eXtreme Karaoke
เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงกลางแจ้ง (Public Address,Pro Audio Sound Reinforcement System) => ข้อความที่เริ่มโดย: AJ-AUDIO ที่ วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2014, 13:47:03 น.
-
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้สักนิดนะครับ เพราะมีสมาชิกหลาย ๆ ท่านยังไม่ทราบว่าควรจัดหาพาวเวอร์อย่างไร ? ให้เหมาะสมกับตู้หรือดอกลำโพงที่ใช้งานอยู่ หรือ ที่กำลังจัดซื้อ จัดหา มาใช้ เพื่อความเข้าใจในการพิจารณาเลือกซื้อกันนะครับ
ก่อนอื่นเรามาดูค่าตัวเลขของดอกลำโพงหรือ ตู้ลำโพงกันก่อน ซึ่งจะมีค่าต่าง ๆ เยอะแยะ แต่ค่าที่จะนำมาพิจารณาในการแมทช์กับพาวเวอร์แอมป์ คือ
1. W เป็นค่าที่บอกว่าตู้นั้นรองรับกำลังขับจากพาวเวอร์แอมป์ได้เท่าไหร่ ? ไม่ได้หมายถึงว่า W เยอะจะต้องดังมากกว่า W น้อยเสมอไปนะครับ W ในที่นี้ยังแบ่งเป็น
- Wrm เป็นค่าที่ทดสอบด้วยการป้อนกำลังขับแบบต่อเนื่องด้วยสัญญาณ Sine Wave
- W program มากกว่า Wrms หนึ่งเท่าตัว ใช้เพื่อเป็นตัวเลขอ้างอิงในการกำหนดค่าพารามิเตอร์ในระบบเสียง(เสียงร้อง เสียงดนตรี) ซึ่งความแรงของสัญญาณไม่ต่อเนื่อง เช่น ใช้ในการตั้งค่า Limiter
- Wpeak (Max.) มากกว่า W program อีกหนึ่งเท่าตัว เป็นค่า Max. ที่สามารถรองรับได้ อาจจะเพียงไม่กี่นาที หรือ วินาที เท่านั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุที่ใช้ทำ
2. dB เป็นค่าความดังของตู้หรือดอกลำโพง ซึ่งจะมีรูปแบบการเขียนเช่น
- SPL xxdB 1W / 1m หรือ Sensitivity xxdB 1W / 1m
- Max. Peak SPL xxxdB
เพื่อความเข้าใจที่ง่ายยิ่งขึ้น ขอยกตัวอย่างสเปคดอกหรือตู้ลำโพง เช่น
1. Power : 300Wrms / 1200W Peak
2. Sensitivity SPL : 98dB 1W/1m
3. Impedance : 8 ohms
ขยายความเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น
1. หมายความว่าตู้ลำโพงใบนี้รองรับกำลังขับได้ 300W แบบต่อเนื่อง และได้สูงสุด (เพียงชั่วครั้งชั่วคราว) ได้ 1200W
2. หมายความว่าเมื่อเราขับตู้ลำโพงใบนี้ด้วยกำลังขับจากแอมป์ 1W ตู้จะทำเสียงออกมาได้ดัง 98dB ที่ระยะห่างจากตู้ 1 ม.
3. หมายถึงค่า อิมพีแดนซ์ (ไม่ใช่ ค่าความต้านทานนะครับ) ที่กระทำต่อพาวเวอร์แอมป์
ถามว่าแล้วดอกหรือตู้ใบนี้จะดังได้เต็มที่แค่ไหน?
ก็ใช้สูตรคำนวณได้ดังนี้
SPL rms = (10*(log RMS power)) + 1W/1m rating = (10* (log300))+98 = 122.77dB
SPL Peak = (10*(log Peak power)) + 1W/1m rating = (10* (log1200))+98 = 128.79dB
ดังนั้นการพิจารณาเลือกพาวเวอร์แอมป์ให้เหมาะกับตู้ หรือ ดอกลำโพง จึงควรจะให้มีกำลังขับมากกว่า หรือไม่น้อยกว่า Wrms ของตู้หรือดอกลำโพงที่เราใช้งานอยู่ครับ (ที่ค่าอิมพีแดนซ์เดียวกัน) เพื่อที่ตู้ลำโพงจะสามารถแสดงประสิทธิภาพออกมาได้สูงสุด ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับว่าท่านต้องการรีดความสามารถของดอกหรือตู้ลำโพงออกมาแค่ไหน? นั่นเอง
เพราะในงานดนตรี ซึ่งแอมปิจูดหรือความแรงของสัญญาณไม่คงที่ตลอดเวลา ดอกลำโพงสามารถรับกำลังขับได้ถึงสองเท่าตัวของ Wrms ซึ่งก็คือ W program ได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่เกิดความเสียหาย (ถ้าผู้ขายไม่บิดเบือนตัวเลขเพื่อผลทางการค้านะครับ)
:love2: :love2: :love2:
-
ขอบคุณครับ..
-
ขออนุญาตแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้สักนิดนะครับ เพราะมีสมาชิกหลาย ๆ ท่านยังไม่ทราบว่าควรจัดหาพาวเวอร์อย่างไร ? ให้เหมาะสมกับตู้หรือดอกลำโพงที่ใช้งานอยู่ หรือ ที่กำลังจัดซื้อ จัดหา มาใช้ เพื่อความเข้าใจในการพิจารณาเลือกซื้อกันนะครับ
ก่อนอื่นเรามาดูค่าตัวเลขของดอกลำโพงหรือ ตู้ลำโพงกันก่อน ซึ่งจะมีค่าต่าง ๆ เยอะแยะ แต่ค่าที่จะนำมาพิจารณาในการแมทช์กับพาวเวอร์แอมป์ คือ
1. W เป็นค่าที่บอกว่าตู้นั้นรองรับกำลังขับจากพาวเวอร์แอมป์ได้เท่าไหร่ ? ไม่ได้หมายถึงว่า W เยอะจะต้องดังมากกว่า W น้อยเสมอไปนะครับ W ในที่นี้ยังแบ่งเป็น
- Wrm เป็นค่าที่ทดสอบด้วยการป้อนกำลังขับแบบต่อเนื่องด้วยสัญญาณ Sine Wave
- W program มากกว่า Wrms หนึ่งเท่าตัว ใช้เพื่อเป็นตัวเลขอ้างอิงในการกำหนดค่าพารามิเตอร์ในระบบเสียง(เสียงร้อง เสียงดนตรี) ซึ่งความแรงของสัญญาณไม่ต่อเนื่อง เช่น ใช้ในการตั้งค่า Limiter
- Wpeak (Max.) มากกว่า W program อีกหนึ่งเท่าตัว เป็นค่า Max. ที่สามารถรองรับได้ อาจจะเพียงไม่กี่นาที หรือ วินาที เท่านั้น ขึ้นอยู่กับคุณภาพของวัสดุที่ใช้ทำ
2. dB เป็นค่าความดังของตู้หรือดอกลำโพง ซึ่งจะมีรูปแบบการเขียนเช่น
- SPL xxdB 1W / 1m หรือ Sensitivity xxdB 1W / 1m
- Max. Peak SPL xxxdB
เพื่อความเข้าใจที่ง่ายยิ่งขึ้น ขอยกตัวอย่างสเปคดอกหรือตู้ลำโพง เช่น
1. Power : 300Wrms / 1200W Peak
2. Sensitivity SPL : 98dB 1W/1m
ขยายความเพื่อความเข้าใจยิ่งขึ้น
1. หมายความว่าตู้ลำโพงใบนี้รองรับกำลังขับได้ 300W แบบต่อเนื่อง และได้สูงสุด (เพียงชั่วครั้งชั่วคราว) ได้ 1200W
2. หมายความว่าเมื่อเราขับตู้ลำโพงใบนี้ด้วยกำลังขับจากแอมป์ 1W ตู้จะทำเสียงออกมาได้ดัง 98dB ที่ระยะห่างจากตู้ 1 ม.
ถามว่าแล้วดอกหรือตู้ใบนี้จะดังได้เต็มที่แค่ไหน?
ก็ใช้สูตรคำนวณได้ดังนี้
SPL rms = (10*(log RMS power)) + 1W/1m rating = (10* (log300))+98 = 122.77dB
SPL Peak = (10*(log Peak power)) + 1W/1m rating = (10* (log1200))+98 = 128.79dB
ดังนั้นการพิจารณาเลือกพาวเวอร์แอมป์ให้เหมาะกับตู้ หรือ ดอกลำโพง จึงควรจะให้มีกำลังขับมากกว่า หรือไม่น้อยกว่า Wrms ของตู้หรือดอกลำโพงที่เราใช้งานอยู่ครับ ขึ้นอยู่กับว่าท่านต้องการรีดความสามารถของดอกหรือตู้ลำโพงออกมาแค่ไหน?
เพราะในงานดนตรี ซึ่งแอมปิจูดหรือความแรงของสัญญาณไม่คงที่ตลอดเวลา ดอกลำโพงสามารถรับกำลังขับได้ถึงสองเท่าตัวของ Wrms ซึ่งก็คือ W program ได้อย่างสบาย ๆ โดยไม่เกิดความเสียหาย (ถ้าผู้ขายไม่บิดเบือนตัวเลขเพื่อผลทางการค้านะครับ)
:love2: :love2: :love2:
นี่คือเฉลยที่ว่า...ตู้ PS15 บ้านนอกผม ดอก P 300w /rms ใช้ข้างละสองดอกขนาน ผมเอา 3000 vz ขับได้ตลอดรอดฝั่งทำไมยังไม่พัง
เพราะถ้านับอย่างที่เฮียว่า ดอกผมรับได้แน่ที่ 600w program สองดอกใช้แอมป์ 1200w/4 Ohms พอดีกับเอเจเป๊ะ
:thank1:
-
:thank1: :flower: :happy: :happy: :th2: :th2:
-
:happy: :flower: :thank1:
-
ขอบคุณครับ
-
:thank1:
-
ขอบคุณครับ
กำลังมอง L5000s เอามาขับซับอยู่ ตอนนี้ใช้ ยูโรเทค GH -600 ข้างละ 660 W เมื่อก่อนก็ OK อยู่นะ
ตอนนี่สงสัยกิเลสเริ่มเยอะ เกิดความรู้สึกอยากเพิ่มอีกและ :hap3:
-
เป็นกระทู้ที่มาตรงเวลาพอดีครับ พอดีต้องการความรู้ตรงนี้พอดี เพื่อการตัดสินใจซื้อ(ใช้แต่ของเอเจ ครับ)ขอบคุณเฮียมากๆครับ
-
A&J พระเอกตลอดกาล...
:thank1:
-
ผมใช้ L5000s ขับ 2242 ข้างละ 4 ตู้ F hone อัดสุด ๆ แรง ๆ เสียงดีมากเบสหนุ่มลึก (แต่ทำไมอัดหนัก ๆ ไฟตัดไม่ทำงาน..ต้องรอสักพัก ติด..ๆ..ต้องลดเบสที่คอสลง) :thank1: :thank1:
เวลาที่ท่านต่อโหลด 2 ohms โดยเฉพาะดอก 18" ดอก 2242 W program ตีซะว่า 1000W ท่านต่อ 4 ดอกขนานกัน 2 ohms โหลดจะรับกำลังขับได้สูงถึง 4000W ก็คิดดูสิครับว่า ท่านอัดสุด ๆ โหลดจะดึงกำลังงานจากแอมป์จนโอเวอร์โหลด (ที่ 2 ohms แอมป์จ่ายได้สูงสุดแค่ 3000W) แอมป์จึงตัดการทำงานครับ ถ้าไม่ตัดแอมป์ก็พังไปแล้วครับท่าน
:no_ok: :no_ok: :no_ok:
-
เวลาที่ท่านต่อโหลด 2 ohms โดยเฉพาะดอก 18" ดอก 2242 W program ตีซะว่า 1000W ท่านต่อ 4 ดอกขนานกัน 2 ohms แล้วอัดไม่ยั้ง โหลดจะดึงกำลังานจากแอมป์จนโอเวอร์โหลด แอมป์จึงตัดการทำงานครับ ถ้าไม่ตัดแอมป์ก็พังไปแล้วครับท่าน
:no_ok: :no_ok: :no_ok:
:thank1: :thank1:
ถ้าผมหันมาใช้ Bridge mono / ข้าง อาการนี้จะเกิดเปล่าครับ L5000s :thank1: :thank1:
-
:thank1: :thank1:
ถ้าผมหันมาใช้ Bridge mono / ข้าง อาการนี้จะเกิดเปล่าครับ L5000s :thank1: :thank1:
Bridge Mono มีต่อข้างด้วยหราครับ ท่านคงเข้าใจผิด
ฺBridge Mono ก็คือการเอากำลังของแอมป์สองข้างมารวมกัน เหลือแค่หนึ่งข้างนะครับ ท่าน Bridge แล้วจะต่อตู้ลำโพงกี่ตู้หล่ะครับ
-
Bridge Mono มีต่อข้างด้วยหราครับ ท่านคงเข้าใจผิด
ฺBridge Mono ก็คือการเอากำลังของแอมป์สองข้างมารวมกัน เหลือแค่หนึ่งข้างนะครับ ท่าน Bridge แล้วจะต่อตู้ลำโพงกี่ตู้หล่ะครับ
:thank1: :thank1:
ผมมีอยู่ 2 แท่น L5000s
-
ขอเสริมเพื่อความเข้าใจมากยิ่งขึ้น เมื่อเราเข้าใจในเรื่องสเปคของดอก หรือ ตู้ลำโพงแล้ว เราก็ต้องทำความเ้ข้าใจในเรื่องสเปคของพาวเวอร์แอมป์ไปด้วยเช่นกัน ซึ่งสเปคของพาวเวอร์แอมป์ที่จะต้องทำความเข้าใจคือ กำลังขับต่อข้าง ที่อิมพิแดนช์กี่โอห์ม
ยกตัวอย่างเช่น แอมป์ในรุ่น Ls series
Output Power: Stereo per chanel Bridge mono
Model 8Ω 4Ω 2Ω 8Ω 4Ω
L2400s 650w 1050w 1350w 2200w 2900w
L3600s 850w 1400w 2300w 3000w 4600w
L5000s 1200w 2000w 3000w 4100w 4800w
ถ้าท่านกำลังมองหาพาวเวอร์เพื่อมาขับตู้ลำโพง ยกตัวอย่างตู้รุ่น AJX718s ซึ่งรองรับกำลังขับได้ 500Wrms / 1000W program ค่าอิมพิแดนซ์ 8 ohms Sensitivity 96dB 1w/1m โดยที่จะต่อโหลดที่ ข้างละตู้ คือ 8 ohms ท่านจะเลือกใช้แอมป์รุ่นไหนดีใน 3 รุ่น
คำตอบคือ ใช้ได้ทั้ง 3 รุ่น แต่มันจะมีความแตกต่างที่ท่านจะได้รับจากแอมป์ทั้งสามรุ่นดังนี้
L2400s เมื่อท่านขับจนสุดกำลังของแอมป์จะได้กำลังขับที่ 650w/8 ohms ในขณะที่ตู้ AJX718s รับกำลังขับได้สูงสุดคือ 1000w program ถามว่าขับได้ดังไหม คำตอบคือ ดังครับ แต่ดังได้แค่ไหน
SPL = (10*(log power)) + 1W/1m rating = (10* (logุ 650))+96 = 124.1dB / ตู้ โดยที่แอมป์ต้องทำงาน 100%
L3600s เมื่อท่านขับจนสุดกำลังของแอมป์จะได้กำลังขับที่ 850w/8 ohms ในขณะที่ตู้ AJX718s รับกำลังขับได้สูงสุดคือ 1000w program ถามว่าขับได้ดังไหม คำตอบคือ ดังครับ แต่ดังได้แค่ไหน
SPL = (10*(log power)) + 1W/1m rating = (10* (logุ 850))+96 = 125.2dB / ตู้ โดยที่แอมป์ต้องทำงาน 100%
L5000s เมื่อท่านขับจนสุดกำลังของแอมป์จะได้กำลังขับที่ 1200w/8 ohms ในขณะที่ตู้ AJX718s รับกำลังขับได้สูงสุดคือ 1000w program ดังนั้นเราไม่สามารถขับจนสุดกำลังของแอมป์ได้ โดยจะควบคุมกำลังไว้ที่ 1000w เท่านั้น ทีนี้มาดูว่าจะดังได้แค่ไหน
SPL = (10*(log power)) + 1W/1m rating = (10* (logุ 1000))+96 = 126.0dB / ตู้ โดยที่แอมป์ทำงานเพียง 83%
จากตัวเลือกทั้ง 3 ตัว ท่านจะเลือกตัวไหนกันครับ
:love2:
-
ทีนี้ ถ้าเกิดอยากต่อตู้ลำโพง ข้างละ 2 ใบที่ 4 ohms หล่ะ จะเกิดอะไรขึ้น?
L2400s เมื่อท่านขับจนสุดกำลังของแอมป์จะได้กำลังขับที่ 1050w/4 ohms ในขณะที่ตู้ AJX718s รับกำลังขับได้สูงสุดคือ 1000w program/ตู้ 2 ตู้ 4 ohms = 2000w program ถามว่าขับได้ดังไหม คำตอบคือ ดังครับ แต่ดังได้แค่ไหน
SPL = (10*(log power)) + 1W/1m rating = (10* (logุ 1050))+96 = 126.2dB / 2 ตู้ โดยที่แอมป์ต้องทำงาน 100%
L3600s เมื่อท่านขับจนสุดกำลังของแอมป์จะได้กำลังขับที่ 1400w/4 ohms ในขณะที่ตู้ AJX718s รับกำลังขับได้สูงสุดคือ 1000w program/ตู้ 2 ตู้ 4 ohms = 2000w program ถามว่าขับได้ดังไหม คำตอบคือ ดังครับ แต่ดังได้แค่ไหน
SPL = (10*(log power)) + 1W/1m rating = (10* (logุ 1400))+96 = 127.46dB / 2 ตู้ โดยที่แอมป์ต้องทำงาน 100%
L5000s เมื่อท่านขับจนสุดกำลังของแอมป์จะได้กำลังขับที่ 2000w/4 ohms ในขณะที่ตู้ AJX718s รับกำลังขับได้สูงสุดคือ 1000w program/ตู้ 2 ตู้ 4 ohms = 2000w program ซึ่งเท่ากันพอดีเป๊ะ มาดูว่าเสียงจะดังได้แค่ไหน
SPL = (10*(log power)) + 1W/1m rating = (10* (logุ 2000))+96 = 129.0dB / 2 ตู้ โดยที่แอมป์ทำงานเพียง 100%
เห็นถึงความแตกต่างมั้ยครับ
:love2:
-
ขอบคุณครับ
กำลังมอง L5000s เอามาขับซับอยู่ ตอนนี้ใช้ ยูโรเทค GH -600 ข้างละ 660 W เมื่อก่อนก็ OK อยู่นะ
ตอนนี่สงสัยกิเลสเริ่มเยอะ เกิดความรู้สึกอยากเพิ่มอีกและ :hap3:
จัดไปเลยครับครูผมจัดมาแล้ว
-
ขอบคุณครับเฮียที่สนับสนุนความคิดผม แรงไว้ ได้เปรียบ
มิน่า 3000vz ขับดอกpa18 800w ข้างละสองใบของผมเวลาอัดสุดๆ มันอั้นนิดๆ มีตั้งจะเล่น L5000 ครับ
-
เฮียยกตัวอย่างได้ชัดเจนดีมากเลยครับ พอดีกำลังต้องการอย่างที่เฮียยกมาเลย ขอบคุณอีกครั้งจริงๆ
-
เฮียช่วยอธิบายต่ออีกหน่อยเถอะ เวลาคำนวณเนี่ย ไอ้ที่พาวเวอร์ บอกหน่วยมาเป็น RMS ที่ลำโพงบอกมาเป็น RMS บ้าง PROGRAM บ้าง PEAK บ้าง อย่าง SD 18 มี1700 watts Peak จำไม่ได้ เราจะคำนวณยังไง เมื่อ Power บอกว่ามี 1000 watts Rms ช่วยให้ความกระจ่างอีกนิด ขอบตุณครับ
-
:th2: :th2: :th2: :th2:
-
เฮียช่วยอธิบายต่ออีกหน่อยเถอะ เวลาคำนวณเนี่ย ไอ้ที่พาวเวอร์ บอกหน่วยมาเป็น RMS ที่ลำโพงบอกมาเป็น RMS บ้าง PROGRAM บ้าง PEAK บ้าง อย่าง SD 18 มี1700 watts Peak จำไม่ได้ เราจะคำนวณยังไง เมื่อ Power บอกว่ามี 1000 watts Rms ช่วยให้ความกระจ่างอีกนิด ขอบตุณครับ
Wrms ของพาวเวอร์ เป็นหน่วยในการคำนวณกำลังงานของพาวเวอร์แบบมาตรฐานทั่วไป บางท่านอาจจะเคยเห็นหน่วยอื่น ๆ อย่างเช่น W PMPO หรือ อะไรที่แตกต่างกันออกไป แต่หน่วยมาตรฐานที่เราใช้คือ Wrms ครับ ซึ่ง กำลังงานของพาวเวอร์จะมากหรือน้อยก็ยังขึ้นอยู่กับค่าอิมพิแดนช์ของโหลดเป็นองค์ประกอบอีกทางหนึ่งด้วยครับ
ส่วน
Wrms ของ ดอกลำโพง เป้นหน่วยที่บอกถึงความสามารถของดอกลำโพงในการรับกำลังขับจากพาวเวอร์ โดยใช้สัญญาณความถี่ต่อเนื่อง ซึ่งแอมปิจูดของสัญญาณจะเท่ากันตลอดเวลา ทำการขับลำโพงติดต่อกันไม่มีหยุดเป็นเวลานานต่อเนื่อง ตามที่กำหนดแล้วดอกลำโพงยังไม่เสียหาย ก็ถือว่าดอกลำโพงนั้นสามารถรับ Wrms ได้ตามนั้นครับ
W program (music) เป็นหน่วยที่บอกถึงความสามารถของดอกลำโพงเช่นเดียวกับ Wrms แต่แทนที่จะใช้สัญญาณความถี่ต่อเนื่องทำการขับลำโพง ก็ใช้สัญญาณดนตรีเหมือนอย่างที่เราใช้งานกัน ซึ่งแอมปิจูดของสัญญาณดนตรีจะไม่คงที่ตลอดเวลา จึงทำให้ดอกลำโพงสามารถรับกำลังขับได้สูงขึ้นประมาณ 2 เท่าของ Wrms
W peak เป็นหน่วยที่บอกถึงความสามารถสูงสุดของดอกลำโพงที่จะรับกำลังขับได้ อาจจะรับได้เพียงไม่กี่วินาที หรือ ไม่กี่นาที ซึ่งผมอยากจะให้มองข้ามไปเลยจะดีกว่าครับ
การตำนวณ ถ้าเป็นแบบอนุรักษ์นิยม ก็ให้ใช้ Wrms ของดอกลำโพง แต่ถ้าเป็นแบบหัวก้าวหน้า ก็ให้ใช้ W program ในการคำนวณครับ
:thank1:
-
ขอบคุณครับ :happy: :thank1:
-
Wrms ของพาวเวอร์ เป็นหน่วยในการคำนวณกำลังงานของพาวเวอร์แบบมาตรฐานทั่วไป บางท่านอาจจะเคยเห็นหน่วยอื่น ๆ อย่างเช่น W PMPO หรือ อะไรที่แตกต่างกันออกไป แต่หน่วยมาตรฐานที่เราใช้คือ Wrms ครับ ซึ่ง กำลังงานของพาวเวอร์จะมากหรือน้อยก็ยังขึ้นอยู่กับค่าอิมพิแดนช์ของโหลดเป็นองค์ประกอบอีกทางหนึ่งด้วยครับ
ส่วน
Wrms ของ ดอกลำโพง เป้นหน่วยที่บอกถึงความสามารถของดอกลำโพงในการรับกำลังขับจากพาวเวอร์ โดยใช้สัญญาณความถี่ต่อเนื่อง ซึ่งแอมปิจูดของสัญญาณจะเท่ากันตลอดเวลา ทำการขับลำโพงติดต่อกันไม่มีหยุดเป็นเวลานานต่อเนื่อง ตามที่กำหนดแล้วดอกลำโพงยังไม่เสียหาย ก็ถือว่าดอกลำโพงนั้นสามารถรับ Wrms ได้ตามนั้นครับ
W program (music) เป็นหน่วยที่บอกถึงความสามารถของดอกลำโพงเช่นเดียวกับ Wrms แต่แทนที่จะใช้สัญญาณความถี่ต่อเนื่องทำการขับลำโพง ก็ใช้สัญญาณดนตรีเหมือนอย่างที่เราใช้งานกัน ซึ่งแอมปิจูดของสัญญาณดนตรีจะไม่คงที่ตลอดเวลา จึงทำให้ดอกลำโพงสามารถรับกำลังขับได้สูงขึ้นประมาณ 2 เท่าของ Wrms
W peak เป็นหน่วยที่บอกถึงความสามารถสูงสุดของดอกลำโพงที่จะรับกำลังขับได้ อาจจะรับได้เพียงไม่กี่วินาที หรือ ไม่กี่นาที ซึ่งผมอยากจะให้มองข้ามไปเลยจะดีกว่าครับ
การตำนวณ ถ้าเป็นแบบอนุรักษ์นิยม ก็ให้ใช้ Wrms ของดอกลำโพง แต่ถ้าเป็นแบบหัวก้าวหน้า ก็ให้ใช้ W program ในการคำนวณครับ
:thank1:
งั้นแสดงว่าผมก็เป็นคนหัวโบราณ สินะ เฮีย :o^:
-
งั้นแสดงว่าผมก็เป็นคนหัวโบราณ สินะ เฮีย :o^:
555 อนุรักษ์นิยม ผมหมายถึง ถือเอาความปลอดภัยเป็นที่ตั้งครับ หมอแม็ค
แต่เนื่องจากคนทำเครื่องเช่าทุกวันนี้ ได้รับค่าเช่าเครื่องในราคาค่อนข้างต่ำ ทำให้ไม่สามารถลงทุนจำนวนมากได้ เพราะไม่คุ้มค่าจ้าง จึงต้องพยายามใช้ของที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด แต่แน่นอนว่าย่อมมีความเสี่ยงตามมาด้วยครับ (High risk = High return) เพราะถ้าใช้ W program เป็น Ref. ในการเซ็ทอัพระบบแล้ว ระบบเสียงข้างละ หนึ่งเช็ท สามารถดังได้เท่ากับ ข้างละสองเซ็ท ที่เซ็ทอัพแบบใช้ Wrms เป็น Ref. เลยนะครับ
;D
-
:th2: :th2: :th2:
ขอบคุณสำหรับความรู้ ครับ เฮีย