (ซื้อใหม่)
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2010, 10:37:38 น. »
1.เสียงจะฮัม อือออออออออออ เพราะไฟเลี้ยงแอม ไฟ พอ
2.เสียงเบสออกมาจะไม่อิ่ม ออกมาไม่เป็นลูกว่างั้น
3.เสียงร้องไม่ได้เรื่ยงเลย

คงมีอีกเยอะ เพราะผมอายุน้อยอยู่ อาจมีอาการอีกเพียบ

 :thank1:

ออฟไลน์ พิมพ์ชนก

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 767
  • HL#8D02910B (กุ้งD4D) 8FE64E59(กุ้งD4D)
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2010, 11:58:46 น. »
อาการของเครื่องเสียง  ถ้าไฟฟ้าไม่พอมีอะไรบ้างครับ

ท่านที่เคยมีประสบการณ์ช่วยยกตัวอย่างไห้ฟังด้วยครับ  ผมมือใหม่ 

ที่ผมพบเสียงมันจะค่อยลงๆๆ  และขาดเป็นช่วงๆๆ เป็นจังหวะ  อันนี้ไช่หรือไม่  ต่อจากไฟบ้านโดยตรง

และแก้ไข้อย่างไร เพิ่มตัวไหน เลือกใช้อย่างไรถึงจะเหมาะ
มีเยอะมากครับอะไรที่ไม่ดี จะไปตกอยู่ที่ไฟทั้งหมดครับ ผมเคยเล่นไฟฟ้ามาแค่ 160 V ใช่้หม้อเพิ่มไฟ ดูดมาได้ 180 - 190 V และเมื่อ 3 วันที่ผ่านมาผมไปเล่นที่ปากพนังเข้าทำบ่อกุ้งใช้มอเตอร์ตีน้ำเมื่อเขาเปิดมอเตอร์ ผมก็ดูดมาได้ 190V เองครับประกอบกับขยายของผมเป็นไบโพล่าทั้งหมด มันต้องการกระแส เลยไม่อยากบอกครับว่าเสียงมันแย่ เอฟเฟ็กก็รวน มาบ้างไม่มาบ้าง เบสแข็ง มีเสียงครางหรือฮัมทั้ง เบส และกลาง  สุดจะบรรยาย แต่ก็ได้รับคำชมว่าเสียงสุดยอดและดีที่สุดที่เคยเข้าในแถบนั้น วิธีแก้ สำคัญ คือ
 1. สายเมนที่ลากมาต้องใช้ขนาดใหญ่
 2. ต้องวางแผนจัดระบบการใช้ไฟให้ดีตรงนี้ก็มีความสำคัญมาก
 3.ต้องประคองระดับเสียงให้ฟังได้และให้อยู่ในระดับดีที่สุดได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น ห้ามเพิ่ม
 4. ให้ระมัดระวังเรื่องของไฟให้เป็นพิเศษคือช่วงเวลาที่ชาวบ้านลดการใช้ไฟฟ้าอย่างบ้านนอกก็ประมาณ 3-4 ทุ่ม ถ้าปรับหม้อเพิ่มไฟไม่ทัน อันดับแรกที่เสียคือ ลำโพงเบส  ตามมาคือขยายเสียง
  ;D

ออฟไลน์ เอ บางปู

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ยินดีรับใช้ครับ 084-3839349
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2010, 12:05:41 น. »

ซื้อ มิสเตอร์วัดกระแส เลยครับ

ชัวร์แน่นอน

บางทีไฟไม่ตกหรอก

แต่โทษไฟไว้ก่อนครับ

วัดให้มันรู้เรื่องไปเลยครับ

จะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุด

 :th2: :th2: :th2:

ออฟไลน์ Batman

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 18460
  • 748AAC77,448AB84C,54095318,7660DAE5,97606B15,47C5E
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2010, 12:06:35 น. »
มีเยอะมากครับอะไรที่ไม่ดี จะไปตกอยู่ที่ไฟทั้งหมดครับ ผมเคยเล่นไฟฟ้ามาแค่ 160 V ใช่้หม้อเพิ่มไฟ ดูดมาได้ 180 - 190 V และเมื่อ 3 วันที่ผ่านมาผมไปเล่นที่ปากพนังเข้าทำบ่อกุ้งใช้มอเตอร์ตีน้ำเมื่อเขาเปิดมอเตอร์ ผมก็ดูดมาได้ 190V เองครับประกอบกับขยายของผมเป็นไบโพล่าทั้งหมด มันต้องการกระแส เลยไม่อยากบอกครับว่าเสียงมันแย่ เอฟเฟ็กก็รวน มาบ้างไม่มาบ้าง เบสแข็ง มีเสียงครางหรือฮัมทั้ง เบส และกลาง  สุดจะบรรยาย แต่ก็ได้รับคำชมว่าเสียงสุดยอดและดีที่สุดที่เคยเข้าในแถบนั้น วิธีแก้ สำคัญ คือ
 1. สายเมนที่ลากมาต้องใช้ขนาดใหญ่
 2. ต้องวางแผนจัดระบบการใช้ไฟให้ดีตรงนี้ก็มีความสำคัญมาก
3.ต้องประคองระดับเสียงให้ฟังได้และให้อยู่ในระดับดีที่สุดได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น ห้ามเพิ่ม
 4. ให้ระมัดระวังเรื่องของไฟให้เป็นพิเศษคือช่วงเวลาที่ชาวบ้านลดการใช้ไฟฟ้าอย่างบ้านนอกก็ประมาณ 3-4 ทุ่ม ถ้าปรับหม้อเพิ่มไฟไม่ทัน อันดับแรกที่เสียคือ ลำโพงเบส  ตามมาคือขยายเสียง
  ;D
สำเนาถูกต้อง
ข้อนี้สำคัญ และช่วยตัวเองได้ทุกคน

3.ต้องประคองระดับเสียงให้ฟังได้และให้อยู่ในระดับดีที่สุดได้เท่าไหร่เอาเท่านั้น ห้ามเพิ่ม
 :happy: :th2: :thank1: :flower: :o^: :party: :hap5:

ออฟไลน์ วี บุญนิยม

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • **
  • กระทู้: 5864
  • HL#4C9D39A2 จาก อนันตชัย2009
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2010, 12:19:03 น. »
และแก้ไข้อย่างไร เพิ่มตัวไหน เลือกใช้อย่างไรถึงจะเหมาะ

กินพาราเซตามอลสัก 2 เม็ด ดื่มน้ำอุ่นแทนน้ำเย็น พักผ่อนเยอะ ๆ ครับ. ;D


ซื้อ มิสเตอร์วัดกระแส เลยครับ

หมายความว่าต้องซื้อตัววัดกระแสแบบเพศผู้ใช่ไหมครับ. ;D

ออฟไลน์ เอ บางปู

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 1340
  • ยินดีรับใช้ครับ 084-3839349
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2010, 12:36:48 น. »
กินพาราเซตามอลสัก 2 เม็ด ดื่มน้ำอุ่นแทนน้ำเย็น พักผ่อนเยอะ ๆ ครับ. ;D


หมายความว่าต้องซื้อตัววัดกระแสแบบเพศผู้ใช่ไหมครับ. ;D


ถืกแล้ว

 :th2:

ออฟไลน์ แชร์มิวสิค

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 4
  • *
  • กระทู้: 309
  • 5D2E6587 ครูภูม
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2010, 23:22:13 น. »
 :thank1:
 :thank1:
:thank1:

ออฟไลน์ พิมพ์ชนก

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 767
  • HL#8D02910B (กุ้งD4D) 8FE64E59(กุ้งD4D)
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: วันที่ 11 พฤษภาคม 2010, 10:00:12 น. »
อาการของเครื่องเสียง  ถ้าไฟฟ้าไม่พอมีอะไรบ้างครับ

ท่านที่เคยมีประสบการณ์ช่วยยกตัวอย่างไห้ฟังด้วยครับ  ผมมือใหม่ 

ที่ผมพบเสียงมันจะค่อยลงๆๆ  และขาดเป็นช่วงๆๆ เป็นจังหวะ  อันนี้ไช่หรือไม่  ต่อจากไฟบ้านโดยตรง

และแก้ไข้อย่างไร เพิ่มตัวไหน เลือกใช้อย่างไรถึงจะเหมาะ
ลืมบอกไปส่วนมากอาการขาดเป็นช่วงๆๆ เป็นจังหวะ ถ้าไฟไม่พอจะเกิดกับขยายเสียงคลาส D  ส่วนคลาส AB ,G,H ผมยังไม่เจอตอนไฟไม่พอ ;D

ออฟไลน์ แชร์มิวสิค

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 4
  • *
  • กระทู้: 309
  • 5D2E6587 ครูภูม
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: วันที่ 11 พฤษภาคม 2010, 10:11:12 น. »
ลืมบอกไปส่วนมากอาการขาดเป็นช่วงๆๆ เป็นจังหวะ ถ้าไฟไม่พอจะเกิดกับขยายเสียงคลาส D  ส่วนคลาส AB ,G,H ผมยังไม่เจอตอนไฟไม่พอ ;D


ใช้ขยาย loyal700 และอีกตัว สั่งประกอบจากพัฒนกิจโทรทัศน์ สกลนคร  พ่วงกัน

แล้วขยายมีกี่คลาส  คลาสไดบ้าง  ข้อดีข้อเสียอย่างไร

ตอนนี้กำลังจะถอยอีตัว  มอง ๆ เอาไว้เป็น npe c2200 จะ ok ไหมครับ    ขอคำชี้แนะด้วย


ออฟไลน์ มนตรีซาวด์

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 812
  • HL#5CA37A87 โทร 087-2589777
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: วันที่ 11 พฤษภาคม 2010, 10:46:27 น. »
ซื้อ มิสเตอร์วัดกระแส เลยครับ

ชัวร์แน่นอน

บางทีไฟไม่ตกหรอก

แต่โทษไฟไว้ก่อนครับ

วัดให้มันรู้เรื่องไปเลยครับ

จะได้แก้ปัญหาได้ถูกจุด

 :th2: :th2: :th2:
แบบนี้ได้มั๊ย

ออฟไลน์ พิมพ์ชนก

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 767
  • HL#8D02910B (กุ้งD4D) 8FE64E59(กุ้งD4D)
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: วันที่ 20 พฤษภาคม 2010, 09:03:46 น. »

ใช้ขยาย loyal700 และอีกตัว สั่งประกอบจากพัฒนกิจโทรทัศน์ สกลนคร  พ่วงกัน

แล้วขยายมีกี่คลาส  คลาสไดบ้าง  ข้อดีข้อเสียอย่างไร

ตอนนี้กำลังจะถอยอีตัว  มอง ๆ เอาไว้เป็น npe c2200 จะ ok ไหมครับ    ขอคำชี้แนะด้วย


คลาสของขยายเสียงและคุญสมบัติ
CLASS A : ทรานซิสเตอร์ ในภาคขยายขาออกจะทำงานเต็มที่อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีสัญญาณขาเข้า มากหรือน้อยเพียงใดในภาคขาออก ทรานซิสเตอร์จะทำงานอย่างเต็มที่อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เครื่องมีความร้อนสูง ถึง สูงมาก
CLASS B : จะจัดแบ่งการทำงานของทรานซิสเตอร์ในภาขยายขาออก แบ่งออกเป็น 2 ช่วง คือ ด้านหนึ่งทำงานในช่วง + อีกด้านหนึ่งทำงานในช่วง - คือแบ่งกันทำงาน จึงทำให้มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง แต่ก็จะมีข้อด้อย คือ ช่วงที่สลับการทำงาน
ระหว่าง ช่วง + และ - การทำงานจะไม่ราบเรียบ อาจเรียกได้ว่ามีความพร่าเพี้ยน เรียกกันว่า cross over distortion คือ ความเพี้ยนที่เกิดจากช่วงสลับการทำงานของทรานซิสเตอร์
CLASS AB : คือการรวมเอาระหว่างจุดหรือข้อดีและข้อด้อย ของทั้ง CLASS A และ CLASS B เข้าด้วยกัน นั่นคือ ในช่วงเวลาที่มีสัญญาณขาเข้าเบา ๆ วงจรภาคขาออกจะทำงาน ในแบบ CLASS A แต่เมื่อสัญญาณขาเข้าแรงขึ้น วงจรภาคขาออกจะทำงานในแบบ CLASS B จึงทำให้เครื่องขยายเสียงในลักษณะนี้ มีความเพี้ยนต่ำ และมีประสิทธิภาพสูงจึงเป็นที่นิยมมากที่สุดในวงการเครื่องเสียงทั้งหมด
CLASS D : เป็นการจัดวงจรขยายเสียง จะแตกต่างกับ CALSS A ,CLASS B หรือ AB โดยสิ้นเชิง ซึ่ง CLASS ข้างต้นภาคขยายสัญญาณขาออก จะทำหน้าที่ขยายแรงหรือหรือให้กำลังตามความแรงของสัญญาณขาเข้า ขณะที่ CLASS D จะแปลง
สัญญาณขาเข้าให้กลายเป็นคลื่นแบบความกว้างของแถบคลื่นที่ เรียกกันว่า Pulse Width Modulation (PWM) ในลักษณะรูปคลื่นที่เป็นแบบ square wave ขณะที่สัญญาณเสียงทั่วไปจะเป็นแบบ sine wave สัญญาณคลื่นที่ถูกแปลงนี้จะถูกส่งไปสร้างลักษณะการทำงานของภาคขยายเสียงขา ออก ให้ทำงานและหยุดทำงานตามความกว้างของคลื่นที่ส่งเข้าไปกระตุ้นภาคขาออก คล้ายการ
ทำงานของสัญญาณในแบบดิจิตอล คือ กำหนดให้เป็นการเปิดหรือปิดวงจร จึงทำให้มีผู้เข้าใจผิดว่า CLASS D คือ ดิจิตอล แต่แท้จริงแล้ว อาจจะคล้ายกัน ในแง่ของลักษณะในเชิงการทำงานแบบเปิดและปิด แต่ไม่ใช่ในแง่ของการทำงานเพื่อขยายสัญญาณเสียง ข้อจำกัดของ CLASS D คือ มักจะจำกัดการทำงานที่ความถี่ค่อนข้างต่ำ เพราะการขยายสัญญาณในภาคขาออกต้องทำ
การกรองคลื่นที่เป็น PWM ที่เป็น square wave ออกเพื่อให้กลับมาเป็นสัญญาณถี่ในแบบ sine wave โดยมาก เครื่องขยายเสียง CLASS D ทั่วไปจะกรองความถี่ที่ 500 Hz ฉะนั้นความถี่ที่ใช้งานได้คือ จะสูงไม่เกิน 250 Hz
หรือมากกว่าเล็กน้อย หากความถี่สูงกว่านี้เสียงจะพร่าเบลอ หรือเสียงสะดุด หากจะให้ขยายเสียงได้ตลอดผ่านความถี่ มักมีปัญหาเรื่องการกวนของความถี่ ในระดับคลื่นวิทยุ (Radio Frequency Interference - RFI)
คลาสส์อื่นๆที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก
CLASS G : เป็นเครื่องขยายเสียงที่ใช้ไฟเลี้ยงตั้งแต่ 2 ชุด ขึ้นไป และจะทำงานโดยภาคขยายเสียงจะปรับไปใช้ไฟเลี้ยงที่สูงขึ้นหากสัญญาณขาเข้ามี ความแรงมากขึ้น จึงทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่มีปัญหาในช่วงการเปลี่ยนจากภาคจ่ายไฟ ที่จะปรับใช้ในแต่ละความแรงของสัญญาณ
CLASS H : เคยมีใช้ในวงการรถยนต์ในยี่ห้อ BLADE ที่เรียกวงจรนี้ว่า BASH นั่นคือ การประยุกต์ CLASS G ขึ้นมาให้ภาคจ่ายไฟปรับแรงดันได้ตลอดเวลา ตามความแรงของสัญญาณที่เข้ามา ซึ่งภาคจ่ายไฟแบบนี้ คือ ต้นแบบของหลักการในภาคจ่ายไฟของ CLASS D แต่การจัดวงจรภาคขาออกจะเหมือนกับวงจรแบบ CLASS AB
CLASS S : คือการทำงานของภาคขยายเสียงที่ทำงานแบบ switching ที่มีการทำงานแบบเปิด/ปิด อยู่ตลอดเวลา และต้องใช้วงจรกรองความถี่แบบ low pass ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็น CLASS D
CLASS T : เป็นการเรียกขานตามวงจรควบคุมการทำงานที่ผลิตโดย บริษัท ไทรพาธ(Tripath) ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อลดจุดด้อยของ CLASS D ที่ไม่มีเสถียรภาพในความถี่สูงโดยใช้ความสามารถในเชิงดิจิตอลเข้ามาช่วย เพิ่มความถี่ของการทำงานแบบ switching ทำใหswitching ที่ความถี่สูงขึ้นถึงในระดับความถี่ประมาณ 85 KHz จากนั้นจึงใช้วงจรกรองความถี่ แบบ Low passที่ประมาณ 40 KHz ทำให้ได้เครื่องขยายเสียงแบบ CLASS D ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจนถึงความถี่ ที่สูงกว่า 20 KHz
CLASS E : Audiobahn ใช้เป็นชื่อเรียกในรุ่นของเครื่องขยายเสียง แต่การทำงานไม่ใช่ class E จริงๆ เครื่องขยายเสียง class E ทำงานโดยใช้หลักการ switching แบบอ่อน ๆ คือไม่ได้ใช้ลักษณะของ switching เป็นหลักในการขยายสัญญาณโดยจะปล่อยให้มีสัญญาณหรือกระแสต่ำ ๆ กระตุ้นการทำงานของภาคขาออกอยู่ตลอดเวลา เพื่อลดความเพี้ยนที่เรียกว่า crossover distortion หรือ switching distortion ขณะเดียวกันถือได้ว่ามีการออกแบบวงจรจ่ายไฟที่ดีมาก ทำให้มีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน

ออฟไลน์ เก่งฐิติพรมิวสิค_hs6tre_

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 1527
  • 552F10E0/1299C922 (อ.ปู่ วัฒนาพงษ์)
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: วันที่ 20 พฤษภาคม 2010, 09:56:02 น. »
ถ้าเครื่องไฟ ก็ปกติคือ เสียงไม่อิ่ม เร่งไม่ดัง เบสไม่แน่น เร่งมากไฟออกลำโพง ลำโพงมีสิทธิ์ไปบ้านเก่า
แต่ที่แน่ๆคือ ขี้เมาจะมาบอกเรา เร่งดังๆหน่อยเพ่  :o^:

เจอประจำครับขี้เมา  เราต้องเมาก่อนมันครับ พอมันถามอีกอย่างเราก็ตอบไปอีกอย่างครับมันจะว่าเราเมาพูดไม่รู้เรื่อง
เดี๋ยวมันก็เดินจากไป  :cheer1: :hap3:

แต่ถ้าจะให้เราเร่งเสียงดังๆ ก็บอกให้มันไปยืนฟังหน้าตู้ครับ เอาหูแนบลำโพงเลย ดังแน่ๆ.. :hap5:

 :love2: :love2: :love2: :flower: :flower: :flower:

ออฟไลน์ น้ายิ่ง

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 660
  • HL## 8C09BEC5 ( x-men)
Re: อาการของไฟไม่พอมีอะไรบ้าง
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: วันที่ 20 พฤษภาคม 2010, 10:19:52 น. »
เร่งไม่ขึ้น ,สัญญานรบวน, ฮัม, และอีกหลายอย่างและต้องระวังลำที่สำคัญโพงจะขาด..