ผู้เขียน หัวข้อ: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ  (อ่าน 18709 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เด็กชายเคยโสด

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 20090
  • 6E65CE52,7309F48F,48B54692,6E674E74,1E001EF5
มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 09:34:54 น. »
แอมป์แต่ละคลาสต่างกันอย่างไร ?
Class A เป็นรูปแบบวงจรของเพาเวอร์แอมป์ที่เน้นในเรื่องของคุ ณภาพเสียงเป็นหลัก ซึ่งไม่ค่อยเหมาะที่จะนำมาใช้กับรถยนต์เท่าไร เพราะมันเป็นวงจรที่มีประสิทธิภาพต่ำ คายความร้อนสูง และแอมป์ที่คุยว่าเป็น Class A นั้นจริงๆแล้วมักจะเป็นรูปแบบวงจรแบบ Class AB Hybrid หรือลูกผสมเสียเป็นส่วนใหญ่ หายากที่จะเป็น Pure Class A
Class AB ส่วนมากจะนิยมในเครื่องเสียงรถยนต์มากกว่าเพื่อนเพรา ะว่า ได้ผสมผสานความลงตัวไว้ทั้งเรื่อง คุณภาพ ประสิทธิภาพ ความเพี้ยน เป็นต้น
Class D จัดเป็นแอมป์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่ามีการคายความร้อ นน้อยกว่า กินไฟน้อยกว่า Class AB แต่มีความเพี้ยนสูง เราจึงมักนิยมนับ แอมป์ Class D มาขับซับ เพราะว่าเมื่อเรานำไปขับ ซับ ซึ่งเป็นความถึ่ต่ำ ความเพี้ยนที่เกิดขึ้นจะสังเกตได้ยากมาก
Class T เป็นการนำคุณสมบัติของแอมป์ Class AB กับ Class D ในเรื่องของการให้พลังในการขับที่สูงขึ้น และมีการคลายความร้อนที่น้อยลงนั้นเอง

ออฟไลน์ เด็กชายเคยโสด

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 20090
  • 6E65CE52,7309F48F,48B54692,6E674E74,1E001EF5
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 09:36:53 น. »
ประดับความรู้ครับCLASS "D"
ตัว "D"ไม่ได้ย่อมาจากคำว่า DIGITAL อินพุทถูกแปลงเป็นออดิโอ เวฟฟอร์ม ไบนารี 2 สเตท ความแตกต่างเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ CLASS D ออกแบบให้ช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพ แทนที่จะต้องเสียกำลังไปในทรานซิสเตอร์ เอาท์พุทก็จะถูกไม่เปิดตลอด ไม่มีโวลเทจเสีย ก็ปิดตลอด ส่งผลให้ประสิทธิภาพเต็มร้อยเปอร์เซ็นต์ดังนั้นอินพุ ทออดิโอถูกแปลงเป็น PWM (PULSE WIDULATED) ร่องสีเหลืองที่อยู่ขางใต้คือ เอาท์พุทของแอมพ์ ร่องสีฟ้าคือ เวฟฟอร์ม PWM เวฟฟอร์มสีฟ้าจะถูกป้อนให้กับฟิลเตอร์เอาท์พุท ซึ่งให้ผลเป็นเวฟฟอร์มเอาท์พุทสีเหลือง สังเกตว่า เอาท์พุทจะดูเหมือนอะไรบางอย่างที่เสียไปสัญญาณที่เส ีย และเสียงสวิทชิงทั้งหมดไม่สามารถเอาออกไปได้ และจะเห็นผลได้ที่นี่ เพราะขั้นตอนการแปลงสัญญาณอินพุทไปเป็น pwn และแปลงกลับไปเป็นแอนาลอก ทำให้เกิดการเสียของสัญญาณไป ฟีดแบคทั่วไปก็เหมือนกับที่ใช้ในการออกแบบแอมพ์ CLASS "AB" เพื่อลดการเสียของสัญญาณ มอสเฟทเป็นทางเลือกเดียวสำหรับการออกแบบ CLASS "D" ซึ่งการออกแบบส่วนใหญ่จะมีประโยชน์แต่กับเพียงเบสส์แ อมพ์ เมื่อมันไม่สามารถสวิทช์ได้เร็วเพียงพอ กับการผลิตความถี่สูงอีกครั้ง การออกแบบ CLASS "D" ฟลูล์เรนจ์คุณภาพสูงยังคงหาได้ ในเครื่องเสียงระดับมืออาชีพ แต่มันจะซับซ้อนกับเอาท์พุทมัลทิเฟล

ออฟไลน์ เด็กชายเคยโสด

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 20090
  • 6E65CE52,7309F48F,48B54692,6E674E74,1E001EF5
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 09:38:56 น. »
เพาเวอร์แอมป์ทำงานเสถียรที่ 2 โอห์ม มีอะไรโยชน์อย่างไร ?
- ตามปรกติเพาเวอร์แอมป์รถยนต์ก็จะทำงานกันที่ความต้าน ทาน 4 โอห์ม แต่หากโรงงานบอกว่าแอมป์ของเราทำงานเสถียรได้ต่ำถึง 2 โอห์ม นั้นก็หมายความว่า ค่าความต้านทานต่ำที่สุดเท่าที่เจ้าแอมป์ตัวนั้นจะรั บได้ในการทำงานแบบสเตอริโอ ( 2 แชลแนล ) ไม่ใช่ทำงานแบบ บริดจ์โมโน เมื่อแอมป์ต่อกับความต้านทานที่ต่ำกว่า มันก็จะทำให้กำลังขับได้มากกว่า ซึ่งวิธีการทั่วไปในการทำให้แอมป์ที่เสถียรที่ 2 โอห์ม สามารถให้กำลังมากเป็นพิเศษสู่ความต้านทานต่ำกว่าก็ค ือการต่อสายลำโพงทั้งสองข้างเข้าหากันก่อนในแบบขนาน (ขั่วบวกของลำโพงข้างหนึ่งต่อเข้ากับขั้วบวกของลำโพง อีกขั้วหนึ่ง ) ซึ่งจะเป็นการลดความต้านทานรวมของชุดลำโพงลงในขณะที่ การต่อสายแบบอนุกรม จะเป็นการเพิ่มค่าความต้านทานขึ้น จะเห็นว่าเราสามารถเพิ่มพลังให้กับระบบเสียงของเราจา กเพาเวอร์แอมป์ 2 แชลแนลตัวเดิม( เสถียรที่ 2 โอห์ม น่ะครับ ) โดยการต่อซับวูฟเฟอร์ 2 ข้างในแบบขนานเข้ากับแอมป์นั้นในแต่ละแชลแนล ( ก็คือใช้ซับวูฟเฟอร์รวม 4 ข้าง ) หรือ ถ้าเราต้องการใช้ซับวูฟเฟอร์เพียงคู่เดียว ก็ใช้แบบ วอยซ์คอยล์คู่ 4/4 โอห์ม ( หมายถึงวอยซ์ล่ะ 4 โอห์ม ) น่ะครับ

ออฟไลน์ กระป๋อง

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 6824
  • HL- 4408C2D9 พอใจเท่าที่มี...ยินดีเท่าที่ได้
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 09:41:54 น. »
ยอดเลยครับ ความรู้ทั้งนั้น

chollathee

  • บุคคลทั่วไป
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 09:44:37 น. »
Class A เป็นรูปแบบวงจรของเพาเวอร์แอมป์ที่เน้นในเรื่องของคุ ณภาพเสียงเป็นหลัก ซึ่งไม่ค่อยเหมาะที่จะนำมาใช้กับรถยนต์เท่าไร เพราะมันเป็นวงจรที่มีประสิทธิภาพต่ำ คายความร้อนสูง และแอมป์ที่คุยว่าเป็น Class A นั้นจริงๆแล้วมักจะเป็นรูปแบบวงจรแบบ Class AB Hybrid หรือลูกผสมเสียเป็นส่วนใหญ่ หายากที่จะเป็น Pure Class A


ของผมไง Pure Class-A / Single Ended
CEC AMP 3300R (ตัวกินไฟ)

dvsound

  • บุคคลทั่วไป
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 13:29:56 น. »
เยี่ยมครับ :police:

pure126

  • บุคคลทั่วไป
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 13:48:16 น. »
แล้วแอมป์คลาส H ที่เริ่มมาตีตลาดในบ้านเราช่วงนี้ละครับ เป็นอย่างไรบ้าง
มีทั้งของไทยและเทศเลยครับ เท่าที่เห็นมา

ออฟไลน์ เด็กชายเคยโสด

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 20090
  • 6E65CE52,7309F48F,48B54692,6E674E74,1E001EF5
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 14:13:28 น. »
แล้วแอมป์คลาส H ที่เริ่มมาตีตลาดในบ้านเราช่วงนี้ละครับ เป็นอย่างไรบ้าง
มีทั้งของไทยและเทศเลยครับ เท่าที่เห็นมา

หลักการทำงาน
CLASS A       :   ทรานซิสเตอร์ ในภาคขยายขาออกจะทำงานเต็มที่อยู่ตลอดเวลา
ไม่ว่าจะมีสัญญาณขาเข้า มากหรือน้อยเพียงใดในภาคขาออก ทรานซิสเตอร์จะ
ทำงานอย่างเต็มที่อยู่ตลอดเวลา จึงทำให้เครื่องมีความร้อนสูง ถึง สูงมาก
CLASS B      : จะจัดแบ่งการทำงานของทรานซิสเตอร์ในภาขยายขาออก แบ่งออกเป็น  2  ช่วง
คือ ด้านหนึ่งทำงานในช่วง  +  อีกด้านหนึ่งทำงานในช่วง  - คือแบ่งกันทำงาน
จึงทำให้มีประสิทธิภาพค่อนข้างสูง แต่ก็จะมีข้อด้อย คือ ช่วงที่สลับการทำงาน
ระหว่าง ช่วง + และ - การทำงานจะไม่ราบเรียบ อาจเรียกได้ว่ามีความพร่าเพี้ยน
เรียกกันว่า cross over distortion คือ ความเพี้ยนที่เกิดจากช่วงสลับการทำงานของ
ทรานซิสเตอร์
CLASS AB     : คือการรวมเอาระหว่างจุดหรือข้อดีและข้อด้อย ของทั้ง CLASS A  และ  CLASS B
เข้าด้วยกัน นั่นคือ ในช่วงเวลาที่มีสัญญาณขาเข้าเบา ๆ  วงจรภาคขาออกจะทำงาน
ในแบบ CLASS A แต่เมื่อสัญญาณขาเข้าแรงขึ้น วงจรภาคขาออกจะทำงานในแบบ CLASS B
จึงทำให้เครื่องขยายเสียงในลักษณะนี้ มีความเพี้ยนต่ำ และมี
                          ประสิทธิภาพสูงจึงเป็นที่นิยมมากที่สุดในวงการเครื่องเสียงทั้งหมด
CLASS D        : เป็นการจัดวงจรขยายเสียง จะแตกต่างกับ CALSS A ,CLASS B หรือ AB โดย
สิ้นเชิง ซึ่ง CLASS ข้างต้นภาคขยายสัญญาณขาออก จะทำหน้าที่ขยายแรงหรือ
หรือให้กำลังตามความแรงของสัญญาณขาเข้า ขณะที่ CLASS D จะแปลง
สัญญาณขาเข้าให้กลายเป็นคลื่นแบบความกว้างของแถบคลื่นที่เรียกกันว่า
Pulse Width Modulation (PWM) ในลักษณะรูปคลื่นที่เป็นแบบ square wave                             ขณะที่สัญญาณเสียงทั่วไปจะเป็นแบบ sine wave สัญญาณคลื่นที่ถูกแปลงนี้จะ
ถูกส่งไปสร้างลักษณะการทำงานของภาคขยายเสียงขาออก ให้ทำงานและ
หยุดทำงานตามความกว้างของคลื่นที่ส่งเข้าไปกระตุ้นภาคขาออก คล้ายการ
ทำงานของสัญญาณในแบบดิจิตอล คือ กำหนดให้เป็นการเปิดหรือปิดวงจร
จึงทำให้มีผู้เข้าใจผิดว่า  CLASS D คือ ดิจิตอล แต่แท้จริงแล้ว อาจจะคล้ายกัน
ในแง่ของลักษณะในเชิงการทำงานแบบเปิดและปิด แต่ไม่ใช่ในแง่ของการ
ทำงานเพื่อขยายสัญญาณเสียง ข้อจำกัดของ CLASS D คือ มักจะจำกัดการ
ทำงานที่ความถี่ค่อนข้างต่ำ เพราะการขยายสัญญาณในภาคขาออกต้องทำ
การกรองคลื่นที่เป็น PWM ที่เป็น square wave ออกเพื่อให้กลับมาเป็น
สัญญาณถี่ในแบบ sine wave โดยมาก เครื่องขยายเสียง CLASS D ทั่วไป
จะกรองความถี่ที่ 500 Hz ฉะนั้นความถี่ที่ใช้งานได้คือ จะสูงไม่เกิน 250 Hz
หรือมากกว่าเล็กน้อย หากความถี่สูงกว่านี้เสียงจะพร่าเบลอ หรือเสียงสะดุด
หากจะให้ขยายเสียงได้ตลอดผ่านความถี่ มักมีปัญหาเรื่องการกวนของความถี่
ในระดับคลื่นวิทยุ (Radio Frequency Interference - RFI)

ออฟไลน์ เด็กชายเคยโสด

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 20090
  • 6E65CE52,7309F48F,48B54692,6E674E74,1E001EF5
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 14:13:52 น. »
คลาสส์อื่นๆที่ยังไม่เป็นที่รู้จักกันมากนัก
CLASS G       : เป็นเครื่องขยายเสียงที่ใช้ไฟเลี้ยงตั้งแต่ 2 ชุด ขึ้นไป และจะทำงานโดยภาคขยายเสียงจะปรับไปใช้ไฟเลี้ยงที่สูงขึ้นหากสัญญาณขาเข้ามีความแรงมากขึ้น จึงทำให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น แต่มีปัญหาในช่วงการเปลี่ยนจากภาคจ่ายไฟ ที่จะปรับใช้ในแต่ละความแรงของสัญญาณ
CLASS  H      : เคยมีใช้ในวงการรถยนต์ในยี่ห้อ BLADE ที่เรียกวงจรนี้ว่า BASH นั่นคือ การประยุกต์ CLASS G ขึ้นมาให้ภาคจ่ายไฟปรับแรงดันได้ตลอดเวลา ตามความแรงของสัญญาณที่เข้ามา ซึ่งภาคจ่ายไฟแบบนี้ คือ ต้นแบบของหลักการในภาคจ่ายไฟของ CLASS D  แต่การจัดวงจรภาคขาออกจะเหมือนกับวงจรแบบ CLASS AB
CLASS  S       : คือการทำงานของภาคขยายเสียงที่ทำงานแบบ switching ที่มีการทำงานแบบเปิด/ปิด อยู่ตลอดเวลา และต้องใช้วงจรกรองความถี่แบบ low pass ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็น CLASS D
CLASS  T      : เป็นการเรียกขานตามวงจรควบคุมการทำงานที่ผลิตโดย บริษัท ไทรพาธ(Tripath) ซึ่งพัฒนาเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อลดจุดด้อยของ CLASS D ที่ไม่มีเสถียรภาพในความถี่สูงโดยใช้ความสามารถในเชิงดิจิตอลเข้ามาช่วยเพิ่มความถี่ของการทำงานแบบ switching ทำใหswitching ที่ความถี่สูงขึ้นถึงในระดับความถี่ประมาณ 85 KHz จากนั้นจึงใช้วงจรกรองความถี่ แบบ Low passที่ประมาณ 40 KHz ทำให้ได้เครื่องขยายเสียงแบบ CLASS D ที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพจนถึงความถี่ ที่สูงกว่า 20 KHz
CLASS E       : Audiobahn ใช้เป็นชื่อเรียกในรุ่นของเครื่องขยายเสียง แต่การทำงานไม่ใช่ class E จริงๆ เครื่องขยายเสียง class E ทำงานโดยใช้หลักการ switching แบบอ่อน ๆ คือไม่ได้ใช้ลักษณะของ switching เป็นหลักในการขยายสัญญาณโดยจะปล่อยให้มีสัญญาณหรือกระแสต่ำ ๆ กระตุ้นการทำงานของภาคขาออกอยู่ตลอดเวลา เพื่อลดความเพี้ยนที่เรียกว่า crossover distortion หรือ switching distortion ขณะเดียวกันถือได้ว่ามีการออกแบบวงจรจ่ายไฟที่ดีมาก ทำให้มีประสิทธิภาพสูงเช่นกัน

ออฟไลน์ นายเอ

  • คณะก่อการ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 4504
  • 748A44D7(X-WIN)
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 14:21:04 น. »
ของผมไง Pure Class-A / Single Ended
CEC AMP 3300R (ตัวกินไฟ)
ผมใฝ่เจ้ารุ่นนี้มาปีหนึ่งแหละ ได้แต่มองเองราคาก็ไม่เท่าไหร่หมื่นต้นๆเอง ที่สำคัญเป็นบาลานซ์แท้ราวกับมีชุดขยาย4ตัว แถมกำลังไฟจากภาคจ่ายไฟก็ออกมาเต็มๆเพียงพอจนเหลือเฝือ

pure126

  • บุคคลทั่วไป
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 14:23:24 น. »
พอเริ่มเข้าใจหลักการทำงานแล้วครับ
ต่อไปก็คงพัฒนาออกมาเรื่อยๆ อีก ยิ่งเล็ก ยิ่งแรง กินไฟน้อย ความร้อนไม่มี ต่อไป Power Apm อาจมีขนาดเล็กเท่ากับ Harddisk แบบพกพาก็ได้ ใครจะรู้ อิอิ

ขอบคุณมากครับ


คำเตือน - มีกระทู้ตอบใหม่ ขณะที่คุณพิมพ์ข้อความ อยากให้คุณแสดงตัวอย่างก่อนตั้งกระทู้

ซะงั้น  ;D

ออฟไลน์ เด็กชายเคยโสด

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 20090
  • 6E65CE52,7309F48F,48B54692,6E674E74,1E001EF5
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 14:36:17 น. »
ผมใฝ่เจ้ารุ่นนี้มาปีหนึ่งแหละ ได้แต่มองเองราคาก็ไม่เท่าไหร่หมื่นต้นๆเอง ที่สำคัญเป็นบาลานซ์แท้ราวกับมีชุดขยาย4ตัว แถมกำลังไฟจากภาคจ่ายไฟก็ออกมาเต็มๆเพียงพอจนเหลือเฝือ

แล้วตัวนี้ล่ะเป็นไงบ้าง..........เอไม่สนบ้างเหรอ  อิอิ




poome

  • บุคคลทั่วไป
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 16:51:48 น. »
http://www.cm-club.com/vb/showthread.php?t=2858

ข้อความเหมือนกันเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

ออฟไลน์ กุ้งดีโฟร์ดี(Kungd4d)

  • คณะก่อการ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 8716
  • HL#6C88488C : 7D2D1563 จอมยุทธเอ็กซ์
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 19:37:25 น. »
;D ;D โห สุดยอดเลยครับพี่ชายโสด คือว่าเมื่อก่อนผมก็กะจะเล่น Power Amp Class AB อยู่เหมือนกันแต่ตอนหลังเห็น Power Amp Class D กำลังมาแรงเลยลองศึกษาและอยากจะลองเล่นดูอยู่เหมือนกัน เห็นตอนหลังๆมีการออกแบบวงจรใหม่เพิ่มเข้า
ไปแล้วเอาไปทดสอบเสียงกลางแหลมกันอยู่แต่ไม่รู้สุดท้ายแล้วเป็นยังไงบ้าง   งั้นพี่ชายโสดเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้นะครับ ;D;D

ออฟไลน์ เด็กชายเคยโสด

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 20090
  • 6E65CE52,7309F48F,48B54692,6E674E74,1E001EF5
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 20:16:34 น. »
;D ;D โห สุดยอดเลยครับพี่ชายโสด คือว่าเมื่อก่อนผมก็กะจะเล่น Power Amp Class AB อยู่เหมือนกันแต่ตอนหลังเห็น Power Amp Class D กำลังมาแรงเลยลองศึกษาและอยากจะลองเล่นดูอยู่เหมือนกัน เห็นตอนหลังๆมีการออกแบบวงจรใหม่เพิ่มเข้า
ไปแล้วเอาไปทดสอบเสียงกลางแหลมกันอยู่แต่ไม่รู้สุดท้ายแล้วเป็นยังไงบ้าง   งั้นพี่ชายโสดเป็นตัวตั้งตัวตีเรื่องนี้นะครับ ;D;D


เมื่อวานนี้ทดสอบคลาสดี  ทั้งหมด  3 รุ่น  สรุปว่าผ่านหมดครับ  ท่านพี่กุ้ง

สุ้มเสียงเป็นเช่นไรเดี๋ยวให้คนเป็นกลางเขามาอธิบายดีกว่า  พี่ศิริรัตน์อยูไหมหนอ

ออกไปรับงานกลับเข้ามาบ้านหรือยังหนอครับ.......  ถ้าสนใจจริง ๆ กุ้งจะลดต้นทุน

ไปมากเลย    ของบอสเทค  ขายที่ 3 หมื่นกว่า  แต่ของเราไม่ถึง  และกำลังขับใส่ให้เต็ม ๆ

ออฟไลน์ ทีมงาน ส.สีดา

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 1044
  • Hd7487360A (X-men) 0817682909 ทีมงานส.สีดาอุดรธานี
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2008, 22:11:28 น. »
เมื่อวานนี้ทดสอบคลาสดี  ทั้งหมด  3 รุ่น  สรุปว่าผ่านหมดครับ  ท่านพี่กุ้ง

สุ้มเสียงเป็นเช่นไรเดี๋ยวให้คนเป็นกลางเขามาอธิบายดีกว่า  พี่ศิริรัตน์อยูไหมหนอ

ออกไปรับงานกลับเข้ามาบ้านหรือยังหนอครับ.......  ถ้าสนใจจริง ๆ กุ้งจะลดต้นทุน

ไปมากเลย    ของบอสเทค  ขายที่ 3 หมื่นกว่า  แต่ของเราไม่ถึง  และกำลังขับใส่ให้เต็ม ๆ

ออฟไลน์ ทีมงาน ส.สีดา

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 1044
  • Hd7487360A (X-men) 0817682909 ทีมงานส.สีดาอุดรธานี
Re: มารู้จักเพาเวอร์แอมป์คลาสต่าง ๆ กันเถอะครับ
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: วันที่ 10 พฤษภาคม 2008, 22:58:48 น. »

ต้องขอโทษด้วยครับพอดีมีงานยุ่งอยู่เลยตอบช้าไปหน่อย วันก่อนได้มีโอกาศไปทดสอบแอมป์ที่คุณชายโสดพูดถึง ทดสอบหลายตัวครับจนจำไม่ได้ว่าชื่อรุ่นอะไรบ้าง แต่ที่ประทับใจเห็นจะเป็นตัวที่อยู่ในกรทู้( ทีมงาน สมบัติซาวด์หนองคาย) แบบสวิทชิ่ง ถูกหรือเปล่าต้องขออภัยด้วยเพราะไม่มีความรู้ทางด้านนี้ ใช้เป็นอย่างเดียว เพราะเมื่เทียบกับที่ผมใช้ในปัจจุบันแล้ว ถือว่าหากชั้นกันมาก เพราะ
  1. ราคาที่ท่านอาจารย์บอกไว้แค่คราวๆ ไม่ถึงหมื่นครับ
  2. น้ำหนักครับ ผมว่า ฝรั่งเห็นคงงึดจนหัวแตกแน่นอน ประกอบเสร็จคงจะเท่าน้ำหนักของ q สองตัวรวมกันแต่ขนาดเท่า q หนาบางน่าจะไม่เกินนั้นครับ
  3.กำลังขับครับท่าน ตัวนิดเดียวขับเบส 18 นี้ว 2 ตัว 15 นิ้ว 2 ตัว ปากฮอน 2 ตัว เสียงที่ออกมา นุ่มลึก ไม่มีแตก เสียงกลางใสมาก เมื่อเปรียบเทียบกับที่ผมใช้อยู่ปัจจุบันแล้ว โอ๋ยงึดครับ ( ผมใช้ B2000 ขับเบส ต้องยก ตั้ง 2 คน ยังปวดเอวไมหายเลย)
  4. เมดอินอุดรธานี อิน ไทนแลนครับ ต้อง นับหนุน และเชื่อได้ว่าเมื่อได้เห็นได้ฟังอย่างผมจะต้อง งึดไป อีกนาน จนกว่าจะได้เป็นเจ้าของครับ