ผู้เขียน หัวข้อ: Sonic Cell  (อ่าน 3047 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

frog

  • บุคคลทั่วไป
Sonic Cell
« เมื่อ: วันที่ 3 มิถุนายน 2011, 21:33:14 น. »
Sonic Cell



ช่องเสียบด้านหน้า มี hardware volume ด้วยครับ ใช้ควบคุม phone volume ซึ่งเป็น mini jack 2.5 mm.

connector ด้านหลัง สามารถรับได้ทั้ง Jack กีร์ต้า line และมี USB A,B ที่ Roland คุยว่า support thumbdrive และสามารถเป็น USB audio interface ในตัว

เท่าที่ลองประมาณ 15 นาที เสียงอยู่ในเกณฑ์ดีถึงดีมากในส่วน acoustic piano ซึ่งได้อานิสงค์จากเสียง Steinway กับ Yamaha ใน

RD700SX แต่พี่ท่านเล่นกั๊กไว้ 1 layer เหลือ 3  layers คือ mp, f, ff ครับ
เสียง string ยังอ่อนอยู่ครับ ถ้าเทียบกับ PSR เสียงไม่มีชีวิตชีวาเลย แม้แต่ในเสียง showcase ที่มีคำว่า SC  ขึ้นต้นอย่าง SC violin, SC cello เสียงยังออกแห้งอยู่
Organ ทำได้เหมือน FantomX ครับ แน่น ห้าว ดุ
Guitar ทำได้ดีมากครับ เสียงพริ้ว นุ่มนวล มีบรรยากาศ
สรุปจาก 15 นาทีก่อน
เสียงโดยรวมยังเป็นเอกลักษ์ของ Roland  อยู่ครับ D/A ไม่กั๊ก support ถึง 48KHz. แต่ยังไม่ได้ทดลอง A/D ว่าจะแน่นเหมือนกันหรือเปล่า เดี๋ยวคืนนี้ถ้ามีเวลาค่อยมาต่อครับ

มาลุยต่อในส่วนของรายละเอียดเรื่องเสียง
scope กว้างๆของ SC(sonic cell) ผมให้สมการง่ายๆว่า top 40 ของ Fantom X+3ใน4 ของ RD700 SX + USB midi interface with phantom power อืม น่าจะประมาณนี้ครับ คือรวมเสียงเด่นๆของ Fantom X ไว้เกือบทั้งหมดซึ่งถ้าใครเคยชินกับ fantom X อยู่แล้วก็จะชอบตัวนี้ทันทีครับ

Acoustic Piano
เพิ่มเสียง Steinway 3 velocity (mp.f,ff) จาก RD700SX เข้าไป แต่เสียงที่ออกมาก็ไม่ได้ดูเลวร้าย สามารถเล่น passage pop, jazz ได้ classic ประมาณบาโรคน่าจะไหว แต่ถ้าหนักๆอย่างโชแปงอาจจะไม่ค่อยเนียนเท่าไหร่นัก นอกจากนี้เสียง X-piano ซึ่งเป็น Yamaha grand ก็อยู่ครบในแบบ 3 velocity นอกจากนี้ยังมีเสียงเดิมๆจาก Fantom S เช่น So True ซึ่งเป็น base sound ในรุ่น RD600 ก็ไม่หนีไปไหน (จริงๆมชอบเสียงนี้นะ แม้ว่ามันจะเป็นแค่ 2-velocity ก็ตาม แต่มีน้ำหนักในการเล่นดีกว่า และเสียงเวลาเล่นกับวงออกมาชัดถ้อยชัดคำกว่า หรือเอามา mix กับเสียงอื่นก็ไม่ถูกเสียงอื่นกลบง่ายๆ เสียงเปียโนอาจจะไม่มีรายละเอียดเหมือนของ Motif XS ที่มีทั้ง key-off sample หรือ string resonance แต่สามารถ mix ออกมาได้เป็นอย่างดี

Electric Piano
เสียงหลักๆก็อยู่ครบครับ ทั้ง Rhodes มีให้เลือกทั้ง suitcase , dyno , Stage MkII มีทั้งมี ffects และไม่มี ffects ความใสของเสียงเมื่อเทียบกับ Motif XS ผมว่า Roland ออกไปทางทุ้ม นุ่มนวลกว่า มี dynamic range ค่อนข้างลึก ต้องเลือก velocity curve ที่ชันหน่อยสำหรับคนที่เล่นเบาอย่างผม หรือคนที่มือหนักอาจจะชอบเพราะมันมีเอฟเฟกต์ช่วง hi velocity ซ่อนอยู่พอควร ลูกเล่นเรื่องการ mix กับเสียงอื่นยังไม่ค่อยมากนัก ก็มีกับ acoustic piano, pad, strings และเอฟเฟกต์ต่างๆ เสียง Wurly ค่อนข้าง clean ไปนิดนึงครับ ความรู้สึกที่เล่นตอนแรกๆรู้สึกเหมือนกับเล่น sine wave ธรรมดา แต่ถ้าฟังดีๆก็มีความแตกต่าง เสียง FM ก็มีมาให้พอหอมปากหอมคอ แต่ที่ผมอยากเห็นมากกว่าคือเสียงตระกูล SA กับ D-50 .piano ของ Roland เองที่น่าจะเอามารวมมากกว่านี้ครับ ทั้งๆที่เป็นจุดขายของยี่ห้อนี้มากว่า 3 ทศวรรษแล้ว

Keyboard
ที่เด่นๆก็คงเป็น clavinet กับ harpsichord ที่ทำได้ดี มี keyoff sampling ทุกเสียงน้ำหนักและเอฟเฟกต์อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ครับ

Organ
มีให้เลือกพอควร แต่การปรับแต่งไม่สามารถลงรายละเอียดเป็น tone wheel ได้ จริงๆอยากเห็น modeling ลงมาในระดับนี้บ้าง แต่ก็อย่างว่าครับ ราคาขนาดนี้ทำได้แค่นี้ก็โอเคแล้ว เสียงออร์แกนส่วนใหญ่ตอบสนองต่อ velocity ดี และ mod wheel ก็ทำหน้าที่หมุน rotary speaker ตามระเบียบ เสียงส่วนใหญ่เหมาะสำหรับเล่น jam มากกว่านะครับ โชว์ก็อาจจะได้เพราะความรู้สึกผมเรื่อง rotary speaker มันยังไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่นัก เสียง pipe organ ก็ทำได้ดีเหมือนเดิมครับ แน่น แต่มีให้เลือกพอควรครับ

Bell & Mallet
ทำใช้ได้ครับ ถ้าเทียบกับ series XV แล้ว SC ทำได้ใสกว่าครับ เสียงมีเสียงหลักๆอยู่ครับ ทั้ง xylophone, vibraphone ,steel drum มี thnic พอหอมปากหอมคอครับ แต่พวกเสียงลูกเล่นอย่างใน fantom X ไม่มีนะครับ ผมจำชื่อไม่ได้แต่เป็นเสียง thnic mallet แล้วมีเสียงลำธารไหลเอื่อยๆอยู่เบาๆ ชอบมากครับ

Guitar
ผมว่าตรงนี้เป็นจุดขายของ SC เลยก็ว่าได้ เพราะเสียงส่วนใหญ่ทำได้ลงตัว ใช้ aftertouch เป็นประโยชน์ในการ bend เสียง หรือบางครั้งก็ใช้ velocity เป็นลูกเล่นในการเล่นเสียง mute ในบางเสียงคล้ายๆกับ megavoice ของ Yamaha แต่ผมว่า Roland ก็ทำได้สูสีกันครับ ไม่ได้ด้อยไปกว่าใคร เพียงแต่ Motif XS นั้นใช้ parameter ที่ละเอียดกว่า เช่นคอยครวจจับระยะห่างของโน๊ตที่เล่นว่าควรใช้ legato หรือ retrigger ซึ่งบางครังรู้สึกควบคุมยากเหมือนกันครับ เสียงส่วนใหญ่ทำได้ดีถึงดีมาก โดยเฉพาะเสียง E. Guitar ที่ได้ ffects จาก COSM มาเสริมทัพให้เสียงเหมือนจริงยิ่งขึ้น

synth
ตรงนี้เป็นอีกจุดขายนึงเลยครับ เพราะเสียง synth ของ Roland มีให้เลือกแทบจะทุก category จนผมว่าถ้าจะเทียบ คงต้องเทียบกับ Korg M3 เลย เพียงแต่ขาดภาค Arp เด็ดๆเท่านั้น เสียงที่เป็น trademark ของหลายๆเพลงมารวมอยู่ที่นี่ครับ และทำได้เนียนมาก โดยเฉพาะเสียงที่มาจาก synth ของ Roland เองอย่าง final countdown intro ที่ใช้ JX8P คราวนี้ไม่ต้องถามแล้วครับ ว่าจะเล่นเพลนี้ต้องใช้เสียงอะไร ตอบคำเดียวครับ 80s syn. brass2 ใน SC จบ
เสียง bass หรือ lead ก็มีให้เลือกมากทีเดียวครับ จนผมรู้สึกว่า Roland ค่อนข้างจะเฉลี่ยน้ำหนักของ product ตัวนี้ให้อยู่กลางๆมากกว่าจะหนักไปทาง acoustic แบบ Motif XS เสียงส่วนใหญ่สามารถเล่นในเพลงที่เราคุ้นหูได้เลย หรือสามารถเลือกเสียงใหม่ๆมาใช้ได้อีกเยอะครับ

Strings
ตรงนี้ผมค่อนข้างผิดหวังครึ่งๆกลางๆครับ เพราะคาดว่าน่าจะได้เสียง solo string ที่เทียบเท่าหรือดีกว่า Fantom X แต่เท่าที่เล่นรู้สึกว่าทำได้ไม่เท่าครับ เสียง solo ค่อนข้างแห้งอยู่ ไม่มีชีวิตชีวาเท่าที่ควร ซึ่งต่างจากตระกูล nsemble strings ที่แน่น หนา มีน้ำหนัก และมีให้เลือกใช้พอควรทีเดียว ทั้ง strings หรือ combination กับ Brass, Horn

Brass
ตรงนี้ความเห็นผมกลับรู้สึกตรงกันข้ามกับ string นะครับ เสียง solo brass ดูดีมีสกุลมาก ทุกตัวเล่น solo ได้สบาย แต่ nsemble ถ้าเป็นเสียงแบบเอาไว้ hook แล้ว ผ่านครับ แต่พวกเสียงแบบ sforrazo ที่เสียง brass ค่อยๆดังขึ้น ผมว่า Roland น่าจะ sampling phrase ตรงนี้จริงๆมาดีกว่าแค่มาแก้ที่ attack ของ amplitude นะครับ เพราะยังไม่ค่อยเหมือนเท่าไหร่ เสียง orchestra brass ถือว่าใช้ได้ดีครับ แน่น มีน้ำหนัก แม้ไม่ค่อยมีลูกเล่นอย่าง Korg หรือ Yamaha

ขอรีวิวต่ออีกนิดครับ
Pads & Choir
ทำได้ดีครับ ผมชอบมากกว่า motif XS ตรงที่มีลูกเล่นมากกว่า และสามารถเลือก vowel ได้ดีกว่า และที่รู้สึกดีมากคือ Jazz scat ไม่มีแล้วครับ :P เสียงค่อนข้าง inspire เลยทีเดียว ทั้ง Pads ไม่ว่าจะเป็น bright pads จาก PPG 2.2 หรือ Roland D-50 ก็ไม่ทำให้ผิดหวังครับ ที่รู้สึกชอบมากคือเสียงตระกูล mellotron ที่ทำได้อารมณ์มากครับ เพราะช่วง attack ของเสียงนี่ pitch ค่อยๆไต่ขึ้นเหมือนเทปจริงๆแล้วสามารถใช้ aftertouch ที่โปรแกรมมาเล่นกับความไม่เสถียรของเทปได้ สนุกดีครับ


Ethnics
มีให้เลือกไม่มากนักครับ แต่ Roland พยายามคัดเอาที่ไม่ซ้ำกับใน World collection มาครับ ที่ผมชอบจริงๆก็คงเป็นตระกูลปี่สก็อต ที่ไม่ค่อยเห็นนักของญี่ปุ่นหลับตาก็นึกออกครับ ต้องมี shakuhachi อยู่แน่นอน แต่ผมชอบที่ Roland ไม่ให้น้ำหนักตรงนี้มากไป เพราะ SC สามารถเพิ่มการ์ด World ได้อยู่แล้ว เป็นการลดความสิ้นเปลืองของ ROM ได้อย่างหนึ่งครับ


Miscellaneous
ตรงนี้ขอพูดถึงเสียงที่ค่อนข้างเด่นของ SC อีกกลุ่มครับ คือ Accordian กับ Harmonica ที่ทำได้ดีทีเดียว เสียงค่อนข้างกลมกลืนและเล่นได้ดีทีเดียวครับ

เรื่องการ setup เล่นสด ผมว่าไม่น่ามีปัญหานะครับ เพราะ Soniccell สามารถเซ็ต user patch และ Performance  ได้ในส่วนของ user patch ได้ถึง 256 patches Performance ได้ถึง 64 performances ซึ่งน่าจะเพียงพอสำหรับเล่นสดครับ

แถมด้วยตัวโปรแกรม soniccell ditor ครับ จะเห็นว่าโครงสร้างโปรแกรมเหมือน Fantom X เปี๊ยบ ลดลงไปแค่บาง waveform เท่านั้น









รวมหน้าโปรแกรม

เอาคร่าวๆแค่นี้ก่อนแล้วกันครับ
ขอยกเครดิต ให้เวปเพื่อนบ้านครับ

ออฟไลน์ ขวัญ

  • คณะก่อการ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 6594
  • HL1= 4C9D39A7 ตัวหลัก HL2=12269859 ตัวสำรอง
Re: Sonic Cell
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันที่ 3 มิถุนายน 2011, 21:35:27 น. »
รู้สึกพี่อ๊อด ลำพูน จะใช้อยู่  ไม่ทราบแว่ รุ่นเดียวกันเปล่าครับ  :o^:

ออฟไลน์ อ๊อด ลำพูน

  • คณะก่อการ
  • ระดับ 5
  • ***
  • กระทู้: 1281
  • HL#> 740EB29E
Re: Sonic Cell
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันที่ 3 มิถุนายน 2011, 23:20:47 น. »
รู้สึกพี่อ๊อด ลำพูน จะใช้อยู่  ไม่ทราบแว่ รุ่นเดียวกันเปล่าครับ  :o^:

ขอบคุณครับท่านของเขาดีจริงๆๆครับ :thank1: