eXtreme Karaoke
เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงกลางแจ้ง (Public Address,Pro Audio Sound Reinforcement System) => ข้อความที่เริ่มโดย: raysoundmark ที่ วันที่ 20 พฤษภาคม 2009, 11:52:23 น.
-
งวดนี้ ออกเป็นแนวมันๆ มั่วๆครับ
ลองมาทายปัญหากันเล่นสนุกๆนะครับ ตอบในใจก็ได้ หรือจะตอบลงในกระทู้นี้ก็ได้
.
-
สมมุติว่า โรงเรียนอนุบาลที่ลูกผมเรียนอยู่ จะจัดงานขึ้น
ต้องการใช้ เครื่องเสียง 1 ชุด , ไมค์ 4 ตัว , เครื่องเล่น CD 1 เครื่อง
ผมก็เลยเอามิกเซอร์ตัวที่เห็นในภาพ 1 เครื่อง , EQ 1 เครื่อง , เพาเวอร์แอมป์ 1 เครื่อง
ลำโพง 15” พร้อมขาตั้ง 1 คู่ , ไมค์ 4 ตัว , เครื่องเล่น CD 1 เครื่อง ไปช่วยงานโรงเรียน
.
(http://imageshack.us/a/img51/5779/tox8.jpg)
-
จริงๆแล้ว มิกเซอร์ตัวนี้ เสียงก็ใช้ได้ดีนะครับ
อีกอย่างหนึ่งที่ผมชอบก็คือ ปุ่มกดทรงรีๆ สีขาว 2 ปุ่ม ด้านล่างของภาพ
ปุ่ม 2 ปุ่มนี้ มีเอาไว้สำหรับกดเลือก
ว่าจะตั้งให้ AUX1 และ AUX2
ทำงานเป็นแบบ PRE FADE หรือแบบ POST FADE
.
(http://imageshack.us/a/img19/4681/2g00.jpg)
-
ผมต่อสายไมค์ 4 ตัว เข้าที่ช่องหมายเลข 1 , 2 , 3 , 4
ส่วนเสียงเพลงที่มาจาก CD ผมเอาเข้าที่ช่องหมายเลข 5 และ ช่องหมายเลข 6
แล้วหมุนปุ่ม PAN สีเหลืองๆ ไปคนละทางกัน
เพื่อให้ เสียงเพลงจากช่องหมายเลข 5 ไปออกลำโพงซ้าย , ช่องหมายเลข 6 ไปออกลำโพงขวา
เวลาจะเปิดเสียงเพลงจาก CD ก็ต้องดันสไลด์ช่องหมายเลข 5 และ 6 ทั้ง 2 ตัว
.
(http://imageshack.us/a/img841/6476/0dsk.jpg)
-
สำหรับผมข้อที่ 1 ก็คง ต่อผิด !! (มือใหม่) :em01:
-
ส่วนด้านขาออก ( OUTPUT )
ผมก็เอาสัญญาณออกจาก ช่อง MIX L และช่อง MIX R
สาย 2 เส้นนี้ เอาไปเข้า EQ , ไปเข้าเพาเวอร์แอมป์ , ไปออกที่ลำโพง
ตอนนี้ทดสอบเสียงดังครบถ้วนสมบูรณ์แล้วครับ รอเวลาที่จะใช้เครื่อง
ผมเลยเดินไปหาซื้อข้าวเหนียวหมูปิ้งกิน
.
(http://imageshack.us/a/img507/3796/gh1x.jpg)
-
พอกลับมาดูอีกที....ปรากฎว่า ลูกชายผมกับเด็กอนุบาลจอมซนทั้งหลาย
ดอดมาขโมยสายสัญญาณผมเอาไปเล่นกระโดดเชือก
เท่านั้นยังไม่พอ
ยังหาก้อนยางสีดำๆเอามาอุดช่อง MIX L และ MIX R เอาไว้อีก แกะเท่าไหร่ก็ไม่ออก
______________________________________________
แต่เด็กอนุบาลแถวนี้ ยังพอมีความรู้เรื่องเครื่องเสียงอยู่บ้าง ( สงสัยคุณครูคงจะสอนดี )
ก็เลยเอาสายสัญญาณหัว PHONE มาวางไว้ให้ 2 เส้น
ต่อปลายสายด้านหนึ่งไปเข้าที่ EQ ทั้ง 2 แชนแนล ให้เรียบร้อย
.
(http://imageshack.us/a/img834/5787/hicg.jpg)
-
ผมก็เลยแก้ปัญหา โดยใช้สัญญาณจากรูที่เขียนว่า MONITOR OUT แทน
เอาสายที่เด็กอนุบาลทิ้งไว้ให้ 2 เส้น เสียบที่รู MONITOR OUT ทั้ง 2 รู
สาย 2 เส้นนี้ ไปเข้า EQ , ไปเพาเวอร์แอมป์ , ไปลำโพง
โดยผมต้องหมุนปุ่มโวลลุ่มสีแดงด้านล่างของภาพ ที่เขียนว่า MONITOR ซักกะหน่อย
ตอนนี้เสียงไมค์กับเสียงเพลง ดังออกลำโพงแล้ว
ผมเลยเดินไปเข้าห้องน้ำ ล้างมือที่ติดข้าวเหนียว
.
(http://imageshack.us/a/img834/5425/l7w1.jpg)
-
ผมล้างมือเสร็จแล้ว..เดินกลับมาที่มิกเซอร์อีกที
ก็มาพบว่า....พวกเด็กๆอนุบาลยกพวกกลับมา ดึงสายสัญญาณออกทั้ง 2 เส้น
แถมเอาก้อนยางดำๆ มาอุดรู MONITOR OUT ทั้ง 2 รู เอาไว้ แกะไม่ออกอีก
( ผมพิมพ์ไป ยังนั่งขำไปด้วย......เด็กอะไรมันจะรู้มากปานนี้ว๊ะ )
.
(http://imageshack.us/a/img713/9464/wmaj.jpg)
-
คำถามที่อยากจะชวนทุกๆท่าน ช่วยกันคิดเพลินๆ ก็คือ
หลังจากที่เราเขกกะโหลกมอบความรักใคร่เอ็นดู ให้เด็กอนุบาลทุกคน คนละโป๊ก เรียบร้อยแล้ว
เราจะทำยังไงกับเครื่องเสียงต่อไปดีครับ ใกล้เวลาเริ่มงาน จะต้องใช้เครื่องแล้วด้วย
______________________________________________
ลองคิดกันเล่นๆ เพลินๆครับ จะตอบลงมาในกระทู้ หรือ คิดเล่นในใจก็ได้
ฝากทิ้งไว้ 2-3 วัน แล้วจะมาเฉลยนะครับ ผมคิดว่าต้องตอบได้ทุกๆท่านแน่ๆ
ขอบคุณครับ
.
-
สำหรับผมเหลือแต่รู Headphone ครับที่ใช้งานได้ และผมก็ใช้บ่อยมาก
โดยใช้แจ็คเสตอร์ หรือ หัวแปลงเตอร์หนึ่งเป็นสองครับ
-
ดูจากรูปคดี และจากรูที่เหลือแล้ว
พบว่า
ช่องทางที่เสียงจะออกได้ เหลืออยู่ดังนี้
1. ทาง Aux Out
2. ทาง Phone Out
3. ทาง Rec Out
4. ทางรู Insert
วิเคราะห์ทางเลือก ที่เป็นไปได้
โดยมีข้อจำกัดคือ เด็กอนุบาลเตรียมแจ๊คโฟนไว้ให้ 2 เส้นแล้ว
1. ทาง Aux Out
สามารถเอาสายที่เด็กน้อยเตรียมให้ มาเสียบที่ช่อง Aux Out ทั้งสอง ได้เลย
โดยกำหนดเองว่า
- ให้ Aux1 เป็น ซ้าย และ Aux2 เป็นขวา
- ทั้ง Aux1+2 ต้องกำหนดให้เป็นแบบ Post Fader
- ที่วอลุ่ม aux1 2 ของแต่ละแชนแนล ที่ต้องการแพนไว้กลาง ให้เปิดไว้ กลางๆ (0) ทั้ง Aux1 และ 2
- ที่วอลุ่ม aux1 2 ของแต่ละแชนแนล ที่ต้องการแพนไปทางขวา ให้ปิด Aux1 ไว้ แต่เปิด Aux2 ไว้ตรงกลาง
สำหรับช่องสัญญาณที่ต้องการแพนไปด้านขวา ก็ทำสลับกัน
สัญญาณของแต่ละช่อง หลังจากผ่าน Fader แล้ว จะถูกไหลไปรวมกันที่ Aux Bus ทั้งสอง ซึ่งสัญญาณนี้ เสมือนกับ สัญญาณมาสเตอร์
-
ดูจากรูปคดี และจากรูที่เหลือแล้ว
พบว่า
ช่องทางที่เสียงจะออกได้ เหลืออยู่ดังนี้
1. ทาง Aux Out
2. ทาง Phone Out
3. ทาง Rec Out
4. ทางรู Insert
วิเคราะห์ทางเลือก ที่เป็นไปได้
โดยมีข้อจำกัดคือ เด็กอนุบาลเตรียมแจ๊คโฟนไว้ให้ 2 เส้นแล้ว
1. ทาง Aux Out
สามารถเอาสายที่เด็กน้อยเตรียมให้ มาเสียบที่ช่อง Aux Out ทั้งสอง ได้เลย
โดยกำหนดเองว่า
- ให้ Aux1 เป็น ซ้าย และ Aux2 เป็นขวา
- ทั้ง Aux1+2 ต้องกำหนดให้เป็นแบบ Post Fader
- ที่วอลุ่ม aux1 2 ของแต่ละแชนแนล ที่ต้องการแพนไว้กลาง ให้เปิดไว้ กลางๆ (0) ทั้ง Aux1 และ 2
- ที่วอลุ่ม aux1 2 ของแต่ละแชนแนล ที่ต้องการแพนไปทางขวา ให้ปิด Aux1 ไว้ แต่เปิด Aux2 ไว้ตรงกลาง
สำหรับช่องสัญญาณที่ต้องการแพนไปด้านขวา ก็ทำสลับกัน
สัญญาณของแต่ละช่อง หลังจากผ่าน Fader แล้ว จะถูกไหลไปรวมกันที่ Aux Bus ทั้งสอง ซึ่งสัญญาณนี้ เสมือนกับ สัญญาณมาสเตอร์
ตานี่ตอบคนเดียวหมดเลย...อดเล่น :em03: :em03:
-
ช่องทางที่ 2
คือ ออกทาง รู Phone
แต่ต้องเสียเงินเพิ่ม หาแจ๊คกระเทย มาแปลง จากโมโน*2 เป็น TRS
ซึ่งเด็กอนุบาลไม่ได้เตรียมไว้ให้
ช่องทางที่ 3
คือ ออกทาง รู Rec Out
ต้องหาตัวแปลงจากแจ๊คโฟน มาเป็นแจ๊ค RCA
ซึ่งเด็กอนุบาล ไม่ได้เตรียมไว้ให้เช่นกัน
-
ตานี่ตอบคนเดียวหมดเลย...อดเล่น :em03: :em03:
เหอๆๆ เพิ่งกินข้าวมาอิ่มๆ พี่ ก็เลยพิมพ์เพลินไปหน่อย
เอิ๊กๆๆ
-
อืมมม ดีครับ เป็นความรู้ เอาไว้แก้ปัญหาเฉพาะหน้า เป็นิ่งที่ผมทำบ่อยครับ
บางที่ไปถึงจุดเกิดเหตุ อุปกรณ์ที่มีมาให้ไม่ใช่อย่างที่เราคิดหรือเตรียมไป
ตอนนี้ผมซื้อหัวมั่ว ๆ แปลก ๆ ที่ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้ใช้ไว้เต็มกระเป๋าแล้วครับ
เผื่อเอาไว้ใช้งานเวลาไปเจอเด็กอนุบาลแบบลูก ๆ ป๋าเรยน่ะครับ อิอิ
-
มีอะไรอีกหว่า!!!! คิดบ่อ๊อก :em23:
-
มีอะไรอีกหว่า!!!! คิดบ่อ๊อก :em23:
พ่วงมิกซ์ซัก3-4 ตัวไง เอารูใหนครับ ท่านด.บ.ม.
-
ตานี่ตอบคนเดียวหมดเลย...อดเล่น :em03: :em03:
เหมือนกันเลย..อิ อิ..
แต่เพื่อน ๆ ลูกป๋าเร นี่เก่งนะ..เข้าใจเล่นและเข้าใจเตรียมของมาไว้ให้..
-
ช่องทางที่ 4
เอามันออกทางรู Insert นี่ล่ะครับ
ปกติ แจ๊ค อินเสิร์ท
ตรงปลาย (Tip) มันจะเป็น Send
ตรงกลาง (Ring) จะเป็น Return
คราวนี้ ถ้าเราเอาแจ๊คโฟนโมโนธรรมดาๆ ไปเสียบช่องนี้ ผลที่ได้คือ
สัญญาณ มาสเตอร์ (ที่ยังไม่ผ่านมาสเตอร์เฟดเดอร์) มันจะไหลออกไปที่ ขา Send ก็คือ ไหลออกไปหา EQ ได้อย่างสมบูรณ์
แต่สัญญาณขากลับ (return) มันถูกช็อตกับกราวน์ ก็ทำให้ mute เสียงไป (ถ้าเด็กน้อยเอายางครอบ main out ออก เอาอะไรมาเสียบรูนี้ จะไม่มีเสียง เพราะ ตรงจุด insert มันโดดดึงลงกราวน์แล้ว)
แต่ข้อเสีย คือ ปรับ master volume ไม่ได้
-
เอาแจ็คเสียบตูดไอ้เด็กที่มาเล่น แล้วก็ทำตามที่เด็กบางมดว่า อิอิ ;D ;D ;D
ล้อเล่นหนุกหนานคร้าบบบบบบบ
-
:em32: :em32: :em32: อิอิ
-
อย่าต้องให้ถึงมือผมนะ :em15:
-
เอาเหมื่อนเด็กบางมด เฮอๆๆ
-
ไม่ค่อยมีความรู้ แต่สงสัยว่าทำไม ใช้ รู 5 กับ 6 ทำไมไม่ใช้ รู 9 หรือ รู10 ซึ่งมันมี ช่องละ 2 รู ให้เสียบ
น่าจะคุมง่ายกว่า หรือมีอะไรพิเศษ..................ครับ
-
อย่าต้องให้ถึงมือผมนะ :em15:
พังใช่ไม๊...ฮ่าๆๆ :em13: :em15:
-
:em01: จับเด็กๆที่ซนมาตีคนละทีสองที :em32: :em32: แล้วบอกว่า นี่ของผู้ใหญ่น่ะ ไม่ใช่ของเด็กเล่น ทีหลังอย่าเล่นซนอย่างนี้อีก อิอิ :em07: :em07:
-
ทุกๆท่าน ได้ลอง คิดกัน เล่นๆ เพลินๆ กัน ตอบถูกต้องทุกท่านแหละครับ
วิธีแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า มีอยู่หลายวิธีครับ
.
-
1 ) REC OUT
รูสีขาว + รูสีแดง แหละครับ
ถ้าเรามีสายหัว RCA
ก็เอาสัญญาณจากรูนี้ออกไปใช้
วิธีนี้ สไลด์สีเหลือง 2 อัน จะมีผล
.
(http://imageshack.us/a/img845/3690/tsj.jpg)
-
2 ) PHONE OUT
ถ้าเรามีสาย หัว TRS ( PHONE STEREO )
ก็เอาสัญญาณจากรูนี้ แยกสัญญาณออกไปเป็น 2 เส้น ซ้าย และ ขวา
และต้องหมุนปุ่มสีแดงที่เขียนว่า PHONE จั๊กหน่อยนึง
วิธีนี้ สไลด์สีเหลือง 2 อัน จะมีผล
.
(http://imageshack.us/a/img824/8351/8c02.jpg)
-
3 ) INSERT
จิ้มสัญญาณออกมาจากช่อง INSERT L และ INSERT R ก็ได้
แต่เสียงที่ออกมาจะเบาหน่อยนึง
เพราะ ช่อง INSERT นี้
มันอยู่ก่อนจะถึงวงจร BUFFER & AMP OUT ภายในเครื่องมิกเซอร์
สัญญาณเสียงจึงยังไม่ถูกยกขึ้น ,ไม่เหมือนที่เราต่อจาก MIX L และ MIX R
และช่อง INSERT อยู่ก่อนสไลด์ด้วย ( วิธีนี้ สไลด์สีเหลือง 2 อัน จึงไม่มีผล )
______________________________________________
หมายเหตุเพิ่มเติม แบบที่ท่านขอชอลอ ( เด็กบางมด ) อธิบายไว้ ว่า
เมื่อเราเอาสายสัญญาณหัว PHONE จิ้มลงไปในช่อง INSERT นี้
ที่ช่อง MIX L และ MIX R จะไม่มีสัญญาณออกมาครับ
.
(http://imageshack.us/a/img560/2892/53i1.jpg)
-
4 ) AUX OUT
วิธีนี้ สไลด์สีเหลือง 2 อัน ไม่มีผล
เอาสายสัญญาณหัว PHONE ที่เด็กอนุบาลกรุณาทิ้งไว้ให้เรา
จิ้มสัญญาณออกมาจากรู AUX 1 และ AUX 2
สายที่ออกมาจากรู AUX 1 ไปเข้า EQ , ไปเข้าเพาเวอร์แอมป์ , ไปออกที่ลำโพง ด้านซ้าย
สายที่ออกมาจากรู AUX 2 ไปเข้า EQ , ไปเข้าเพาเวอร์แอมป์ , ไปออกที่ลำโพง ด้านขวา
.
(http://imageshack.us/a/img692/3406/onma.jpg)
-
กดปุ่มทรงรีๆสีขาว 2 ปุ่มนี้ลงไป
ตั้งให้ AUX 1 และ AUX 2 ทำงานเป็นแบบ POST FADER
เพื่อให้สัญญาณออกที่ช่อง AUX ทั้ง 2 AUX
สามารถควบคุมความดังได้โดยตัว CHANNEL FADER เอง
.
(http://imageshack.us/a/img20/4476/7hbc.jpg)
-
หมุนปุ่มสีฟ้าๆ AUX 1 หรือ AUX 2 ในแต่ละแชนแนล...เพื่อกำหนดว่า
หากเราเลื่อนสไลด์ที่แชนแนลไหนแล้ว เสียงจากแชนแนลนั้นๆ จะไปออกที่ AUX ไหนบ้าง
ตัวอย่างเช่น
เสียงไมค์ในแชนแนลที่ 1 จะไปออกทั้ง AUX 1 และ AUX 2 ( คือไปออกทั้งลำโพง ซ้าย และ ขวา )
เสียงเพลงจาก CD ในแชนแนลที่ 5 จะไปออกที่ AUX 1 ( คือไปออกเฉพาะลำโพง ซ้าย )
เสียงเพลงจาก CD ในแชนแนลที่ 6 จะไปออกที่ AUX 2 ( คือไปออกเฉพาะลำโพง ขวา )
.
(http://imageshack.us/a/img46/472/azut.jpg)
-
เรียบร้อยแล้วครับ เสียงดังออกลำโพง ทั้งซ้าย และ ขวา
จะเลื่อนสไลด์สีเหลือง 2 อันทางขวามือ ปิดลงมาสุดเลยก็ได้ เพราะไม่มีผล
.
(http://imageshack.us/a/img196/1587/yr53.jpg)
-
แก้ไขสถานะการณ์เฉพาะหน้าไปได้ ด้วยวิธีการทุกรูปแบบ แหละครับ
แต่ถ้าหากจะวิเคราะห์กันตามโจทย์ที่ตั้งมา
มีข้อกำหนดอยู่อย่างหนึ่ง คือสายที่เด็กอนุบาลทิ้งไว้ให้เราเป็นหัว PHONE
ดังนั้นคำตอบที่น่าจะตรงโจทย์ที่สุด คือ INSERT และ AUX ครับ
______________________________________________
ถ้าพี่น้องสมาชิกอ่านคำถามแล้วตอบถูก
( ต้องมีอีกหลายๆท่าน ที่ตอบถูกในใจ แต่ไม่ได้เขียนลงมา )
ก็แสดงว่าพวกเรามีความเข้าใจเรื่องทิศทางการไหลของสัญญาณ ( SIGNAL ROUTE )
พร้อมที่จะเอามิกเซอร์เครื่องที่เรามีอยู่ออกไปทำงาน รับสตุ้งสตางค์จากชาวบ้านเขา
ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่าจะเจอปัญหาเฉพาะหน้าอะไรบ้าง
และในการงานทำงานด้านเครื่องเสียง.....จริงๆแล้ว พวกเราจะพบว่า
ไม่มีอะไรแน่นอนตายตัว หลายๆอย่างสามารถนำมาประยุกต์ใช้ทดแทนกันได้
สุดแต่ว่าใครจะมีความเข้าใจในเครื่องมือของตัวเองมากน้อยขนาดไหน
ขอบคุณครับ
.
-
ไม่ค่อยมีความรู้ แต่สงสัยว่าทำไม ใช้ รู 5 กับ 6 ทำไมไม่ใช้ รู 9 หรือ รู10 ซึ่งมันมี ช่องละ 2 รู ให้เสียบ
น่าจะคุมง่ายกว่า หรือมีอะไรพิเศษ..................ครับ
ตอบ พี่เปี๊ยก ครับ
______________________________________________
ในการใช้งานจริงๆ
การนำสัญญาณจากเครื่องเล่น CD มาเข้าที่ช่องหมายเลข 5 และ 6
แทนที่จะเป็นช่องสเตอริโอ
มีข้อดีคือ สามารถปรับเสียงได้ละเอียดกว่า
เพราะมีปุ่มปรับเสียง LO , MID + MID SWEEP , HI
ในขณะที่ช่องสเตอริโอ มีปุ่มปรับเสียง LO , HI
มีข้อเสียคือ ต้องเลื่อนสไลด์ทีละ 2 ปุ่ม
ในขณะที่ช่องสเตอริโอ เลื่อนสไลด์เพียงปุ่มเดียว
______________________________________________
ในคำถามข้อนี้
ที่โจทย์ นำสัญญาณจากเครื่องเล่น CD มาเข้าที่ช่องหมายเลข 5 และ 6
แทนที่จะเป็นช่องสเตอริโอ
เพื่อที่ในคำตอบ..จะได้แสดงการหมุนปุ่ม AUX 1 และ AUX 2..ที่แตกต่างกันน่ะครับ
.
(http://imageshack.us/a/img818/1596/lv7a.jpg)
-
เอวัง...ก้อมีด้วยประการ..ฉะ..นี้... :th1: :happy: :happy: :th2: :th2:
-
ผมมีโอกาส เข้ามาที่กระทู้นี้ อีกครั้ง..เมื่อ 14-07-2556
พบว่า รูปประกอบทั้งหมด หายไป
น่าจะเนื่องมาจาก การย้ายเซิร์ฟเวอร์ ของเว็บบริการฝากรูปภาพ
จึงขอนำภาพ..กลับมาลงซ่อมแซม
เพื่อความสนุกสนานของพี่น้องสมาชิก..ในการอ่านกระทู้นี้น่ะครับ
.
-
:thank1:
-
ขอบคุณครับ ท่านเร
ผมชอบการสอนแบบมีรูปภาพ
รอติดตามตอนต่อไปครับ.. :thank1: :flower:
-
ผมดูคู่มือภาษาอังกฤษมิกรุ่นนี้
เสียงไมค์แนะนำให้ใช้แชนแนลที่ 1
บางครั้งลืม ผมใช้ช่องอื่นยังไม่เห็นความแตกต่างเลย ;)
-
น่าจะมียี่ห้อที่สมาชิกนิยมใช้กันมากอย่างเช่นยี่ห้อ sundcraft EFX 12 เป็นต้นมาแชร์ความรู้บ้าง(55ใช้อยู่)
อธิบายความหมายการใช้งานของปุ่มต่างๆรวมถึงการปรับเอฟเฟคหลายๆท่านอาจยังไม่รู้ครับ เอาแบบมีภาพประกอบได้ยิ่งดีครับ:thank1:
-
:thank1: :thank1: :th2:ได้ความรู้สำหรับมือใหม่อย่างผมมากครับ........
-
:happy: ขอบคุณมากครับป๋าเร....... :thank1:
-
ประสบการณ์ของผมในรุ่น mfx 12/2 คือ เสียงกระเดื่องเบามาก ผมเลยเอามาออกที่ sub group แล้วไปวนกลับเข้า mic ที่ช่องมิกซ์
ผลที่ได้คือเราสามารถเพิ่มน้ำหนักให้เสียงกระเดื่องได้มากขึ้น เช่นเดียวกับเสียงอื่นๆที่ออกมาเบาๆ ก็ใช้วิธีเดียวกัน
:thank1:
-
เก็บเข้าคลัง เป็นประโยชน์มากๆครับ :thank1: :thank1:
-
:th2:ได้ความรู้เพิ่มขึ้นครับ ขอบคุณมากเลยครับ :happy: :happy: