Feedback เป็นเสียงหอนที่เกิดขั้นจากลำโพงป้อนเข้าสู่ไมโครโพนเข้าเครื่องขยายไห้ สัญญาณแรงขึ้น แล้วออกจากลำโพงเข้าสู่ไมโครโฟนอีกครั้งแล้วครั้งเล่า วัฏจักรนี้จะดำเนินไปจนถึงความดังขีดสุดที่ระบบเสียงจะเสียงจะสร้างได้ และหยุดลงก็ต่อเมื่อลำโพงเสียหาย เครื่องขยายเสียงเสียหายหรือมีใครมาลดปุ่มความดังของเครื่องขยายเสียงกรณีใด กรณีหนึ่ง ห้องทุกห้องที่ติดตั้งลำโพงและไมโครโฟนไว้ด้วยกันย่อมมีโอกาสที่จะเกิด Feedback นี้เสมอ และเมื่อจะถามว่าความถี่ไหนที่เกิด Feedback คำตอบก็คือมีโอกาสเกิดขั้นได้ทุกความถี่ เพราะห้องทุกห้องมีคุณลักษณะเฉพาะของการกำธรหรือ Resonance ในตัวของมันเองคล้ายๆ กับสายกีตาร์เส้นหนึ่ง ไม่ว่าเราจะดีดมันกี่ครั้งมันก็จะเกิดเสียงความถี่เดิมเสมอ เพราะมันมีลัษณะที่สร้างความถี่ตามธรรมชาติของมันเองอยู่แล้ว ในห้องแต่ละห้องเหล่านี้จะสร้าง Feedback ที่ความกำธร (Resonance Frequency) ซึ่งมีหลายความถี่ขึ้นอยุ่กับวัสดุพื้นผิว, สิ่งต่างๆที่อยู่ในห้องและโดยเฉพาะขนาดห้องนั้นเอง กลุ่มความถี่กำธรเหล่านี้ไม่สามารถหาได้จากการคำนวณ ทางเดี่ยวที่จะหาได้คือการค่อยๆ เร่งความดังของเครื่องขยายขึ้นเรื่อยๆจนเกิดการ Feedback ของความถี่กำธรตัวแรก, ตัวที่สองและต่อๆ ไปเป็นกลุ่มโดยพลังงานที่สร้างความถี่กำธรตัวแรกจะน้อยสุดถ้าเราสามารถกำจัด ความถี่แรกนี้ได้พลังงานที่จะใช้กำเนิดความถี่กำธรตัวที่สองก็จะมากกว่าตัว แรกและจะมากขึ้นเรื่องๆ ในตัวที่สามและตัวต่อๆไป
การจะทำ Feedback ให้เกิดขึ้น เราต้องเร่งความดังของเครื่องขยายเสียงให้ลำโพงมีกำลังงานเพียงพอและต้อง มากกว่าแหล่งกำเนิดเสียงก่อนที่จะป้อนเข้าสู่ไมโครโฟน, เครื่องขยายเสียงออกสู่ลำโพงอีกครั้ง
ในวงรอบของ Feedback ในห้องน้ำซึ่งเกิดการ Feedback ง่ายกว่ากลางทุ่งก็เพราะกำลังงานเสียงไม่ได้กระจัดกระจายไปไหนจึงป้อนเข้าสู่ ไมโครโฟนเต็มๆ ไม่เหมือนกับในทุ่งโล่งที่กำลังเสียงกระจายหายไปในอากาศไม่มีสิ่งใดช่วยสะท้อนกลับซึ่งกรณีนี้พลังงานเสียงจะลดลงไปหนึ่งในสี่ทุกๆ ระยะทางที่ห่างออกไป หนี่งเท่าตัวดังนั้นถึงแม้จะมีเสียงป้อนเข้าสู่ไมโครโฟนได้บ้าง แต่ก็ยังมีกำลังงานน้อยหว่าแหล่งกำเนิดเสียงจึงไม่ทำให้เกิด Feedback เมื่อเรารู้ธรรมชาติของมันว่าเป็นอย่างนี้แล้วก็จะสามารรถควบคุมไม่ให้เกิด Feedbck ได้ หลักง่ายๆ เบื้องต้นก่คือ พยายามติดตั้งลำโพงให้ห่างจากไมโครโฟนให้มากที่สุด และต่อไปนี้คือเทคนิคสำหรับการป้องกัน Feedback
-พูดให้ใกล้ไมโครโฟนที่สุด นอกจากจะใกล้แล้วยังต้องพูดให้ชัดเจนและมีควมดังเพื่อที่จะไม่ต้องปรับการ ขยายเสียงให้มากนัก ในการแสดงสดของวงดนตรีประเภท ร็อค หรือ เฉฟวี่ ภายใต้ความดังของเสียงมากกว่า 110 เดซิเบล นักร้องสามารถร้องได้โดยไม่ทำให้เกิด Feedback เพราะใช้เทคนิคนี้ เราอาจเห็นได้บ่อยๆ ว่านักร้องเหล่านี้ร้องใส่ไมโครโฟนชนิดที่ใกล้จนเหมือนจะอมไมโครโฟนเลยที่ เดียว
-ให้คิดเสมอว่าไมโครโฟนทุกตัวจะสร้าง Feedbck ดังนั้นในการควบคุมเสียงให้หมั่นตรวจสอบว่าไมโครโฟนตัวไหนที่ยังไม่ได้ใช้ งาน ถ้าพบว่ามีก็ให้ลดความดังของไมโครโฟนนั้นลงสุด หรือไม่ก็กดปุถ่ม Mute ในช่องสัญญาณไมโครโฟนตัวนั้น การใช้ Noise Gate หรือ ปิดเปิดสัญญาณอัตโนมัติต ตามความดังที่เราตั้งได้ อาจช่าวยให้ควบคุมสะดวกขึ้น
-พยายามตั้งไมโครโฟนทุกตัวให้อยู่ในตำแหน่งคงที่ไม่มีการเคลี่อนย่ายเพราะ การเคลื่อนย้ายไมโครโฟนไปมามีผลต่อระยะทางใกล้ไกลของไมโครโฟนกับลำโพงซี่งง่ายต่อการเกิด Feedback
-ใช้ไมโครโฟนประเภทรับเสียงในทิศทางเดียวประเภท Cardioid หรือ Hyper-Cardioid แล้วตั้งในทิศทางตรงกันข้ามกับแนวเสียงของลำโพง ไมโครโฟนประเภทนี้จะมีความไวในการรับเสียงต่ำในด้านหลังของตัวมัน บางรุ่นมีการออกแบบให้พันขดลอด Voice – Coil 2ชุดแต่กลับทางกันเพื่อให้สัญญาณเสียงที่ที่เข้ามาด้านหน้าหักล้างกับแหล่ง กำเนิดสัญญาณเสียงมีผลในการป้องกัน Feedback เช่น ไมโครโฟนของ Peavey หรือ Shure บางรุ่นอีกประการหนึ่งคือหยายามหลึกเลี่ยงการจับไมโครโฟนใกล้ส่วนหัว หรืออย่าพยายามกำหัวไมโครโฟน เพราะจะทำให้รูปแบบและความไวในการรัฐสัญญาณของมันเปลี่ยนไปซึ่งจะเป็นสาเหตุ ของการเกิด Feedback ขึ้นอีกนั้นเอง
-ติดตั้งลำโพงให้อยุ่ด้านหน้าของไมโครโฟนเพื่อป้องกันเสียงลำโพงเข้าสู่ไมโครโฟนโดยตรง
-หลีกเลี่ยงการติดตั้งลำโพงในลัษณะที่เสียงมีโอกาสสะท้อนผนังกลับเข้าสู่ ไมโครโฟน ตั้งลำโพงแต่ละตู้มีรูปแลลในการกระจายเสียงแตกต่างกันและเสียงเป็นคลื่นชนิด หนึ่งพวกเยวกับเสงซึ่งมีคุณสมบัติในการสะท้อนโดยเฉพาะเสียงความพี่กลาง และความถี่สูงมีทิศทางในการส่งออกและสะท้อนกลับต่างกับเสียงความพี่ต่ำซึ่ง ไม่มีทิศทางและการกระจายไปรอบๆ ตู้ลำโพง การคิดตั้งลำโพงในลัษณะหันตู้กวาดไปทั่วห้องช่วยกันไม่ให้เกิด Feedback ได้ดีกว่าติดตั้งตู้โดยหันไปในทิศทางเดียวกันหมด
-ใช้วัสุดซึมซับเสียงกับพื้นผิวของห้อง เหตุผลง่ายๆ ก็คือเพื่อลดการสะท้อนกลับ บนผ้าเพดานหรือผนังอาจใช้แผ่น Acoustic Board ที่ผนังอาใข้ผ้าม่านหนาๆ ในขณุที่พื้นก็ใช้พรมปู สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะช่วยลดการเกิด Feedback ได้เป็นอย่างดี
จะอย่างไรก็จามในทางปฎิบัติเราไม่สามารถใช้เทคนิคเหล่านี้กับห้องทุกห้องได้ ยกตัวอย้างเช่น นักร้องนำของวงดนรีก็ยังคงยืนกรานที่จะให้ตั้งลำโพง Monitor บนเวทีชี้ตรงไปตัวเขาและไมโครโฟน นักพูดบนเวทีในกายการ Talk Show ยืนนกรานที่จะใช้ Wireless Microphone เพ่อที่จะได้เดินไปมาบนเวทีเป็นสร้างบรรยากาศ และเช่นเดียวกันกับเจ้าของไนท์คลับที่ยังคงไม่ยอให้เราปูพรมบนพื้นเวที ลีลาศอย่างแน่นอนแม้ว่าเราจะพยายามใช้เทคนิคต่างๆ ในข้างต้นนี้อย่างดีที่สุดแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารรถเร่งความดังและความชัดเจนของเสียงในระบบไห้เต็ม ประสิทธิภาพได้เพราะปัญหาจาก Feedback ขั้นตอนต่อไปในการจัดการกับ Feedback ก็คือ การปรับแต่งเสียงหรือ Equalization
Equalization ปารปรับแต่งเสียงทำได้โดยอาศัยอุปกรณ์อิเลคทรอนิกที่เรียกว่า Equalizer หรือ EQ ซึ่งเป็นเครื่องมือชนิดหนีงที่สามารถเร่ง ลด ความดังหรือความแรงของสัญญาณเสียงโดยแบ่งควบคุมช่วงความพี่ต่างๆในแถบความ ถี่เสียง
วิศวกรผุ้ควบคุมเสียงใช้ EQ เหล่านี้ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ
1.เพื่อปรับแต่งความคมชัดและความสมดุลของเสียง
2.เพื่อควบคุมการเกิด Feedback และเร่งความดังให้ถึงขีดสุดโดยไม่มี Feedback แม้ว่าปัจจัยในการเกิดของมันจะมีมากอย่างเช่นไมโครโฟนใกล้ลำโพงมากเกินไป มีการเคลื่อนย้ายไม่โครโฟนไปที่ลำโพงโดยตรงก็ตาม Equalizer เหล่านี้บางชนิดเหมาะสมกับการปรับแต่งคุณภาพเสียง และบางชนิดก็เหมาะสมในด้านการควบคุม Feedback ด้วยครับ
อ้างอิงจากความรู้ที่ อ.ธรรมนูญ ให้มาครับ