อย่างที่รู้กันว่าเสียงที่คนเราได้ยินนั้น มีคลื่นความถี่เสียงอยู่ในย่าน 20 – 20000 Hz
และในความเป็นจริง ยังไม่มีลำโพงเพียงดอกเดียวที่สามารถให้เสียงได้ครบย่านความถี่ดังกล่าว
จึงจำเป็นต้องผลิตลำโพงที่ให้คุณสมบัติได้ดีในแต่ละย่านความถี่ออกมา ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 3 ย่านใหญ่ๆ
คือ ต่ำ กลาง สูง และก็ออกแบบ Crossover Network ออกมาใช้งาน
Crossover ให้นึกถึงสี่แยกนะครับ เป็นจุดตัดที่ใช้ร่วมกัน
Network เครือข่าย (คล้ายขายของแบบไดเร็คที่เป็นเครือข่าย) ในนี้หมายถึงดอกลำโพงตั้งแต่ 2 ดอกขึ้นไป ถือว่าเป็นเครือข่าย
ดังนั้นจึงมี่ย่านความถี่ 3 ย่าน ที่ถูกแบ่งแล้วส่งไปขับลำโพง ตามคุณสมบัติของมัน
แต่เมื่อความต้องการของคนเรามีมากขึ้นในเรื่องของเสียง และระบบเสียงที่ต้องการความสมบูรณ์ขึ้น
เนื่องจากในแต่ละสถานที่มีผลต่อเสียงทั้งในด้านบวก และด้านลบ แตกต่างกัน
และการนำเอา Crossover Network ที่มีความลาดชันสูงถึง 24 dB/Octave ที่ให้ความเด็ดขาดในการตัดที่ดีแน่นอน
แต่เสียงตรงจุดตัดที่จางหายอย่างรวดเร็วระดับ 24 dB/Octave นั้น ในแง่เสียงย่านต่ำนั้นอาจมีผลต่อความรู้สึกของคนเรา
เกี่ยวกับการไปกระตุ้นปลุกเร้าให้เกิดอารมณ์ร่วมในการฟังเพลงฟังดนตรีครับ
Thanks: ฝากรูป whoisจึงเกิดมีการเพิ่มย่านความถี่ที่ต่ำลึกขึ้นมาในระบบที่เรียกว่า ซัพวูฟเฟอร์
ซึ่งมักจะมีจุดตัดที่เป็นอุดมคติอยู่ที่ 110 Hz , 80 Hz , 70 Hz ให้เลือก
ทั้งนี้ยังมีองค์ประกอบอย่างอื่นเช่นขนาดดอกลำโพงเสียงเบส สถานที่ แบบวงจรของ Crossover เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
จึงกลายเป็นว่าความถี่ได้ถูกแบ่งออกมาเป็น 4 ย่านคือ ย่านต่ำลึก ต่ำ กลาง และสูง ใช้แอมป์ขับแต่ละย่าน 4 ชุด ที่เรียกกันว่า Quad Amp.
ซึ่งในชีวิตจริงไม่มีใครสามารถมีระบบที่สมบูรณ์ขนาดนี้ทุกคนได้ Active Sub Filter จึงเข้ามามีบทบาทในส่วนที่เรียกว่า
ความรู้สึกที่ยังขาด คือความกระหึ่มของความถี่ย่านต่ำลึก ที่แม้จะมีอยู่บ้างในลำโพงหลัก แต่มันจางมากเมื่ออยู่กลางแจ้ง
เทคนิคในการใช้งานไม่มีกฎตายตัว มันจะขึ้นอยู่กับสถานที่เป็นหลักครับ ทั้งนี้อยู่ที่ทักษะของผู้ใช้
เพราะทุกครั้งที่มีลำโพงเพิ่มขึ้นในระบบ จะเกิดปรากฎการณ์ที่เรียกว่า เฟส หรือเวลาเข้ามาเกี่ยวข้อง
มันจะเกิดการเลื่อนของเฟส จนถึงขั้นกลับเฟสเกิดขึ้นในบริเวณบางจุดของสถานที่
ซึ่งทางผู้ผลิตก็มีการแก้ไขโดยมีวงจรกลับเฟสมาให้ (คิดว่ามีนะครับ) อันนี้จึงเป็นทักษะของผู้ใช้โดยตรงครับ
หรือเกิดอาการโด่งขึ้นของความถี่ใกล้ๆ กับ 400 Hz มีอาการอู้ก้อง ก็ไปลดอีคิวช่วยเอาเอง
Thanks: ฝากรูป whoisท่านที่ไปอบรมเรื่องนี้ที่ระยองเมื่อปลายเดือนกุมภาที่ผ่านมาจะเข้าใจได้ง่าย
เพราะมีพื้นฐานเรื่องของ SOUND ซึ่งต้องเรียนรู้ให้เข้าใจในเรื่องของ
ย่านความถี่ ( Frequency)
ดีบี (dB) หรือความดัง
เรื่องของ Octave คือระดับขั้นของความถี่เสียงที่สูงขึ้นหรือต่ำลง 1 เท่าตัว
ใน 1 Octave จะมี 8 ระดับเสียง คือ โด เร มี ฟา ซอล ลา ที และ โด
และเรื่อง เฟส (คือ เวลา)