eXtreme Karaoke
เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงกลางแจ้ง (Public Address,Pro Audio Sound Reinforcement System) => ข้อความที่เริ่มโดย: ขอชอลอ ที่ วันที่ 7 มกราคม 2009, 13:06:16 น.
-
ทำความเข้าใจ Signal Processing ฉบับชาวบ้าน#1
Compressor
จริงๆ EQ ควรจะมาก่อนเนอะ เหอๆๆ เห็นว่าตอนนี้ compressor กำลังเป็น talk-of-the-forum อยู่ครับ
กะว่าจะหาเวลามาเล่านิทานก้อมให้ครบชุด Signal Processing ทุกตัวที่จำเป็นสำหรับงาน audio reinforcement ครับ
EQ (Graphic, Parametric) / GATE / COMPRESSOR / LIMITER / EXPANDER ฯลฯ
เริ่มแรกกับ Compressor เด้อครับ
ชื่อมันก็บอกอยู่แล้วว่า เป็น "ตัวบีบอัด"
ทำไมต้องบีบอัด ก็เพื่อ ลดเสียงที่มันดังเกิน ลงมาให้อยู่ในระดับที่พอเหมาะ
พิจารณาแบบนี้ครับ สมมุติท่านนั่งอยู่หน้ามิกซ์ คอยปรับเสียงไมค์
เวลาคนพูดดังไป ท่านก็ต้องคอยลดวอลุ่มลงใช่มั๊ยครับ
พอเค้ากลับมาพูดปกติ ท่านก็ต้องดันวอลุ่มขึ้นไปอยู่ที่เดิม
Compressor มันก็ทำงานแบบนี้ล่ะ แต่มันทำงานอัตโนมัติ
พื้นฐาน มันก็ คือระบบควบคุมอัตโนมัติธรรมดาๆนี่เอง
(http://www.harmony-central.com/Effects/Articles/Compression/compression-f1.gif)
ถ้าไม่มีระบบควบคุม สมมุติเราเอากล่องๆ นึง มาดักจับสัญญาณเสียง เสียงเข้ามาเท่าไร มันก็ออกไปเท่านั้น
เรามาดูความสัมพันธ์ของระดับสัญญาณระหว่างขาเข้ากับขาออกก่อนครับ
(http://www.harmony-central.com/Effects/Articles/Compression/compression-f2.gif)
ดูจากรูปข้างบน ดูเส้นกราฟสีดำนะคับ ถ้าไม่มีคอมเพรสเซอร์ เสียงเข้ามาเท่าไร มันก็ออกไปเท่านั้น แมนบ่ครับ
เข้า10 ออก10 เข้า100ออก100
(แต่จริงๆ เค้าวัดกันเป็น dB คับ ดังสุด0dB เราไม่พูดถึงกัน มันจะยาว เอาหน่วยแบบชาวบ้านๆนี่ล่ะ)
คราวนี้ พอมีระบบควบคุมเข้ามา
เราก็ต้องกำหนดค่าต่างๆให้ระบบควบคุมมันทำงาน ตามใจเรา
ซึ่งมันก็จะมีตัวแปรสำคัญๆ อยู่ 4 อย่างครับ มาทำความเข้าใจตัวแปรต่างๆก่อนนะครับ ซึ่งได้แก่
-Threshold : ตัวนี้ เป็นตัวบอกว่า เมื่อสัญญาณดังเกินที่ระดับเท่าไร ถึงจะให้ระบบทำการลดgainของสัญญาณลง
พิจารณาไปถึงสามีภรรยาที่นั่งรถไปด้วยกัน ภรรยาตั้งใจไว้ว่า ถ้าสามีขับเกิน 60 ภรรยาจะทำการบอกให้สามีลดความเร็วลง
แต่ถ้าสามีขับรถด้วยความเร็วที่ต่ำกว่า 60 ภรรยาก็จะไม่ว่าอะไร นั่งอยู่เฉยๆ
นั่นคือ ระบบเรามีตัวดักจับระดับสัญญาณที่เฝ้าดูระดับสัญญาณอยู่ตลอดเวลา (ในรูปคือ level detector)
-Ratio : อันนี้ เป็นอัตราส่วนของการบีบอัด เช่น 1:1 2:1 4:1 10:1 เป็นต้น มันคืออะไร
สมมติว่า ตั้งอัตราส่วนไว้ 2:1 หมายความว่า ให้บีบย่อสัญญาณลง 2 เท่า
เช่น ตั้งเทรชโฮลด์ไว้ -40dB สัญญาณเข้ามา -20dB สัญญาณออกจะเป็น -30dB เพราะมันถูกบีบลงด้วยอัตราส่วน 2:1
ถ้าภรรยาตั้งใจไว้ว่า สามีขับรถเกิน 60 จะบอกให้สามีลดความเร็วลง ด้วยอัตราส่วน 2:1
ถ้าบังเอิญสามีขับรถด้วยความเร็ว 100 ภรรยาจะสั่งให้สามีลดความเร็วลงมาเหลือแค่ 80
แต่ถ้าภรรยา สั่งให้สามีลดความเร็วลงด้วยอัตราส่วน 4:1 สามีจะลดความเร็วลงเหลือ แค่ 70
นี่ล่ะครับ คืออัตราส่วนของการบีบอัด
ถ้าบีบด้วยอัตราส่วนเยอะๆ มันก็จะไม่เรียกว่าบีบแล้ว มันจะเรียกว่า "จำกัด" แทน นั่นก็คล้ายๆกับ LIMITER ครับ
อ่ะ ดูจากรูปอีกทีนะครับ กราฟนี้ น่าจะให้ความหมายของคำว่า threshold และ ratio เป็นอย่างดี
(http://www.harmony-central.com/Effects/Articles/Compression/compression-f2.gif)
เนื่องจากว่า compressor มีลักษณะการทำงานในเชิงเวลา (time domain processing)
ต่างกับ Equalizer อันนั้นจะทำงานในเชิงความถี่ (frequency domain processing) ไม่มีเวลามาเกี่ยวข้อง
เพราะฉะนั้น การกระทำต่างๆ จึงมีตัวแปรด้านเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง
ตัวแปรตัวต่อไป ก็คือ
- Attack : อันนี้คือการกำหนดระยะเวลาในการลดgain จากระดับ input ให้กลายเป็นระดับ ที่ถูกบีบอัดแล้ว
ว่าสั้นยาวมากนั้นเพียงใด ให้ดูรูปประกอบด้านล่างนะครับ
ถ้าค่ามาก มันก็จะลดช้า
ถ้าค่าน้อย มันก็จะลดเร็ว
สมมุติ สามีภรรยาคู่เมื่อกี้ล่ะ ภรรยาตั้ง threshold 60 ratio 4:1 attack 5 sec
สามีขับรถ 100 ระบบอัตโนมัติของภรรยา จะสามารถทำให้สามีลดความเร็วจาก 100 เหลือ 70 ได้ภายในเวลา 5 วินาที
ถ้า attack สั้นๆมากๆ จนใกล้ศูนย์ มันก็จะเสมือนว่า "ลดทันทีทันใดแบบก้าวกระโดด"
- Release : อันนี้ ก็ตรงข้ามกันครับ เป็นการกำหนดระยะเวลาการ "คลาย" หรือ "อภัยโทษในการบีบอัด"
คิดแบบนี้นะครับ สภาวะปกติ สัญญาณขาเข้า ต่ำกว่า threshold compressor ก็ไม่ทำงาน
แต่พอสัญญาณขาเข้าเกินระดับ threshold มันก็จะถูกบีบด้วยอัตราส่วนที่กำหนด (ratio) ภายในระยะเวลาที่กำหนด (attack)
แต่คราวนี้ สัญญาณขาเข้า ต่ำกว่าระดับเทรชโฮลด์ (โจรกลับใจ) คอมเพรสเซอร์ต้องหยุดการทำงานใช้มั๊ยครับ
แต่จะให้มันหยุดดื้อๆ เลย ก็จะเกิดเสียงกระโดดวูบวาบ หรือภาษาเทคนิคเค้าจะเรียกกันว่า "pumping"
ค่ามาก มันก็จะคลายช้า
ค่าน้อย มันก็จะคลายเร็ว (ระวังจะวูบวาบ)
ดูรูปประกอบครับ
(http://img224.imageshack.us/img224/3163/compressionf31jc5.gif)
เส้นสีเทาเส้นแรกทางซ้ายมือ ตรงนั้นจะเป็นจุดเวลาที่มีเหตุการณ์นึงเกิดขึ้น คือ
สัญญาณขาเข้า มันดังเกินระดับ threshold ที่ตั้งไว้ เพราะฉะนั้น คอมเพรสเซอร์ก็จะเริ่มทำงาน
แต่มันใช้ระยะเวลา เท่ากับ attack time ในการลด gain ลงมาเป็นอัตราส่วน 4:1
(บีบได้สมบูรณ์ ที่เส้นสีแดงเส้นแรก พอดี)
ผ่านไปซักพัก เส้นสีเทา เส้นที่สอง สัญญาณขาเข้า มันต่ำกว่า threshold เพราะฉะนั้น คอมเพรสเซอร์ต้องหยุดทำงาน
ก็คือ gain ต้องไม่โดนบีบ ต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิม คือ เป็น unity gain (gain=1 ไม่ลดไม่เพิ่ม)
มันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม เพียงแต่ว่า ใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนแปลงเท่ากับ release time
การตั้งค่า threshold และ ratio ต้องขึ้นอยู่กับชนิดของต้นกำเนิดเสียง
การตั้งค่า attack release ต้องขึ้นอยู่กับชนิดของเสียง และสไตล์ของการกำเนิดเสียงด้วย
เอาง่ายๆ ว่า เช่น เสียงกลองตุ้มของวงโปงลาง
ตีจังหวะภูไท กับตีจังหวะลำเพลิน ก็ต้องตั้งค่าไม่เหมือนกัน
สมมุติตั้งค่า release ช้าๆ แล้วไปใช้กับเสียงรัวกระเดื่องคู่ มันก็ไม่ได้
เพราะยังไม่ทันคืนค่าเลย เสียงใหม่เข้ามาแล้ว
เมื่อเข้าใจการทำงานของระบบแล้ว ก็ต้องทำการ "เล่นกับอุปกรณ์ของตัวเองที่มี" ให้คุ้นเคย
เก็บประสบการณ์ในการปรับแต่งค่าต่างๆ ให้เข้ากับ ชนิดแหล่งกำเนิดเสียงครับ
นอกจากนี้ ยังมีตัวแปรรองอื่นๆ อีกสองสามตัวครับ และเทคนิคการปรับครับ เดี๋ยวแวะมาโพสอีก
เด็กบางมด
:em10: :em10: :em10:
Reference:
Introduction to Signal Processing
Orfanidis, Sophocles. New Jersy, Prentice Hall. 1996. (ISBN 0132091720)
-
อีกตัวแปรนึง ซึ่งบางยี่ห้อมี ก็คือ
Soft Knee / Hard Knee
เป็นการปรับ curve ของจุดตัดตรง threshold เฉยๆ ครับ
ดูกราฟประกอบครับ
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/3e/Compression_knee.svg/450px-Compression_knee.svg.png)
(http://www.cakewalk.com/images/Sonitus/sonitus-compressor.gif)
ถ้าเป็นซอฟท์แวร์คอมเพรสเซอร์ บางตัวปรับcurve ได้ด้วย
ส่วนฮาร์ดแวร์ยังไม่เคยเจอ ส่วนมากเป็นแค่ปุ่มให้กดเฉยๆ ว่าจะเอา soft หรือ hard
Make Up Gain
บางรุ่นก็เรียก output gain หรือ gain เฉยๆ
อันนี้ไม่มีอะไรครับ ตามความหมายมัน
มันก็เหมือนกับแอมป์น้อยๆดีๆ ตัวนึงนี่ล่ะครับ คอยขยายสัญญาณขึ้นเฉยๆ
(http://img120.imageshack.us/img120/3535/9898in6.gif)
ดูเส้นสีน้ำตาลครับ นั่นคือ สัญญาณขาออกมันจะถูกเร่งดื้อๆแบบนี้ครับ
พิจารณา waveform ของเสียงข้างล่างนี้นะครับ
(http://home.btconnect.com/ssa/whitepaper/compressor_wave.gif)
ฝั่งซ้าย คือเสียงต้นฉบับ
ฝั่งขวา คือเสียงที่ผ่าน compressor แล้ว
อันนี้ จะเห็นได้ชัดว่า มันมีการ เร่งเกนขึ้นด้วย
สังเกตุจากตรงคอคอดเล็กๆนั่นน่ะครับ
:em04: :em04: :em04:
ดูอีกรูปครับ
(http://www.harmony-central.com/articles/tips/compressors_demystified/1.gif)
อันแรก สัญญาณเข้า
อันกลาง สัญญาณที่ compress แล้ว
อันขวา สัญญาณที่ compress+makeup gain
:em05: :em05: :em05:
-
ยังมีการต่อ compressor อีกแบบนึงครับ
เอาสัญญาณนึงทริกการทำงานของคอมเพรสเซอร์
แต่เอาคอมเพรสเซอร์ไปลดอีกสัญญาณนึง
ถ้ายังนึกไม่ออก
หลับตานึกถึงเหตุการณ์ต่อไปนี้นะครับ
เห็นตามสถานีวิทยุชุมชน เวลาเปิดเพลง
แล้วพูดทับ เค้าจะผ่อนเสียงเพลงลง พูดจบ แล้วก็ดันวอลุมเพลงขึ้นเหมือนเดิม
อันนี้เราสามารถใช้คอมเพรสเซอร์มาควบคุมเสียงเพลงให้ได้ครับ
โดยใช้เสียงไมค์เป็นตัวทริก
เรียกว่าแบบ
Cross Limiting หรือ Ducking
อ่อ อีกคำนึง SideChaining
Duck ในที่นี้ ไม่ได้แปลว่าเป็ด แต่เป็นการ มุดหลบกัน คือทำให้เสียงหลบกัน
ดู signal flow กันครับ
(http://www.harmony-central.com/Effects/Articles/Compression/compression-f4.gif)
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/0/00/Compressor_Sidechain.svg/500px-Compressor_Sidechain.svg.png)
(http://www.soundonsound.com/sos/jan04/images/qasidechaindiag.l.jpg)
(http://www.soundonsound.com/sos/sep04/images/qac1sidechain.l.jpg)
ลองต่อเล่นๆดูนะครับ
เอาสัญญาณเสียงเพลง เข้า input/output ตามปกติ (ต่อมาจาก insert point ของแชนแนลเสียงเพลงก็ได้)
แล้วเอาสัญญาณไมค์ มาเข้าช่อง return ของ sidechain
(ถ้าเป็น alesis3630 ให้เอาเข้าขาปลายของแจ๊ค หรือจะเอาแจ็คโมโนเสียบเลยก็ได้)
ถ้ามิกซ์มีช่องต่อ direct out ก็ต่อสาย โมโนแจ็คจากช่องนั้น มาเข้าช่อง sidechain ได้เลย
:em10: :em10: :em10:
-
งดงามมากครับ
-
แจ่มครับ... :em01:
จัดไป +1เป๊ก
-
สุดยอดครับ :em01:
-
เยี่ยมยอด..ยอดเยี่ยมครับ...
แต่ไม่มีใช้.. :em27: :em27:
-
...โอ้ว..เว้าแบบนี้..พ่อใหญ่พอสิเข้าใจแล้วจั๊กกะหน่อย...เอ้า+จึ๊ก...เอาอีกเด้อ..555
-
ชัดเจน ชัดแจ้ง แดงแจ๋ครับ จึ๊กเลย
-
ขอบคุณสำหรับสาระความรู้ครับ...ท่านกูรูประจำบอร์ด..
-
อย่างนี้ไม่เรียกระดับชาวบ้านแล้วครับ
เรียก ระดับเทพ
ขอบคุณมากครับ :em01:
-
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดี ที่เอามาแจกกันครับ
แต่ผมยังสงกะสัยอีกหน่อยนึงครับ ท่านเด็กบางมด
สมมุติว่า ท่านสามีขับเต่ามาก ภรรยาจะรีบไปทำงาน
กะว่าจะให้สามีเหยียบซัก 80 แต่พ่อสามีสุดที่รักก็ ขับแค่ 50
เราจะตั้งค่าตรงไหน หรือ อย่างไรครับ
ที่จะปรับให้พ่อสามีที่ขับแค่ 50 เร่งขึ้นมาเป็น 80
ถ้าจะเปรียบเทียบกันในเรื่องจริงก็คือ
นักร้องสองคนใช้ไมค์ตัวเดียวกัน
อีกคนร้องดังมาก อีกคนร้องค่อยมากน่ะครับ
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ สำหรับความรู้ดีๆ กับความมีน้ำใจ
-
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีดี ที่เอามาแจกกันครับ
แต่ผมยังสงกะสัยอีกหน่อยนึงครับ ท่านเด็กบางมด
สมมุติว่า ท่านสามีขับเต่ามาก ภรรยาจะรีบไปทำงาน
กะว่าจะให้สามีเหยียบซัก 80 แต่พ่อสามีสุดที่รักก็ ขับแค่ 50
เราจะตั้งค่าตรงไหน หรือ อย่างไรครับ
ที่จะปรับให้พ่อสามีที่ขับแค่ 50 เร่งขึ้นมาเป็น 80
ถ้าจะเปรียบเทียบกันในเรื่องจริงก็คือ
นักร้องสองคนใช้ไมค์ตัวเดียวกัน
อีกคนร้องดังมาก อีกคนร้องค่อยมากน่ะครับ
ขอบคุณครับ
เร่งเกนไมค์ตัวนั้นขึ้น ง่ายกว่ามั๊ยครับ
การแก้ไดนามิก เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
โดยอาศัยเหตุผลว่า "เราอาจจะแก้เองตรงนั้นไม่ทัน
แต่เครื่อง มันทำให้ทัน (compressor) นะครับ
อย่าลืมว่า เราไม่ได้คอมเพรสเสียงตลอดเวลา
มันจะทำงานแค่ จุดที่มันเกินระดับเทรชโฮลด์แค่นั้น
เปรียบเหมือนเวลาเรานั่งมิกซ์คนพูด
อยู่ๆ คนพูดจะแหกปากร้องดังๆ ขึ้นมา เราอาจจะผ่อนเสียงไม่ทัน
เลยต้องมีคอมเพรสเซอร์
ส่วนกรณี คนพูดค่อย ซึ่งพบบ่อยในกรณีต่อไปนี้
- สุภาพบุรุษที่ขี้อาย หรือไม่สบาย
- สุภาพสตรีที่ไม่ค่อยพูด หรือไม่ค่อยขึ้นเวที
- พระ ที่ยังเทศน์ไม่ค่อยเก่ง ฯลฯ
เสียงที่เข้าไมค์จะค่อยมาก เพราะพูดค่อย
ให้ท่านพูดดังขึ้น หรือเอาไมค์ไว้ใกล้ๆ
หรือเราเร่งเกนขึ้นให้พอเหมาะ (แต่อย่าลืมว่า คนจะพูดดังพูดค่อย noise ก็ดังเท่าเดิม เพราะฉะนั้นเร่งเกน มันก็เร่งน้อยซ์ด้วย)
แล้วใช้ คอมพ์ คอยบีบ/ลิมิต สัญญาณไม่ให้มันเกิน จะง่ายกว่าครับ
:em10: :em10:
-
ความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณครับ
-
เร่งเกนไมค์ตัวนั้นขึ้น ง่ายกว่ามั๊ยครับ
การแก้ไดนามิก เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ
โดยอาศัยเหตุผลว่า "เราอาจจะแก้เองตรงนั้นไม่ทัน
แต่เครื่อง มันทำให้ทัน (compressor) นะครับ
อย่าลืมว่า เราไม่ได้คอมเพรสเสียงตลอดเวลา
มันจะทำงานแค่ จุดที่มันเกินระดับเทรชโฮลด์แค่นั้น
เปรียบเหมือนเวลาเรานั่งมิกซ์คนพูด
อยู่ๆ คนพูดจะแหกปากร้องดังๆ ขึ้นมา เราอาจจะผ่อนเสียงไม่ทัน
เลยต้องมีคอมเพรสเซอร์
ส่วนกรณี คนพูดค่อย ซึ่งพบบ่อยในกรณีต่อไปนี้
- สุภาพบุรุษที่ขี้อาย หรือไม่สบาย
- สุภาพสตรีที่ไม่ค่อยพูด หรือไม่ค่อยขึ้นเวที
- พระ ที่ยังเทศน์ไม่ค่อยเก่ง ฯลฯ
เสียงที่เข้าไมค์จะค่อยมาก เพราะพูดค่อย
ให้ท่านพูดดังขึ้น หรือเอาไมค์ไว้ใกล้ๆ
หรือเราเร่งเกนขึ้นให้พอเหมาะ (แต่อย่าลืมว่า คนจะพูดดังพูดค่อย noise ก็ดังเท่าเดิม เพราะฉะนั้นเร่งเกน มันก็เร่งน้อยซ์ด้วย)
แล้วใช้ คอมพ์ คอยบีบ/ลิมิต สัญญาณไม่ให้มันเกิน จะง่ายกว่าครับ
:em10: :em10:
ขอบคุณมากครับ ท่านเด็กบางมด
ตานี้ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า
พอเราเร่งเกนไปช่วยมาก ๆ มันก็หอนน่ะครับ
-
ขอบคุณมากครับ ท่านเด็กบางมด
ตานี้ปัญหามันอยู่ตรงที่ว่า
พอเราเร่งเกนไปช่วยมาก ๆ มันก็หอนน่ะครับ
หากหอนง่าย
ให้เปลี่ยนเป็นไมค์แบบ Super Cardioid ครับ...
หากใช้ Shure อยู่ ก็เปลี่ยนจาก SM58 เป็น Beta 58A หรือ Beta 87A
จะหอนยากขึ้น แต่...นั่น ก็ร้องยากขึ้นด้วยนะครับ คือต้องร้องให้ตรง ๆ หัวไมค์ ไม่งั้นจะไม่มีเสียง
ช่วยได้เยอะครับ ลองมาแล้ว :em01:
อยากได้ Beta 87A จัง แต่...ราคาเกินเอื้อม :em09:
-
หากหอนง่าย
ให้เปลี่ยนเป็นไมค์แบบ Super Cardioid ครับ...
หากใช้ Shure อยู่ ก็เปลี่ยนจาก SM58 เป็น Beta 58A หรือ Beta 87A
จะหอนยากขึ้น แต่...นั่น ก็ร้องยากขึ้นด้วยนะครับ คือต้องร้องให้ตรง ๆ หัวไมค์ ไม่งั้นจะไม่มีเสียง
ช่วยได้เยอะครับ ลองมาแล้ว :em01:
อยากได้ Beta 87A จัง แต่...ราคาเกินเอื้อม :em09:
ขอบคุณครับท่านหนุ่มเมืองน่าน
ผมก็จ้องอยู่เหมือนกันครับ 87 รอมันลดราคา
มันก็ยังไม่ยอมลด เลยได้แต่จ้อง อยู่นั่นแหละ
Beta 87A ใช้สายราคาที่โน่นก็ประมาณ 250 เหรียญ
ถ้า Wireless ก็ประมาณเกีอบ ๆ 800 เหรียญครับ
และที่ทำให้ขยาด ๆ ไม่อยากจะซื้อเพราะ
กลัวพวกทำตกครับ
-
ได้ความรู้เพิ่มอีกแล้วขอบคุณตรับ :thank1: :th2: :th2:
-
อีกตัวแปรนึง ซึ่งบางยี่ห้อมี ก็คือ
Soft Knee / Hard Knee
เป็นการปรับ curve ของจุดตัดตรง threshold เฉยๆ ครับ
ดูกราฟประกอบครับ
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/3e/Compression_knee.svg/450px-Compression_knee.svg.png)
(http://www.cakewalk.com/images/Sonitus/sonitus-compressor.gif)
ถ้าเป็นซอฟท์แวร์คอมเพรสเซอร์ บางตัวปรับcurve ได้ด้วย
ส่วนฮาร์ดแวร์ยังไม่เคยเจอ ส่วนมากเป็นแค่ปุ่มให้กดเฉยๆ ว่าจะเอา soft หรือ hard
Make Up Gain
บางรุ่นก็เรียก output gain หรือ gain เฉยๆ
อันนี้ไม่มีอะไรครับ ตามความหมายมัน
มันก็เหมือนกับแอมป์น้อยๆดีๆ ตัวนึงนี่ล่ะครับ คอยขยายสัญญาณขึ้นเฉยๆ
(http://img120.imageshack.us/img120/3535/9898in6.gif)
ดูเส้นสีน้ำตาลครับ นั่นคือ สัญญาณขาออกมันจะถูกเร่งดื้อๆแบบนี้ครับ
พิจารณา waveform ของเสียงข้างล่างนี้นะครับ
(http://home.btconnect.com/ssa/whitepaper/compressor_wave.gif)
ฝั่งซ้าย คือเสียงต้นฉบับ
ฝั่งขวา คือเสียงที่ผ่าน compressor แล้ว
อันนี้ จะเห็นได้ชัดว่า มันมีการ เร่งเกนขึ้นด้วย
สังเกตุจากตรงคอคอดเล็กๆนั่นน่ะครับ
:em04: :em04: :em04:
ดูอีกรูปครับ
(http://www.harmony-central.com/articles/tips/compressors_demystified/1.gif)
อันแรก สัญญาณเข้า
อันกลาง สัญญาณที่ compress แล้ว
อันขวา สัญญาณที่ compress+makeup gain
:em05: :em05: :em05:
ใช้กับsonarแจ่มเหลือหลาย ;D ;D ;D
-
ขอบคุณมาก ได้ความรู้มากเลยครับ เพราะกำลังคิดจะหามาใช้สักเครื่องอยู่
-
จะครบรอบหนึ่งปีของกระทู้นี้แล้วครับ
-
ขอบคุณครับ :thank1: :thank1: :thank1:
-
มาช้าไปเกือบปี ... มาลงชื่อ
ขอบคุณท่านเทพ ข ช ล... :thank1:
-
ขอบคุณ ในข้อมูลดี ดี ครับ........
แอบ save as ใว้แล้วครับ....
:thank1: :thank1: :thank1:
-
ความรู้ล้วนๆ
-
....นับถือ อธิบายซะครูอายเลย ในบรรดาผู้มีจิตสาธารณะเนี๊ยนะ ต้องยกให้เด็กบางมดเป็น 1 ใน 3 ที่สไตล์การบรรยายผมประทับใจที่สุด เข้าใจง่ายๆ พื้นๆ ไม่กั๊ก ให้หมดเปลือก จริงใจมาก ( อีก 2 ท่านคือ ช่างอ๊อด และป๋าเรย์ ) ผมขอคารวะฝากตัวเป็นศิษย์ครับท่านอาจารย์.
-
....นับถือ อธิบายซะครูอายเลย ในบรรดาผู้มีจิตสาธารณะเนี๊ยนะ ต้องยกให้เด็กบางมดเป็น 1 ใน 3 ที่สไตล์การบรรยายผมประทับใจที่สุด เข้าใจง่ายๆ พื้นๆ ไม่กั๊ก ให้หมดเปลือก จริงใจมาก ( อีก 2 ท่านคือ ช่างอ๊อด และป๋าเรย์ ) ผมขอคารวะฝากตัวเป็นศิษย์ครับท่านอาจารย์.
ศิษย์มีครู ;)
-
:thank1: :th2:
อ่านมาหลายครั้งหลายที่ มาอ่านของท่าน ข ช ล เข้าใจขึ้นมาแล้ว แจ่มแจ้งตอนยกตัวอย่าง ครับ
:thank1:
-
ศิษย์มีครู ;)
...ธรณีนี่นี้เป็นพยาน เราก็ศิษย์มีอาจารย์เหมียนกัลย์............นะจ๊ะจะบอกให้
-
...ธรณีนี่นี้เป็นพยาน เราก็ศิษย์มีอาจารย์เหมียนกัลย์............นะจ๊ะจะบอกให้
ปั้นมากับมือครับ :happy:
-
กำลังตามครับ ขอบคุณครับ
-
:happy: เป็นความรู้ที่ดีมากเลยครับ พอดีผมได้ไปหลายๆเว็บ และมีการพูดถึงการใช้งาน Compressor
กันค่อนข้างมาก ก็มีทั้งผู้ที่รู้ และผู้ที่เริ่ม กับผู้ที่เริ่ม ที่ได้พูดคุยกันส่วนใหญ่บอกว่า ตามเว็บต่างๆ
หรือหนังสือต่างๆ ก็จะมีให้อ่าน แต่บางทีนึกถึงเสียงไม่ออก ไม่รู้ว่าใช้แล้วเป็นยังไง คือไม่เห็นเห็น
การยกตัวอย่างการปรับ ผมก็เลยทำ VDO เริ่มต้นรู้จัก กับ Compressor ในเบื้องต้นขึ้นมา
คิดว่าน่าจะมีประโยชน์บ้างก็เลยลองนำมาให้ชมกันครับ
ชมได้ที่