ผู้เขียน หัวข้อ: เคล็ดไม่ลับกับการจัดการเรื่องเสียงในรถยนต์  (อ่าน 8893 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เด็กชายเคยโสด

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 20090
  • 6E65CE52,7309F48F,48B54692,6E674E74,1E001EF5
เคล็ดไม่ลับกับการจัดการเรื่องเสียงในรถยนต์
« เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 14:24:22 น. »
การใช้ C (Capacitor) ค่าประมาณ 1 ฟารัด (1,000,000 ไมโครฟารัด) ถ้าใช้เครื่องเสียงแบบหนักหน่วงต่อเนื่องควรจะมี เปรียบเสมือนยาโด๊ปที่เพิ่มกำลังได้ทันที


การปรับ GAIN ของ PowerAmpถ้า PowerAmp ตัวไหนที่มีการปรับแยกได้อย่างอิสระ Channel ซ้าย และ Channel ขวา จะสามารถปรับ FOCUS ของเวทีได้ดีกว่าปรับแบบรวมกัน

ขั้วแบตเตอรี่ถ้ามีขี้เกลือติดอยู่ที่ขั้ว + หรือ ขั้ว - โดยพื้นฐานใช้น้ำร้อนราดแล้วทาด้วยจาระบีจะช่วยไม่ให้เกิดขี้เกลือที่ขั้วได้อีก จะทำให้กระแสไฟใหลผ่านได้อย่างสะดวก

ถ้าจับรถแล้วเกิดไฟดูดในหน้าหนาว ควรทาโชั่นที่มือแล้วจะไม่มีไฟดูด เพราะว่าในหน้าหนาวนั้นอากาศจะแห้ง และ จะมีไฟฟ้าสถิตทั้งที่มือ และ ที่ตัวรถ

การเปลี่ยนแบตเตอรี่ ควรขันน๊อตให้แน่นข้างหนึ่งข้างใดก่อน แล้วจึงค่อยขันให้แน่นอีกข้างของขั้วที่เหลือ อย่าทำยึกยักจนไฟสปาร์ก จะมีผลต่อระบบบางอย่างของเครื่องเสียงภายในรถยนต์ได้

แผ่น CD ที่ใช้ฟังเพลง จากการบันทึกมาไม่ควรมีกระดาษ พลาสติกแปะที่แผ่น การหมุนของแผ่นจะไม่สมบูรณ์ 100% ถ้าจะบันทึกชื่อหรือรายละเอียดควรใช้ปากกาเขียนแผ่น CD ดีกว่า ที่จะใช้กระดาษแปะที่แผ่น

ในการบันทึกเพลงจากเครื่องคอมพิวเตอร์ลงบนแผ่นซีดี เพื่อที่จะนำมาฟังในรถนั้น ควรที่จะบันทึกในสปีดส์ที่ต่ำๆ (4X-16X) จะทำให้ได้รายละเอียดของเสียงที่ดียิ่งขึ้น และแผ่นเพลงก็จะไม่สะดุดอีกด้วย

กราวด์สัญณาณของOUT-PUT จากชุดเครื่องเสียงไม่ว่าจะเป็นวิทยุ-ซีดี-ทีวีหรือดีวีดี ถ้าสตาร์ทรถโดยไม่ปิดวิทยุ-ซีดี-ทีวีหรือดีวีดีเสียก่อน อาจทำให้กราวด์สัญณาณของOUT-PUT(ขาดได้) ในชุดที่มีแอมป์ขณะปิดเปิดอาจมีเสียงปุ๊กปั๊กได้

การปรับเกนวอลลุ่มของวิทยุ ถ้าจะให้สุดยอดต้องปรับระดับเกนอยู่ที่ 80 เปอร์เซ็น แล้วจึงมาปรับแต่งวอลลู่มที่ปรีตามความต้องการ เสียงที่ได้ออกมาจะมีความอิ่มเอิบมากกว่า

แผ่นซีดีที่จะนำไปเล่นกับเครื่องเสียง ขณะใช้มือสัมผัสนั้น จะต้องแน่ใจแล้วว่ามือนั้นได้สะอาด โดยไม่ควรเปื้อน ของหวาน, ขนมขบเคี้ยว หรือ ไม่ว่าจะเป็น ของคาว ก็ตาม มิฉะนั้น แล้วอาจจะทำให้มดเข้าไปทำรังภายในเครื่องเล่น หรือ เครื่องเสียงของท่าน ได้

เสียงจะดีเข้าขั้นอยู่ที่องค์ประกอบต่างๆ เช่นแผ่นซีดีที่จะเปิด ถัดมาเป็นระบบใดๆ, AMP, ลำโพง, แหล่งกำเหนิดคุณภาพขั้นไหน, เซ็ทจูนเข้ากันเพียงใด, นั่งฟังตำแหน่งไหน เป็นต้น


ออฟไลน์ เด็กชายเคยโสด

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 20090
  • 6E65CE52,7309F48F,48B54692,6E674E74,1E001EF5
Re: เคล็ดไม่ลับกับการจัดการเรื่องเสียงในรถยนต์
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 14:28:24 น. »
ระบบเสียงที่ดียิ่งยวด  ปัจจุบันใช้เป็นระบบถอดรหัสที่เป็นทั้งอินพุท แบบดิจิตอล และอนาล็อค สามารถแยกเสียงชุดหน้าเป็นระบบ TRI-AMP และหลังเป็น BI-AMP และแยกความถี่ได้ชัดเจนทั้งกลางแหลมหน้า/หลัง และซับวูฟเฟอร์ ซึ่งเหนือชั้นกว่าปรีแอมป์ และคลอสส์โอเวอร์โดยทั่วไปฯ

ในการฟังเสียงเพลง  ตำแหน่ง ซ้าย และ ขวา ถ้าฟังจากจุดนั่งฟัง แล้วตำแหน่งเสียงไม่อยู่กลางเวที ( หน้ากระจกรถ ) สามารถปรับตำแหน่ง BALANCE ให้ลงตัวได้ โฟกัสของเสียงจะดีขึ้น ซึ่งตำแหน่ง BALANCE นี้ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่ตำแหน่ง CENTER


แบตเตอร์รี่แห้ง  แอมป์แปร์สูงสามารถใส่แทนแบตเตอร์รี่เดิมที่มากับรถได้ เชื่อหรือไม่ว่าทำให้ระบบไฟของรถ และเครื่องเสียงรถดีขึ้นมากกว่าเก่า เช่น รอบเครื่องยนต์ดีขึ้น, ออกตัวดีขึ้น, อัตราเร่งแรงขึ้น และเครื่องเสียงมีพลังดีขึ้นมาก

เสียงเบสถ้าตีตู้ซับเป็นตู้สูตรปิด ขณะเปิด-ปิด ฝากระโปรงรถด้านท้ายเสียงเบสจะมีความแตกต่างกัน แก้ไขได้โดย NORMAL เป็น REWORD หรือ REWORD เป็น NORMAL ก็จะได้เสียงเบสที่สมจริงตามอะคูดติกของรถ




ออฟไลน์ เด็กชายเคยโสด

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 20090
  • 6E65CE52,7309F48F,48B54692,6E674E74,1E001EF5
Re: เคล็ดไม่ลับกับการจัดการเรื่องเสียงในรถยนต์
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 14:28:36 น. »
เสียงในระบบเครื่องเสียง  จะดีไม่ดี ขึ้นอยู่กับแผ่นซีดีเพลงที่เปิดด้วยว่าอัดในระบบ 1 บิท หรือ 24 บิท คุณภาพของแผ่น บิทมากบิทน้อย ก็มีส่วนทำให้เสียงดีด้วย (นอกเหนือจากระบบที่ติดตั้งที่ดีอยู่แล้ว)

ระบบไฟถือว่าสำคัญ มั่นตรวจดูแบตเตอรรี่ให้อยู่ในสภาพดีเสมอ เช่น ขั้ว + และ - ให้แน่น อย่าให้มีขี้เกลือ ถ้ามีให้ใช้น้ำร้อนราด และทาด้วยจารบี มั่นตรวจดูน้ำกลั่นอย่าให้ต่ำกว่าที่กำหนด ฯ

วิทยุ CD ที่แบบถอดหน้าปัดท์ได้ ถ้าใช้ไปนานๆ มีอาการติดๆดับๆ ควรถอดมาล้างคอนแทรค เพื่อล้างสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ที่คอนแทรคอาจเป็น เขม่า หรือ ฟักส์ (คราบขี้เกลือ) เพื่อให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม


ในกรณีติดตั้ง TV MONITOR ในรถยนต์ เวลาทำความสะอาดควรระวังหน้าจอ ห้ามใช้น้ำยาที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ หรือ แว๊กซี่ เพราะอาจทำให้จอหม่นหมอง เป็นคราบ และเป็นรอยได้ ควรใช้ผ้าละเอียดๆ เช็ด เช่นผ้าเช็ดแว่นตาดีกว่าเป็นต้น

มีข่าวมาฝาก เราจะเห็นกันบ่อยตามหน้าหนังสือพิมพ์ ในกรณีล้อยางรถระเบิดจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ ส่วนหนึ่งคือ ยางที่เติมลมแบบอ๊อกซิเจน ถ้าวิ่งเร็ว อากาศร้อน แดดจัด ล้อยางอาจขยายตัว (เพิ่มแรงดัน) แก้ไขได้โดยเติมลมแบบไนโตรเจนจะช่วยลดปัญหานี้ได้โดยสิ้นเชิงเพราะไนโตรเจนไม่ขยายตัว (หาเติมลมได้ตามศูนย์ล้อยางรถยนต์ ที่มีชื่อเสียง)

วิทยุ/ซีดี หรือ ดีวีดี/ทีวี ขณะที่ใช้งานถ้ามีเพาเวอร์แอมป์อยู่ด้วยในชุดในการเปิดนาทีแรก (หลังจากผ่านการเบริน์อินไปแล้ว) เสียงอาจจะยังไม่เข้าที่ หรือได้โฟกัส ต้องอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงไปแล้ว เสียงถึงจะเข้าที่ และเสียงดีขึ้นเนื่องจากอุปกรณ์นั้นต้องผ่านการวอมเสียก่อน

วิทยุ/ซีดี หรือ ทีวี รุ่นใหม่ๆ เช่น PIONEER, ALPINE, CLARION, และ JVC ฯ ถ้าเปลี่ยนแบตเตอรี่รถยนต์ หรือถอดขั้วแบตเตอรี่ ออกเมื่อใดค่าต่างๆ ที่ตั้งไว้จะถูกลบทันที (หรือภายในระยะเวลาที่รุ่นนั้นจะมีหน่วยความจำอยู่นานเท่าใดอาจเป็นชั่วโมง หรือ เป็นวันๆ) ไม่ต้องแปลกใจที่เสียงและภาพเปลี่ยนไปเพียงแค่ตั้งค่าใหม่ โดยการเซ็ตอัพใหม่ก็จะได้เสียง และภาพที่ดีเช่นเดิม

การเบิรน์อิน เครื่องเสียง โดยปกติแล้วต้องมีการใช้งานอยู่ระหว่าง 100-200 ชั่วโมง เป็นขั้นต่ำเครื่องเสียงถึงจะมีการเข้าที่ให้ประสิทธิ์ภาพเกือบเต็มร้อยเปอร์เซ็น และช่วงที่ผ่านพ้นเบิรน์อินแล้วควรมีการเซ็ตอัพใหม่ เพื่อคุณภาพเสียงมีประสิทธิภาพสูงสุด

ติดตั้งเครื่องเสียงใหม่ๆ อาจจะมีกลิ่นของกาวหุ้มพรม หรือหนัง จากแผ่นไม้ MDF ชนิดการอบน้ำยาค่าเชื้อ มอด วิธีแก้ไขดับกลิ่นเบื้องต้น แนะนำให้เอาถ่านหุงข้าว (ถ่านไม้ดำ) ใส่ถาดวางไว้ที่เก็บสัมภาระด้านหลังรถ หรือในรถ ทิ้งไว้สัก 2-3 วันเพื่อดูดกลิ่น

ออฟไลน์ เด็กชายเคยโสด

  • คณะบริหาร
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ****
  • กระทู้: 20090
  • 6E65CE52,7309F48F,48B54692,6E674E74,1E001EF5
Re: เคล็ดไม่ลับกับการจัดการเรื่องเสียงในรถยนต์
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 14:29:27 น. »
เรื่อง ของระบบเสียง
ระบบ DOLBY SURROUND หรือ ระบบ PRO LOGIC
คือระบบ เสียงที่ประกอบไปด้วย ทิศทางของลำโพงที่อยู่ด้านหน้า คือ Center และคู่หน้า Surround (อยู่ซ้าย และ ขวา) พร้อมลำโพงคู่หลัง คือ Surround หลัง(แต่เป็น Mono) และมีตู้ SUB รวมเป็น 4.1 channe
ระบบ DOLBY DIGITAL หรือ ระบบ AC-3
คือระบบ สียงที่ประกอบไปด้วย ทิศทางของลำโพงที่อยู่ด้านหน้า คือ Center และคู่หน้า Surround (อยู่ซ้าย และ ขวา) พร้อมลำโพงคู่หลัง คือ Surround หลัง(แต่เป็น Stereo) และมีตู้ SUB รวมเป็น 5.1 channe
ระบบ DTS ย่อมาจาก DIGITAL THEATER SYSTEM
คือระบบเสียงที่มีร่องเสียง 6CH (ถ้า AC-3 เรียกว่า 5.1CH) ระบบนี้ลำโพงจัดแบบ AC-3 มี Center, Surround หน้า,
Surround หลัง, และ Subwoofer แต่สัญญาณ DTS จะมีความชัดเจนกว่า ระบบ AC-3 ตรงที่ว่าสัญญาณที่ออกมาจากเครื่อง
เล่น CD หรือ DVD ไปที่เครื่องถอดรหัสเป็นสัญญาณดิจิตอล ซึ่ง AC-3 เป็นสัญญาณอนาล็อก เสียงของ DTS จึงมีความชัดเจน และให้ความสมจริงเหนือกว่า
ระบบ SDDS ย่อมาจาก SONY DINAMIC DIGITAL SOUND
คือระบบเสียงที่มี 7.1CH ส่วนใหญ่จะใช้ในโรงภาพยนต์ มีลำโพง Center, Surround หน้า, Surround หลัง, Subwoofer
และมีเพิ่มจากระบบ DTS ตรงที่มี Surround กลาง อีก 2CH เสียงให้ความชัดเจนขึ้น แต่เสียงในระบบ DTS จะเคลียร์
และฟังดีกว่า เนื่องจากเป็นระบบ DIGITAL ซึ่งเปิดจาก CD ROM LINK กับแผ่นฟิลม์หนัง แต่เสียงในระบบ SDDS
ใช้เสียง DIGITAL ในร่องหนามเตย จึงมีความคมชัดสู้ระบบ DTS ไม่ได้
ระบบ HI-POWER
คือระบบที่ใช้กำลังในตัวเอง เช่น วิทยุ-เทป ติดรถยนต์โดยทั่วไป ซึ่งปัจจุบันมีกำลังวัตต์ถึง (60W x 4CH) แล้วขับกำลังในตัวเองออกสู่ลำโพง
ระบบ SINGLE-AMP
คือระบบ วิทยุ-เทป หรือ ซีดี ถ่ายทอดสัญญาณสู่ AMP 1 ตัว (2 CH) โดยใช้กำลังวัตต์จาก AMP ขับกำลังออกสู่ลำโพง
ระบบ BI-AMP
คือระบบ เสียงที่ใช้ AMP 2 ตัว (ตัวละ 2CH) ตัวแรก ขับลำโพงซับวูฟเฟอร์ ตัวที่ 2 ขับลำโพงกลางแหลม โดยอาศัย อิเลคทรอนิคครอสส์ 2ทาง จ่ายความถี่ต่ำ และความถี่กลางแหลมให้
ระบบ TRI-AMP
คือระบบ เสียงที่ใช้ AMP 3 ตัว (ตัวละ 2CH) AMP ตัวแรกขับลำโพง ซับวูฟเฟอร์ AMP ตัวที่ 2 ขับลำโพงเสียงกลาง AMP ตัวที่ 3 ขับลำโพงเสียงแหลม เสียงย่าน ต่ำ, กลาง, และสูง อิสระโดยมี อิเลคทรอนิคคอรสส์ แบบ 3 ทาง เป็นตัวจ่ายสัญญาณให้
ระบบ CROSS-AMP
คือระบบเสียงที่ใช้ AMP 4 ตัว (ตัวละ 2CH) AMP ตัวแรก ขับลำโพงซับวูฟเฟอร์(ทุ้ม) AMP ตัวที่ 2 ขับลำโพงเสียงต่ำ AMP ตัวที่ 3 ขับลำโพงย่านกลาง
AMP ตัวที่ 4 ขับลำโพงย่านสูง โดยมี อิเลคทรอนิคคอรสส์ แบบ 4 ทาง เป็นตัวจ่ายสัญญาณเหล่านี้ให้

ออฟไลน์ อ๊อด ลำพูน

  • คณะก่อการ
  • ระดับ 5
  • ***
  • กระทู้: 1281
  • HL#> 740EB29E
Re: เคล็ดไม่ลับกับการจัดการเรื่องเสียงในรถยนต์
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: วันที่ 9 พฤษภาคม 2008, 14:50:19 น. »
ขอบคุณครับ แล้วจะนำไปลองทำดูครับ