หัวข้อ: เล่นเครื่องเสียงแบบสบายๆ ตอน ฟังเพลงตามสบาย

[มะละกอ]

น้ำหนักขึ้นมาเกือบ 4 โล  กิน นอน 
นอนบางวัน 18 ชั่วโมง  หลับสนิทนะครับ  เพราะยาที่หมอให้  ตอนนี้หยุดยาแล้ว
4 เดือนผ่านไป  ทำอะไรไม่เป็นเลยครับ

[สไปเดอร์แมน]

น้ำหนักขึ้นมาเกือบ 4 โล  กิน นอน 
นอนบางวัน 18 ชั่วโมง  หลับสนิทนะครับ  เพราะยาที่หมอให้  ตอนนี้หยุดยาแล้ว
4 เดือนผ่านไป  ทำอะไรไม่เป็นเลยครับ

หมอลืม..ให้คุมอาหารรึเปล่าครับ....555

[มะละกอ]

สะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์  ควานหาแล้วยกแนบหู  ได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วว่าซื้อขนมให้แล้ว
จำแม่นเพราะนี่มันเสียงภรรเมียเราเอง
พอจะเคลิ้มหลับต่อ  เอ้ามาอีกแล้ว  คราวนี้เป็นเพื่อนเก่า  ก็จำเสียงได้อีกแหละ  เพราะสมัยเรียนแทบจะเรียกว่ากินนอนอยู่ด้วยกัน

ที่เราจำเสียงพูดของคนนั้นคนนี้ได้เพราะเสียงมีคุณสมบัติเฉพาะของตัวเอง  
เสียงร้องเสียงพูดของมนุษย์แต่ละคน  แต่ละเชื้อชาติคุณสมบัติไม่เหมือนกัน

เช่นเดียวกับเสียงดนตรี  แต่ละชนิด  แต่ละชิ้นดนตรีให้เสียงไม่เหมือนกัน
และนอกเหนือจากการให้เสียงไม่เหมือนกันแล้ว
เสียงดนตรีให้อารมณ์  ไม่เหมือนกันอีกครับ  เสียงกีตาร์  เสียงเครื่องเป่าทองเหลือง
ย่อมให้ความรู้สึกต่างกัน

คุณสมบัติเฉพาะของเสียงนี้แหละ  เรียกกันว่า

“สีสัน”  หรือ  “Tone Color”  

สีสันนี่สำคัญมากนะครับสำหรับนักแต่งเพลง  โดยเฉพาะเพลงโฆษณา  เพลงประกอบหนังและหรือละครทีวี  
เพราะการเขียนบทเพลงแต่ละเพลงต้องการความเข้าใจในการเลือกใช้เครื่องดนตรีให้เข้ากับอารมณ์และบรรยากาศละคร

ผมนั่งฟังเพลงไปไม่ถึงชั่วโมง  รู้สึกมีอาการล้าหู  เสียงที่ตอนแรกว่าไพเราะมีเอ็คโค่  
ตอนนี้หมดความไพเราะแล้ว  จึงลองเปลี่ยนสายสัญญาณเป็น  Cardas Cross  เหมือนตอนแรก
ถึงบางอ้อเลยครับ  ฟ้ากับเหวเลย  จากนั้นฟังต่อไปอีกนานหลายชั่วโมงจนง่วง
รู้สึกมีอะไรกวนใจในเรื่องของความสมจริง  คล้ายหัวเสียง (Impact)  ของดนตรีอย่างเสียงเปียโนมันอ่อนยวบ ฟังนุ่มนวลและดูจังหวะช้าลง

สักครู่นี้เองทนไม่ไหว  เลยปิดเครื่องหงายท้องจัดการเปลี่ยน  C  คัปปลิ้งเป็น  Audyn Q 4 ค่า 0.1  ของถูกๆ จากนัฐพงษ์  
ค่อยฟังได้หน่อยครับ  แต่โดยรวมยังมัวนิดๆ  ทำให้ไม่สามารถกระตุ้นต่อมสนุกให้เคาะไม้เคาะมือตามได้แบบอัตโนมัติ  ทั้งๆ ที่เสียงกระชับขึ้นมากทีเดียวครับ

เรื่องของสีสัน  ซึ่งเป็นตัวกำหนดให้เราจำย้อนหลังได้มีบทบาทเสมอในการฟังเพลงเสมอ
ซึ่งผมจะได้อธิบายต่อจากนี้ไปครับ......

[มะละกอ]

จวนแจเต็มทนละครับสำหรับคนกรุงเทพ  ต่อเนื่องถึงคนปากน้ำบางพลีอย่างผม
ซึ่งผมจะถือโอกาสเรียกตัวเองว่าคนสุวรรณภูมิเพราะใกล้กันให้เท่ห์ดีกว่า

พูดถึง น้ำ นะครับ  ท่วม ไม่ ท่วม  ไม่ใช่เรื่องบุญ กรรม  แต่อย่างใด

ถ้าความสุข  มาจากความพอใจ  ต่อจากนี้  คือความพอใจของผมครับ

เอารูปไปดูก่อนนะครับ
เป็นซัพพลายคอมตัวจิ๋ว  เอามาเสียบลวดหนีบกระดาษให้ไฟเดินได้  เสียบช่องสายสีเขียวกับสีดำนะครับ



สาเหตุเพราะเครื่องเล่นซีดีไพโอเนียร์  เดี๋ยวดี  เดี๋ยวกระโดด เดี๋ยวหยุด  วนไปมาฟังไม่เคยจบเพลง
เลยแก้ด้วยวิธีดั้งเดิม



ต่อกับซีดีรอมคอมได้ฟรีมาหลายตัวแต่ต้องมีช่องด้านหน้ามีที่เสียบหูฟังและมีวอลลู่มปรับความดังได้
เสียบสายถูกๆ  แดง ดำ  ต่อเข้าแอมป์หลอด  1 วัตต์



ฟังกับลำโพงดอกเดียว  เหมือนซูซานหว่องบินมาให้กำลังใจต่อหน้าเลยครับ



และ  ก้อ  ลองอุ้มตัวนี้มาทดลอง  เสียบกับไฟบ้านก่อน  เสียงไม่เห็นดีเด่แตกต่างกับตะกี้ตรงไหน
ไม่เป็นไรเพราะอาจจะยังไม่ได้ปลุกเศกก็อาจเป็นได้




และถ้า  ชาติก่อนทำบุญไว้เยอะ  แถมชาตินี้ก็ทำต่ออีกไม่น้อย
ผลบุญนั้นทำให้สายน้ำหลั่งไหลมาถึงบ้าน  คงได้แช่น้ำกัน  และถ้าไฟฟ้าตัดเพื่อความปลอดภัย
เดี๋ยวผมคิดหาวิธี ต่อสายแบตเข้ากับ  ยูพีเอส  ตัวนี้  เพิ่งไปชาร์ตไฟเต็มหม้อมา  อยากรู้นักว่า
จะฟังเพลงให้สบาย  ได้กี่ชั่วโมง




  นี่ถ้ามี  DAC  รากหญ้าซักตัว 
ทำบัฟเฟอร์หลอด 6DJ8
ใส่ก่อนเข้าแอมป์  จูนเอ้าท์พุตอิมพีแด๊นซ์ให้เข้ากันอีกหน่อย  ไม่แน่นะครับ   ???????

[มะละกอ]

อันที่จริง  บัฟเฟอร์ ที่ว่าผมก็ทำไว้นานแล้ว  อุปกรณ์ครบ
แค่เอามาต่อสายไฟก็ใช้งานได้  เดี๋ยวบ่ายนี้ถ้าขยันจะลองดูเสียหน่อยครับ

[มะละกอ]

เมื่อมีมืด  แล้วก็มีสว่าง  เป็นของคู่กัน  หรือตรงข้ามกัน
มีสูง ต่ำ ดำ ขาว  เอ๊ะ !!!
มันยังงัยกัน
มีผู้หญิง  มีผู้ชาย  แล้วก็มีลูก  อ้าว !!!!  ไปกันใหญ่.....

และแม้แต่  ขุนช้าง กับ ขุนแผน  ยังเกิดมาคู่กัน
และผมให้เชื่อว่า  ขุนช้างนั้น เป็น “พระเอก”  ในดวงใจทีเดียว
คนอะไร  แม้รูปชั่วตัวดำ  แต่ทีเด็ด ( ผมหมายถึงทีเด็ดนะครับ )  ซู๊ดยอดดด...
 ฉลาดกลอกกลิ้งได้ปานนั้น  แม่ไม้เล่ห์กลลึกล้ำเชี่ยวชาญปานนั้น
ผิดกับ ขุนแผน  ที่ทุกอย่าง  เหมือนกับพระเอกไทยกับพระเอกเกาหลีในปัจจุบันนี้ครับ
สมองนิดเดียว....

ไม่มีอะไรในกอไผ่ดอกครับ  ที่บ้านตำบลบางพลี สมุทรปราการ  แห้งแล้งมาก
เลยมีเครียดเล็กๆ บ้าง  และนั่นทำให้  “ขาดสติ”   ซึ่งอันตรายมากทุกด้านครับผม

แต่ที่แน่ๆ  และ แน่นอนจนวันโลกแตก
พาวเวอร์แอมป์ กับ ลำโพง  เป็นคู่ตุนาหงันกันครับ
เฉกเช่นเดียวกับ  เลือดสุพรรณ  ไปไหนมาไหน  ไปด้วย
แค่  ห้ามจีบสาวคนเดียวกันอย่างเดียวแหละนา

ตลอดช่วงเวลาที่ดูเหมือนวันคืนผ่านไปอย่างเชื่องช้าของเดือน พ.ย. นี้
ผมเลยมีเวลา  เล่น กับ  ลำโพง และ แอมป์  ทั้ง หลอด และ ทรานซีสเตอร์ที่มีอยู่
การลองหลายรูปแบบ  ทำให้เพิ่มรอยขดยู่ยี่ในสมองมากขึ้นพอสมควรทีเดียว
ใช้เวลาสิบวันสำหรับจัดวางลำโพง ขยับ สูงต่ำ  ห่างจากผนังหลัง  แยกถ่างตู้ออกห่างกัน

โดยมีคอนเซ็พท์เลียนมาจาก พีเอ  คือ  ให้ความดังครอบคลุมทุกจุด  ได้ยินเท่าเทียมกันที่สุด
นั่นหมายถึง  ทำห้องฟังให้กลายเป็นเสมือนตู้ลำโพง  และที่สุดผมก็ทำได้แล้วครับ
แม้ว่ามันจะได้เพียง  60%  หรือ บวกลบนิดหน่อย  ก็พอเพียงแล้ว

เขินนะครับ  ถ้าจะบอกว่า  ความจริงมันได้เปอร์เซ็นต์ มากกว่านั้นซะอีก

ถ้ายืนอยู่กลางสนาม  สรรพสิ่งซึ่งเป็นเสียง  จาก ซ้ายขวา  หน้าหลัง บนล่าง ทั้งใกล้และไกล
หูเรารับรู้ได้แม่นยำ จำแนกลักษณะเสียงได้ทันที  ไม่ว่าจะหูทองหรือหูตะกั่วครับ
ถ้าเรียนมาทางฟิสิกส์บ้างและนำไปครุ่นคิดก็จะเข้าใจเบื้องต้นได้ครับ

เคยได้ยินไหมครับ  “Dead Point of Live Sound”  หรือ  “DPOLs”  
ที่กูรูฝรั่งให้ความสำคัญในการเซ็ทลำโพงในห้องฟังนะครับ
แล้วจะมาเล่าต่อถึงความมหัศจรรย์ของการตั้งลำโพงได้ที่ได้ทางของมันครับ  คุ้มค่าจริงๆ  

คราวนี้พิมพ์ได้นิดหน่อย  ตอนแรกนึกว่าเป็นอาการของโรค  คอมพิวเตอร์ซินโดรม  
แต่มารู้ภายหลังว่า  อันที่จริงน่าจะมาจากการกินยาควบคุมไขมันติดต่อกันนานหลายปี
มีผลทำให้  ตับเลิกสร้างเอ็นไซน์ชนิดหนึ่ง  ซึ่งจะมีผลทำให้กล้ามเนื้อบริเวณต้นคออักเสบอย่างรุนแรง  เจ็บน้ำตาเล็ดเลยละ  
อาการเหมือนนอนตกหมอนนะครับแต่รุนแรงกว่ามาก  หัวไหล่ คอแข็งเด๊ะ  เจ็บยิ่งกว่ากระดูกคอเสื่อมเสียอีก  
เลยหยุดยาแล้วดีขึ้นมาหลายวันแล้วครับ  

เฮ้อ  !!!  ไอ้ที่อยากให้แข็ง แรง  ดันไม่เสียนี่  พระเดชพระคุณเป็นซะเงี๊ยะ....




มาดขณะฟังเพลง  ยังเป็นคนเปิดเผยขนาดนี้ 

[มะละกอ]

ต้องขออนุญาตขอบคุณ ท่านกูเกิ้ล เป็นอย่างมาก  ที่ทำให้ชีวิตทุกวันนี้สะดวกสบายรวดเร็วขึ้นมากถึงมากที่สุดครับ
หลายวันมานี้ผมใช้เวลาส่วนใหญ่ค้นหาข้อมูลด้าน ออดิโอ  กับคอมพิวเตอร์  
ทั้งนี้เพราะไปอ่านกระทู้หนึ่งซึ่งเกี่ยวกับการบันทึกเสียง  ที่ไปเกี่ยวข้องกับ  Sampling Rate  
ซึ่งผมเองก็สนใจแต่ความรู้คงไม่พอที่จะตอบเพราะผมตอบสั้นๆ  ไม่เป็น   ยิ่งอ่านและตาม  Link  ที่ลงไว้เพื่อขยายความ  
ทำให้รู้มากขึ้น เกิดความอยากทดลองเล่นให้สนุกโดยผสมผสานเอาจากความเข้าใจเดิมและของที่ได้มาใหม่  
ไม่ใช่เพื่อตอบกระทู้ที่ว่านั้นเสียแล้ว  แต่กลายเป็นว่าเพื่อสนองต่อกิเลสตัวเองมากกว่า

เริ่มจากที่สองบริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน ออดิโอ ขณะนั้นคือ  Phillips  และ  Sony  
จับมือกันพัฒนาระบบเสียงให้เข้าไปสู่คำว่า  ดิจิตัล  อย่าแท้จริง  โดยยึดถือทฤษฎีที่ว่า  
ควรมีความถี่ในการสุ่มไม่น้อยกว่า  2 เท่าของความถี่สูงสุดที่  หูมนุษย์จะได้ยิน  นั่นคือ
20 KHz + (10% X 2) + 0.1 KHz = 44.1 KHz  จึงเป็นที่มาของเร็ดบุ๊คของ CD Audio ที่กำหนดที่  16 bit / 44.1 KHz    
ต่อมาก็ยกระดับขึ้นเป็น 20 และ 24 บิท 48 KHz ตามลำดับ(ซึ่งวงการบันทึกเสียงก็จะเอา 2 คูณแซมปลิ้งเรท คือ 48  ออกมาเป็น  24 bit/ 96 KHz  ในการทำเพลง)  
แต่ในวงการเล่นเพลงไฮเรซฯ  เขาจะเอาจาก เร็ดบุ๊คคือ 44.1 คูณ 2  เป็น  88.4 KHz และถ้าต้องการละเอียดมากขึ้นก็จะคูณอีก 2  เป็น 176.4 KHz     
ผมเคยลองแล้วเสียงฟังสบายหูกว่า  24 bit/192 KHz ครับ  
หรือแค่  24 bit/ 88.2 KHz   ก็ยังรู้สึกว่าดีกว่า  24 bit/96 KHz  ครับ

 เนื่องจากผมสนใจในการนำ PC  มาเป็นศูนย์บันเทิงให้ตัวเอง  เช่นดูหนัง  ฟังเพลง  ร้องเพลง
โดยเฉพาะ  การฟังเพลง  ที่ต้องการความสะดวกสบายที่สุด  คอมตอบโจทย์ตรงนี้ได้แต่ก็ยังขาดๆ เกินๆ บ้าง  
ทั้งด้าน ฮาร์ดแวร์  และ ซอฟแวร์  
มีอะไรเข้ามาเกี่ยวข้องบ้างในเรื่องนี้

คอมพิวเตอร์ ,  ซาวด์การ์ด  ,  DAC  ปรีแอมป์  แอมป์  ลำโพง  เส้นสายต่างๆ

คอมพิวเตอร์  โชคดีที่ในทุกวันนี้  คอมเก่งและฉลาดยอดเยี่ยมในราคาที่ถูกลงมาก  
โปรแกรมเล่นเพลงมีให้ทั้งเสียเงิน และของฟรีตลอดชีวิต  ไม่ใช่ปัญหา
Sound Card  และ  DAC  ที่ทุกวันนี้แทบแยกหน้าที่กันไม่ออกเด็ดขาด  
เพราะผู้ผลิตทำมาให้สะดวกมากขึ้นทั้งการเชื่อมต่อ USB  แบบง่ายๆ  
แต่การนำมาเป็นเครื่องมือในการผลิตเส้นเสียงที่เที่ยงแท้ให้ฟังมักจะต้องแลกด้วยราคา  ราคาครับที่เป็น  Big Bag  ครับ  
ในการเล่นกลับอย่างเดียว  ชิพที่สำคัญคือ  D/A  หรือ  DAC  อย่างที่รู้กัน  ซึ่งในโลกนี้มีผู้ผลิตไม่กี่เจ้า  
และด้วยเทคโนโลยี่ไม่ห่างกันมาก  การแปลงสัญญาณ ดิจิตัล  ที่ทำงานในคอม  ออกมาเป็น  อะนาล็อก  
เพื่อส่งข้าแอมป์ออกลำโพงให้ได้ยินกันนั้น  ส่วนที่จะทำให้เพราะกว่ากัน  อยู่ที่  กันชนหรือ บัฟเฟอร์  
ซึ่งจะเป็นวงจรขยายเล็กๆ  เหมือนปรีแอมป์  ซึ่งทุกวันนี้ใช้ ไอซี ที่เรียกว่า อ๊อพแอมป์  
มีราคาตั้งแต่หลักร้อยยันหลักหลายๆ พัน  ยิ่งแพงยิ่งไพเราะ  
ตรงนี้ตะหากที่ทำให้  DAC  มีราคาแสนแพง  
( แม้ว่าจะยังมีตัวแปรอย่างอื่นในขั้นตอนการแปลงสัญญาณเช่นการเหลื่อมของเวลาที่เรียกว่า  Jitter  เข้ามาเกี่ยวข้องที่มีผลทำให้ลักษณะเสียงเปลี่ยนก็ตามครับ )
ผมก็ยังให้ความสำคัญกับ  วงจรเล็กๆ  ตรงนี้อยู่ดี

ซึ่ง... ครับ  ซึ่ง  ผมมีทางเลือกโดยการหาวงจรที่เป็นทั้งกันชนและปรี โดยใช้ ปรีบัฟเฟอร์หลอดแทน  
ในราคาที่ไม่น่าเกิน สองพันบาทไทย   หรือพันกลางๆ  ให้เสียงที่น่าจะใกล้เคียงหรือเข้าหูเข้าตากรรมการกว่า  อ๊อพแอมป์ ราคาแพง  
วงจรที่ว่านั้นมีมากมายในวงการ DIY ครับ  มีแค่สองมือซ้ายขวาก็ทำเล่นกันได้ทุกคนครับ

และแล้วผมก็บรรลุถึงปลายทางในเช้าวันนี้ละครับ  ด้วยข้าวของมี่มีอยู่รอบๆ ตัวนี่แหละ

ผมใช้โปรแกรม  cPlay  เป็นตัวเล่น  ซึ่งคุณงามความดีนั้นจะค่อยมาเผยภายหลังละกัน  
แต่เจ้า  cPlay นี้  ผมฟังด้วยความรื่นหูมากกว่า  Foobar2000 มากมาย  เซ็ทก็ไม่ยากเลยครับ  
ผ่านเสียงออนบอร์ดง่ายดี ลองแล้วว่าใช้ได้  จากซาวด์ออนบอร์ด  ตรงเข้า  บัฟเฟอร์แท้หลอด 6DJ8  
ก่อนจะเข้าปรีหลอด  12AU7  เข้าแอมป์  6L6 SE  ก๊อปวงจรของท่าน TITLE  สุดยอดแอมป์จิ๋วแต่แจ๋ว  
ซึ่งลองฟังการแสดงสดของบีจี  One Night Only  ผ่านลำโพงฟุลเร้นจ์ราคาพันกว่าบนตู้ข้าวนอกนาตามมีตามเกิดได้สนุกสดใสยิ่งนักครับ  
เป็นน้ำเสียงที่เปี่ยมล้นด้วยความไพเราะเพราะพริ้งเท่าที่เคยฟังมา เกินไปไกลกับราคาค่าตัวยิ่งนัก.....

 ถ้ามองว่าคุณงามความดีที่เป็นองค์ประกอบของคำว่า สุภาพบุรุษ สุภาพสตรี  มันทรงคุณค่า มันดีงามอย่างไร  

      สุ้มเสียงที่ออกมาก็แบบนั้นละครับ

ยังมีแต่ตามมานะครับ  ในโลกของเสียง  มันไม่ค่อยจบง่ายเกินหรอกครับ  คือ
ทำอย่างไรจะตัดภาคขยายเล็กๆ ที่เป็นเสมือนปรีในขาออกของซาวด์การ์ดได้  แล้วต่อตรงเข้าบัฟเฟอร์แทน
เราก็จะได้เสียงที่บริสุทธิ์ขึ้น สอาดขึ้นครับ

[มะละกอ]

เหน็ดเหนื่อยมากครับต่อการอ่านตัวหนังสือจิ๋วที่ปริ๊นท์ออกมา  
อ่านแล้วต้องมาตีความเพื่อทำความเข้าใจให้ถูกต้องต่อเจ้าของภาษาเดิมที่ถ่ายทอดออกมา  
แม้จะเปิดดิกชันนารี่ทุกคำ  ทว่าอ่านแล้ว “เป็นงง” กับตัวเอง  ต้องมาเรียบเรียงใหม่ทั้งหมด...
ครับทั้งหมดมาจากตอนที่แล้ว  ว่าด้วยเรื่องที่ไม่ค่อยสบายเท่าไรในการฟังเพลงแบบของผม
และ cPlay  เป็นโปรแกรมจิ๋วที่เลือกมาใช้งาน




ดูคำเปิดตัวผลิตภัณฑ์เค้าแล้วน่าทึ่งมากครับ  
ทีมงานพัฒนานี้ใช้ชื่อว่า cics  กล่าวทำนองต่อว่าผู้ผลิตระบบเครื่องเสียงระดับไฮเอนด์ทั้งหลายว่า  
ช่างไม่กระดากใจที่จะตั้งราคาขายสินค้าในราคาแพงมาก เป็นเงินหลายหมื่นดอลล่าร์ต่อซิสเต็มไฮเอนด์ที่ว่านั่น  
โดยหัวใจสำคัญของความทันสมัยของระบบนั้นคือ CD Transport ที่จะถ่ายทอดสัญญาณดิจิตัลและแปลงผันออกมาเป็นภาษาดนตรีให้เราได้ยิน  
การพยายามออกแบบด้วยความโอ่อ่าทางวิศวกรขั้นสุดยอดทำให้สามารถอัพราคาไปมากๆ ได้อย่างไม่ขัดเขินครับ

มันคล้ายกับว่า  ต้นต่อจากห้องในสตูดิโอที่บรรดาโปรดิวเซอร์ทำเพลงกัน  
ด้วยคอมพิวเตอร์เมื่อผลิตเป็นแผ่นซีดีออกมา  ถ้าเล่นกลับด้วย CD Transport  หรือ Computer Transport
ด้วยการริพลงฮาร์ดดิสแล้วเล่นกลับด้วยโปรแกรมผ่าน DAC และหรือ ซาวด์การ์ด  แล้วผลมันจะต่างกันมากมาย
กับการเล่นด้วย  เครื่องเล่นซีดีราคาแพง  ซึ่งเหมาะสำหรับคนมีกะตัง  
แต่สำหรับชาวบ้านร้านช่องทั่วไปมีมากมายในโลกนี้จะไม่มีโอกาสในการเสพย์เสียงที่สุนทรีได้กระนั้นหรือ
( ป.ล.  คล้ายๆ กับว่าทีมงาน cics  คิดออกมาแบบนี้นะครับผมมาตีความหมายเอาเอง  อาจไม่ตรงกับตัวหนังสือของเขาเท่าไรสำหรับย่อหน้าที่ผ่านมา )

ดังนั้นทีมงาน  cics  จึงลงความเห็นว่า  ก้อในเมื่อแทบทุกบ้านในโลกนี้มีคอมพิวเตอร์ใช้งานกัน
ทำไม?  จึงจะนำมาใช้งานให้เป็น PC Transport  ที่ยอดเยี่ยมไม่ได้  
ใช้เวลากว่า 3 ปีในการทำงานชนิดไม่ต้องหายใจ  ( ตายแหงมๆ ) ในการค้นหาวิธีและทำงานชิ้นนี้

ซึ่งใช้ชื่อว่า   cics Memery Player Project  ครับ จึงเลียนแบบ ไอสไตล์  ออกมาเป็นสูตรดังนี้
    
      cMP ยกกำลังสอง = cMP + cPlay

The First is  อั้นแน๊ะ!!   เล่นภาษาหน่อย  คือการแทนที่ตัว Windows XP shell (Explorer)
ซึ่งผมสารภาพว่าไม่รู้หมายถึงอะไรจริงๆ ครับ  

ด้วยการเรียกว่า  cMP  ซึ่งน่าจะหมายถึงการลดลงหรือข้ามขั้นตอนของการทำงานของ Windows ในบางส่วนที่ทำงานอยู่ข้างหลัง  
นั่นหมายถึงจะทำให้ ได้ผลดีที่สุดจากการ Playback  อันนี้ต้องให้ท่านที่เป็นคอมมาช่วยอธิบายอีกทีครับ

คอนเซ็พท์อันที่สอง คือการสร้างตัวเล่นออกมา ใช้ชื่อว่า  cPlay  ให้มันทำงานโดยส่งข้อมูลของดิจิตัลไฟล์ที่เป็น WAV และหรือ FLAC  เท่านั้น  (เป็นข้อเสียที่เล่นได้จำกัด)  
เข้าสู่ แรม ตรงเข้า CPU เลย  เล่นจาก แรมโดยตรง  ไม่เหมือนโปรแกรมอื่นที่เริ่มต้นเล่นจาก  ฮาร์ดดีส  ไปแรม  แล้วค่อยไป CPU  ครับ  
และประเด็นที่ยอดเยี่ยมคือมันสามารถอินทีเกรด ในการเล่นอัพแซมปลิ้งเรทถึง  24/96 kHz  ได้  Signal-to-noise ratio ถึง  145.68 dB

บททดสอบสามารถบรรยายได้ด้วยการทำ bit-perfect  ซึ่งผลออกมาเชื่อได้ว่ามันทำได้ดีมาก
ค่า Jitter  ต่ำถึง 51 ps Jpp RSS  (ห้ามถามนะครับว่าหมายฟามว่าอะไร แฮะ แฮะ)
มันถึงได้ตัวนี้มาไงครับ

cMP ยกกำลังสอง    Wins Best Audiophile Equipment Of The Year award.  ไม่รู้ว่าปีไหนและใครเป็นคนจัดนะครับ

ยังมีตอนต่ออีกนะครับ  ปวดเฮดตุ๊บๆ  ละ   ตอนนี้จิ้มทีละตัวนานเกือบชั่วโมงละ   แฮ่ม!!!

[มะละกอ]

ยิ่งอ่านหลายๆ ครั้งก็ยิ่งมีความเข้าใจเพิ่มขึ้น  และถูกต้องแม่นยำขึ้น
เลยต้องรีบมา  แก้ไข   ขยายความเพิ่มเติมครับ

cMP  น่าจะหมายถึง  คอมพิวเตอร์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ  โดยมีเคสเป็นแบบแนวนอน  
เขาใช้ยี้ห้อและรุ่นนี้  ZALMAN HD 160 XT

       





นำมาตั้งค่าของ Windows  ใหม่  
โดยปิดฟังชั่นที่ไม่เกี่ยวข้องกับเสียงซึ่งทำงานอยู่ข้างหลังออกให้หมด  (อาทิ ฟังชั่นเซอร์วีสต่างๆ  ที่จะช่วยทำให้ ยูสเซอร์ใช้งานสะดวกขึ้น)  
  
cMP  จะใช้ซาวด์การ์ดของ  ESI JULI@  เค้าคัดแล้วว่าเหมาะสม
cMP  จะมีโปรแกรมเล็กๆ มาช่วยควบคุมให้สะดวกขึ้นเช่นการใช้รีโมทให้เหมือนกับเครื่องเล่นซีดี  
PC Transport  ที่เรียกขานว่า  cMP  นี้เมื่อนำมาเล่นกับ  cPlay  ถึงจะสมบูรณ์แบบครับ

ชิพ  AKM  ที่ใช้ใน  ESI JULI@  ซึ่งต้องเข้าไปทำความเข้าใจอีกที  แล้วจะมารายงานครับ
เพราะถ้าเรา    เริ่มต้นเล่น    ได้ถูกที่ถูกทาง   มันจะช่วยหลายอย่างให้ง่ายขึ้นและในราคาที่สบายกระเป๋าอีกด้วยครับ

[มะละกอ]

และสำหรับท่านที่ใจร้อน  ไม่อยากรออ่านแบบสบายๆ  ละก็  เข้าไปอ่านที่นี่ได้ครับ

มีรายละเอียดและวิธีตั้งค่าคอมต่างๆ  ด้วยเหตุและผลสามารถพิสูจน์ได้ รวมทั้งไม่ยากต่อการทำครับ

http://www.cicsmemoryplayer.com/

[มะละกอ]

เอารูปซาวด์การ์ด  ESI JULI@  มาให้ดูก่อนนะครับ
เป็นซาวด์การ์ด  ที่มีอนาคตไกลและค่อนข้างง่าย  สำหรับผู้ที่มีความรู้บ้าง
ในการที่จะ โม  เพิ่มประสิทธิภาพได้  มันจะเป็น  แจ๊คผู้ฆ่ายักษ์  หรือเปล่านะ

การ์ดสามารถแยกเป็นสองส่วน  เพื่อการใช้งานเชื่อมต่อทั้งแบบบาลานซ์  และอันบาลานซ์
ทีเด็ดคือ  ส่วนที่ต่อเชื่อมนั้น  ทำให้ง่ายขึ้นในการโม  เพราะมันจะมีส่วนที่มีสัญญาณที่เรียกว่า
I2S  อยู่ด้วย  ผมกำลังศึกษาอยู่ครับ  

  

  


ชิพเวีย  ENVY 24HT - S  จะอยู่ในส่วนของบอร์ดดิจิตัล  แยกต่างห่าง

  
 


ในส่วนของบอร์ด  DAC   ทั้ง  ADC  และ  DAC  ซึ่งใช้ชิพ  AKM  AK 4358 VQ  และ  AK 5385 A   เสียงเข้าหูผู้สูงวัยอย่างผมครับ





ไม่แน่นะครับหลังจากปรับปรุงบ้างตามรุ่นพี่ฝรั่งเมืองนอก   อาจจะได้ชุดที่ฟังแล้วถูกใจในราคาที่เอื้อมถึง
ไม่ต้องแหงนหน้าดู  DAC  ราคาแพงอีกต่อไปครับ

[LungWATCR]

รอ...ติดตามอ่านต่อไปครับอาจารย์

[มะละกอ]

ตามความเข้าใจแบบ งูๆ  ปลาๆ 

DAC  และ  ซาวด์การ์ด  มี  ผังการทำงานคล้ายกันคือ  มี  IN  และ     OUT
IN  หมายถึง  เมื่อมีสัญญาณ  อะนาล็อก  เข้ามา  จากการอัดผ่านไมค์ และหรือ ฯลฯ
จะผ่านส่วนที่แปลงที่เรียกว่า  ADC (Analog – to - Digital Converter)
สัญญาณจะอยู่ในรูปดิจิตัล  (ดิจิต น่าจะหมายถึงตัวเลข)  เรียกว่า  ตัวเลขฐานสองซึ่งเก็บไว้ในฮาร์ดดีส 
เพื่อทำงานตามวัตถุประสงค์ต่อไป  สมมุติเป็นการตัดต่อทำเพลง  เมื่อทำเสร็จแล้วก็ต้องเล่นกลับ 

สัญญาณดิจิตัลนี้ก็ต้องผ่านตัวแปลงที่เรียกว่า  DAC (Digital – to – Analog Converter)  จากตัวเลขฐานสองก็จะกลายมาเป็นรูปแบบอะนาล็อก 
ผ่านส่วนสำคัญที่จะทำให้เสียงดีมากดีน้อยอีกส่วนหนึ่ง  คือ  ภาคปรีแอมป์ 
ซึ่งจะทำหน้าที่ขยายสัญญาณที่อ่อนมากที่ออกมาจาก  DAC  ให้แรงขึ้นได้มาตรฐานที่จะส่งออกทาง  แจ๊คเอาท์ 
ไปขับปรีและพาวเวอร์แอมป์ หรือ อินทริเกรดแอมป์ข้างนอกออกลำโพงให้เราได้ยินเสียงเพลงอีกทีครับ

ในส่วนของภาคปรีแอมป์ในตัวซาวด์การ์ดหรือ  DAC  นั้นในปัจจุบันส่วนใหญ่จะมาจากไอซีอ๊อพแอมป์
ซึ่งมีราคาตั้งแต่ถูกๆ  จนแพงๆ  เอื้อมไม่ถึง  เช่นพวก OPA 637  อ๊อพแอมป์พวกนี้ต้องการไฟเลี้ยงที่ดีมากๆ เท่านั้นถึงจะเปล่งประกายได้ยอดเยี่ยม 
DAC  หรือ  Sound Card  ราคาถูกไม่มีสิ่งนี้ให้ครบนะครับ  ต้องโมภาคจ่ายไฟตรงให้ใหม่ซึ่งก็ไม่ยากดอก 
มันทำให้ยุ่งยากขึ้นอีกบ้างเท่านั้น  แต่ค่าใช้จ่ายก็ย่อมแพงตาม

ทว่ามันก็ไม่ถึงกับหมดหนทางที่จะได้เสียงดีๆ  ฟังกับเขาบ้าง  คือแทนที่เราจะให้สัญญาณที่ออกจาก  DAC  มาผ่านไอซีอ๊อพแอมป์ 
เราก็สร้างปรีหลอดด้วยวงจรแบบง่ายๆ  ลงทุนระดับเล็กๆ  แต่ให้เสียงเทียบเท่าหรือดีกว่าอ๊อพแอมป์เหล่านั้นแทน

นั่นคือเราต้องตัดการส่งสัญญาณจากภาค  DAC ไปปรีในตัวออกจาก ซาวด์การ์ดหรือ  DAC 
แล้วดึงมาเข้า  ปรีหลอดที่สร้างขึ้นใหม่แทนครับ  วิธีการทำอย่างไรนั้นคงต้องศึกษาเอาจากเว็บต่างๆ ที่ลงผลงานเอาไว้มากมาย 
ผมเองก็กำลังเอาเป็นเอาตายอยู่ครับยัง เป็นงง  งง  งง.....

ซึ่งที่สุดเราก็จะได้เสียงเพลงที่มีมนต์ขลังของหลอด  ฟังให้ฉ่ำใจขึ้นอีกเป็นไหนๆ  นะครับ

[มะละกอ]

น้ำไม่ท่วมแล้ว  ผมไหว้วานให้หนุ่มวัย ฉะ กัน ล่ำบึ๊ก แบกลำโพงประวัติศาสตร์
ของท่าน สะไปเดอร์แมน ลงจากชั้นสอง  มามองดูได้หลายวันแล้ว  ยังใหม่เอี่ยมเพราะเอาทองคำเปลวห่อไว้อย่างดีนะครับ
คิดๆ ดูแล้วอยากนึกทำอะไรต่อให้มันสมบูรณ์แบบเป็นลำโพงในอุดมคติซะเลยดีไหม?
ต้องถามเจ้าของก่อน

ไหน ไหน  วันนี้สมองมันแล่นปรู๊ดปร๊าด  มาลองคิดตามกันดูนะครับ
เรารู้ว่า  เสียงที่สมบูรณ์ดีนั้น  มันมีย่านความถี่หลักๆ  อยู่ 3 ย่าน คือ

ย่านต่ำ  ย่านกลาง  ย่านสูง  จะเรียกว่า  สูงกลางต่ำ  ก็ไม่ขัดข้อง

ลำโพงประวัติศาสตร์นี้  มีดอกลำโพง 15 นิ้ว และแหลมรวมข้างละ  2  ดอก
ดอกลำโพง 15 นิ้วนั้น  พูดถึงคุณสมบัติทางกายภาพแล้ว  มันสนองตอบความถี่ได้ดีที่สุดประมาณ 1000 Hz บวกนิดหน่อยนะครับ  
ยกเว้นที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ  ซึ่งแพงเกินและมิใช่ดอก 15 นิ้วของตัวนี้แน่  
เพราะฉะนั้นการออกแบบพาสสีพคลอสโอเวอร์เน็ตเวอร์คให้ได้เสียงกลางทีดีจึงต้องการดอกเสียงแหลมที่สามารถลงต่ำได้กว่า 1000 Hz  แต่ก็แพงอีกแหละ

เหมือนกับลำโพง  V.O.T  ที่ตัดแค่  500  Hz  เจบีแอลและอัลเทค เจ้าตำหรับนั้นทำมาใช้ในโรงหนังจนดังและทำให้ต้องออกแบบมาใช้ในบ้านขายให้เศรษฐีกันอย่างแพร่หลาย

การโมดิฟาย  เน็ทเวอร์ค เพื่อให้ได้เสียงดีขึ้นในลำโพงประวัติศาสตร์คู่นี้จึงไม่ใช่ทางออกที่ดีนักครับ  
เพราะคุณสมบัติทางกายภาพที่จำกัดของมันดังที่กล่าวแล้ว  
มันต้องมีวิธีทำอย่างอื่นที่สามารถทำได้  และอาจคุ้มค่ากว่ารวมทั้งอาจไม่ต้องพึ่งพาซับ  
ประเภทมีคู่เดียวเที่ยวทั่วไทยได้ทุกงาน  ตั้งแต่ใช้ในบ้าน ในอาคาร ยันโต๊ะจีน 20-30 โต๊ะ

อาแฮ่ม !!  ด้วยลำโพงคู่เดียวเท่านั้นครับ

ขออนุญาตกลับเข้าโฆษณานิดเดียวนะครับ  อย่าเพิ่งหมุนไปช่องอื่น  เดี๋ยวมาครับ

[มะละกอ]

ตัวต้นแบบที่เป็นพ่อแม่ของลำโพงประวัติศาสตร์นี้  น่าจะมาจากทางฝั่งอังกฤษนะครับ
ต่อมาถึงรุ่นลูกรุ่นหลานที่ก๊อปกันเป็นสัญชาติ อเมริกันบ้าง  ฝรั่งเศสบ้าง  และแถวเอเชียมีทุกประเทศกระมัง  
ทำเงินได้แต่ละปีมหาศาลต่อเนื่องมาอย่างยาวนาน  แม้จะไม่สมบูรณ์แบบก็ตาม

และแล้ววันดีคืนดี  บริษัทที่ว่านี้ก็ออกรุ่นใหม่โดยคิดกันแบบง่ายๆ  ไม่ต้องคิดมากคือ  ในเมื่อต้องการย่านความถี่ให้ได้ครบถ้วน  
ก็จัดการเพิ่มดอกเสียงกลางขนาด 6.5 นิ้วซะเลย  คราวนี้ก็จะได้ดอกลำโพงที่มีขีดความสามารถตามคุณสมบัติทางกายภาพของมันในราคาที่ประหยัดอีกด้วย  
และได้ย่านความถี่ของเสียงดนตรีที่เหมาะสมแยกเข้าสู่ดอกลำโพงแต่ละตัวได้เหมาะเหม็งถูกต้องขึ้นเห็นๆ  
ส่วนครอสโอเวอร์ก็มีให้เลือกทั้งสองแบบคือ  พาสสีพ กับ แอ๊คทีพ  ให้เหมาะกับการใช้งานขนาดตู้ก็ใหญ่เท่าเดิม  
แต่ได้เสียงที่สมบูรณ์กว่า  ถูกต้องกว่า  ซึ่งมืออาชีพระดับชาติกลับชอบแบบนี้มาก  เนื่องจากขั้นตอนง่ายต่อการออกแบบวางระบบลำโพงทั้งระบบ

ผมกำลังพูดถึงหนทางที่ถูกต้องในการโมลำโพงประวัติศาสตร์คู่นี้  คือการเพิ่มเสียงกลางขนาด 6-6.5 นิ้ว  เพิ่มอีกตัว  
และถ้าจะให้ไม่ปวดหมองคือทำครอสแบบแอ๊คทีพไปเลย  เสียงที่ได้จะสดใส พุ่ง ชัด  ไม่เปลืองกำลังแอมป์หลายๆ ร้อยวัตต์  แต่เปลืองจำนวนแอมป์เท่านั้น

เอารูปจากเว็บเค้ามาดูเป็นไอเดียคงไม่เป็นไรกระมังครับ  มาดูกันก่อนครับก่อนที่จะร่ายยาวต่อไป

[มะละกอ]

แม้ว่าในทุกวันนี้เราจะหันมาฟังเพลงจากคอมมากขึ้น
ฟังจากแผ่นออดิโอซีดีน้อยลง
แต่การ ริพ แผ่น  การก๊อป แผ่น ไว้ฟังส่วนตัวก็ยังมีอยู่
อย่างน้อยการทำมาสเตอร์ซีดีในการเดโมงานก็ยังใช้  Audio CD

ผลจากการลองเล่นลองอัดเสียงจากการร้องคาราโอเกะ  แล้วทำเป็นแผ่นซีดี  
ซึ่งเมื่อฟังแล้วยังรู้สึกไม่ชอบน้ำเสียงที่เป็น  ดิจิตัล  เต็มตัว  ทำให้หาข้อมูลเพิ่มเพื่อปรับปรุงคุณภาพ
ค้นจนพบว่า  โปรแกรมเขียนแผ่นเป็นอีกหนึ่งบริบทที่ทำให้เสียงดีขึ้น

ใช้เวลาสองสามวันในการทดลองและพบว่ามันได้ผลอย่างที่เราต้องการครับ

อันแรกคือความถูกต้องในเรื่องของจังหวะจะโคนซึ่งมันไปเกี่ยวข้องกับเวลา
ในทฤษฎีดนตรีนั้นนั้นมีกฎบังคับเรื่องของจังหวะ เร็วช้าที่เป็นมาตรฐานอยู่นะครับ
นักดนตรีที่เล่นตามโน๊ตเพลงได้ดีเยี่ยม  จะทำให้เพลงเดินไปอย่างราบรื่นไหลต่อเนื่อง
คนฟังก็รู้สึกคล้อยตามอารมณ์เพลงได้อรรถรสมากขึ้นครับ

อันที่สอง สาม สี่ ห้า  ซึ่งเป็นสิ่งที่นักฟังทั้งหลาย  ไม่ว่าจะเป็นมิวสิคเลิฟเวอร์  และหรือ
ออดิโอฟายทั้งหลายต้องการ  ก็จะตามมาเองครับ

ผมหยิบซีดีรอม  Plextor  CD-R  รุ่น   PX – W 1210S  แบบ  SCSI  ตั้งแต่ยุคปลายปี 1999
จากมุมมืดของห้องออกมาปัดฝุ่น  การต่อใช้งานต้องมีการ์ด  SCSI  พร้อมสายแพของมัน
นักเลงคอมนั้นต้องรู้ว่า  การเชื่อมต่อแบบ     IDE  กับ  SCSI   นั้นให้ผลแตกต่างกันมากครับ
แต่ปัจจุบันนี้ไม่จำเป็นแล้ว

ตัวโปรแกรมเขียนนั้นได้มาจากการค้นในกูเกิ้ล  ตามข้างล่างนี้ครับ  จาก  htg2.net  คัดมาให้อ่านกันครับ

ไม่แน่ใจว่าความหมายของคำว่าบันทึก คือ การ record หรือ save file. เอาง่ายๆแค่ทำ master file
ไม่ว่าจากการทำดนตรี หรือ rip จากแผ่น CD หรือ MP3 ผมใช้ MAGIX SAMPLITUDE (หรือจะใช้ WAVELAB ก็ได้)
ให้ xport หรือ save file เป็น 24bit 96 kz หรือ สูงกว่า

ถ้า write ลง CD ธรรมดา MAGIX SAMPLITUDE  สามารถ write file ที่เป็น 24 bit และ sampling rate ที่สูงกว่า 48Kz ได้เลย
โดยผ่าน อัลกอริทึม Dithering ของ POW-R ที่มีคุณภาพที่สูงกว่า Apogee’s xclusive UV22 process
ที่มีอยู่ใน WAVELAB ให้อยู่ในรูป CD FORMAT 16bit 44.1 Kz   โดยที่คุณภาพเท่าต้นฉบับ

ส่วนตัวถ้าไม่ A/B test ฟังออกยาก แต่เมื่อเทียบแล้ว write ผ่าน SAMPLITUDE ไดนามิก กับ อิมแพ็ก ดีกว่า
แต่วิธีการ write บน SAMPLITUDE ยากกว่า NERO (ซึ่งไม่ซับพอร์ด ฟอแมท ที่สูงกว่า 16bit 48kz) มาก ต้องบอกว่า งงโคตร

ข้อมูลเพิ่มเติมของ POW-R Dithering: http://www.mil-media.com/pow-r.html

ผมทดลองกับ  อัลบั้มที่คุ้นมากที่สุด  PASSAGES  ของ   OSAMU  KITAJIMA





แม่ครัวที่ทำกับข้าว  ทำแกงให้อร่อยนั้นจะรู้เวลาก่อนหน้าหลังในการใส่วัตถุดิบลงในหม้อแกง
รู้จังหวะเวลาที่จะเริ่มต้น คน ให้เข้ากัน  เติมเครื่องปรุงแล้วคนซ้ำ  มากน้อยแล้วแต่ชนิดของแกงเช่นแกงปลา  แกงเนื้อ  คนไม่เหมือนกัน  

OSAMU KITAJIMA  เปรียบได้กับ พ่อครัวชั้นดีคนนั้น  เขามี  เซ้นส์  ในการพานักฟังเดินทางท่องเที่ยวไปกับเขาผ่านเสียงเพลง  

ฟังเพราะว่ามันไพเราะ  ก็ได้  
หรือจะฟังเพื่อค้นหาวิถีแห่งความนึกคิด  สิ่งที่เป็นตัวตนของมวลมนุษยชาติ  ก็ย่อมได้  
หรือจะฟังเพื่อพิสูจน์ว่า  ข้าคือนักฟังระดับเทพของเทพที่สามารถได้ยินเสียงที่ไม่มีใครคนไหนสามารถได้ยินเหมือนเขา  
หรือเพื่อจะให้ท่านทั้งหลายรับรู้ว่า  ดนตรีไม่มีตะวันตก  ตะวันออก  ดอกนะ
ถ้าอยากจะรู้ก็ต้องเดินทางไปกับเขาเท่านั้น

หลังเผาแผ่นที่ใช้เวลาเขียนแผ่นแค่ สองเท่า  ใช้เวลาในการทำงานเกือบสองชั่วโมงตั้งแต่เริ่มริพแผ่น  
ผลที่ออกมาชื่นใจจริงๆ   นี่จึงสมควรเป็นแผ่นมาสเตอร์ที่แท้จริงครับ  
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักร้อง  นักดนตรี  ที่ต้องทำแผ่นเดโม   หรือนักฟังที่พิถีพิถันทั้งหลายครับ

[มะละกอ]

Samplitude  ขณะ ริพ  แผ่น





จนได้ไฟล์ Wav  มาใช้งาน

[มะละกอ]

รู้สึกคล้ายกับว่าฟังเสียงเพลงจากโปรแกรมนี้  เพราะกว่า  ฟังจาก  Foobar2000  ครับ

[มะละกอ]

เวลาในอดีต

หลายเดือนแล้วที่ได้รับ  Sound Card  ยี้ห้อ  ESI@JULI  จากท่านอ๊อด ลำพูน  มาทดสอบ
และเรื่อยๆ เรียงๆ  ตามประสาคนที่  แบด แฮบ ‘บิท  (นิสัยไม่ดี)
ฟังเพลงไปเรื่อยเพื่อความคุ้นเคย

อันดับแรก  ดูหนัง หลายหลากแนว  เพื่อฟังเสียงคนพูด   ซึ่งผมถือว่า  “ไพเราะที่สุด”
เสียงของ พระเอก นางเอก  ผู้ร้าย  พูดได้ชัดเจน  เรียกว่า เคลียร์มาก ครับ
เมื่อฟังได้ “ชัดเจน”   ไม่ต้องร้องเพลง  “ฟังซ้ำ”  ของคุณศิรินทรา นิยากร
ทำให้ดูหนังได้อย่างที่เรียกว่า   “มันมาก”

ต่อมาอีกนานนับเดือน  ผมก็ใช้ฟังและดู  กับการแสดงสดคอนเสิร์ต 
หลายต่อหลายการแสดงที่ ติดอันดับท๊อปเท็นของโลก
และก็ไม่ผิดหวังครับ   สมกับที่ฝรั่งหลายสำนักที่รายงานการทดสอบว่า  ESI@JULI
เสียงเคลียร์มาก  คุ้มค่าคุ้มราคา  และสามารถโมแล้วไปได้อีกไกล

การดูคอนเสิร์ตนั้น   ภาพ กับ เสียง  ต้องไปด้วยกันนะครับ 
จึงจะรู้รส เผ็ด หวาน มัน เค็ม ประการใด 
ไม่ใช่ภาพชัด บาดนัยน์ตา  แต่เสียง  ก๊าบ ! ก๊าบ ! 

เวลาปัจจุบัน

สอง สาม วัน  ทีผ่านมา  กำลังหัด  ฝึก และ ทดสอบ  อัด เสียง 
มีนักร้องหลายวัย  มาให้อัด  แต่ไม่เวอร์คแฮะ  เพราะใช้โปรแกรม ตัดต่อยังไม่แม่น
ประเภท  วันนี้ ทำได้  อีกวัน  ทำไม่ได้  เสียงไม่เข้าเฉย  โอ้ !  ไหม?  มันยากอย่างนี้จ๊ะ?
( โปรแกรม  Steinberg Cubase SX 3   กับ   Magix Samplitude 10  เยอรมันทั้งคู่)

ชีวิตต้องดำเนินต่อไป  ไม่หยุดอยู่แค่นี้ดอกครับ

เช้านี้ตั้งแต่พระเดินมาโปรด  ให้พุทธบริษัททั้งหลายได้ทำบุญด้วยการให้ทาน ข้าวปลาอาหาร

ผมก็บรรลุถึง  การ     “Learn how to learn.”  ด้วยวิธีที่เรียกว่า  On the job training.
ซึ่งยังไม่รู้ว่า  คนแก่สมาธิสั้นอย่างผมนี้  พรุ่งนี้จะลืมอีกไหมครับ

ลองอัดเพลง  ให้ รุ่นหลาน น้องแก้ม  ที่ขอมา  ชื่อ  “เพลงรักเพลงคิดถึง”
ลองวิชาเสียหน่อย

โดยอิมพอร์ต มีดี้ไฟล์ นัมเบอร์  62350  จากนิคคาราโอเกะ
เล่นกับ  Samplitude 10  แยกมีดี้ออกได้ทั้งหมด  13  แทร๊ค

เปิดมีดี้ไฟล์ โดยตั้งจังหวะที่ 57   ผ่าน  Roland Sonic Cell  พรีเซ็ทที่ 37  ชื่อ Crystal Grand
รู้สึกเสียงหน่วงช้าบ้างกระจิ๊ดเดียว  ฟังหนักแน่นเพราะดีครับ
คิดว่าตั้งจังหวะที่  60  เสียงน่าจะดีกว่า

อนาล็อกเอ้าท์ จาก โรแลนด์  ไปเข้า อนาล็อกอิน  ESI@JULI 
ตั้ง DirectWire   ระหว่าง  Input  กับ  ASIO In  ตั้งอินพุตเลเวลสำหรับอัดที่ 2.3 ดีบี
หมายเหตู  ผมยังหาวิธีต่อแบบ  ตรงในโปรแกรมไม่ได้ครับ 
เคยลองได้นานแล้ว  และลืมวิธีเซ็ทสนิท
อัดมาลอง  2  ครั้ง  ครั้งแรกให้มีเสียง  เมโลดี้   และครั้งที่สองปิดเมโลดีที่  แทร๊คที่ 9
Export   ออกมาเป็น  .Wav  และ  .Mp3

แต่อีกแหละ  ลืมวิธีฝากไฟล์จนได้   ขี้เกียจค้น เพราะหมอให้ถนอมสายตา  ต้องขอความอนุเคราะห์จากท่านขวัญอีกแล้ว
โปรดช่วย  ข้าน้อย  ด้วยขะรับ

เอ...สงสัยต้องทำเป็น  แกล้งลืม  ว่าได้  Sound Card  ESI@JULI  มาจากใครแล้วดีกั่ว 
แฮะ แฮะ.....

[มะละกอ]

[มะละกอ]

อยากให้ดู  และฟังเสียงซึ่ง  ฟังแล้วรู้สึกสบายใจครับ
ซักครู่เดียวครับ  เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง

[มะละกอ]

ขออนุญาตเพิ่มอีกเพลง นะครับ

&feature=related

[LungWATCR]

เข้ามาติดตามครับ หายไปนานนะครับอาจารย์

[มะละกอ]

เข้ามาติดตามครับ หายไปนานนะครับอาจารย์

แถวบ้านผม  เค้าเรียกว่า  "หมดภูมิ"  ครับ

ถ้าเป็นยุคโบราณ  คงต้องออกจากบ้านเดินทางไปเสาะแสวงหาอาจารย์เพื่อเติมความรู้

ทุกวันนี้  กูเกิ้ลช่วยได้ทันที

คงเข้ามาแจมตาม  ความเข้มแข็งของสุขภาพครับ
เพียงแต่ในปี 2555 นี้   สั้นลงไม่ยาวเฟื้อยละ

และอย่างที่บอก   "เด็ดดอกไม้  สะเทือนถึงดวงดาว"
ข้อเขียนจะกระเทือนต่อเนื่อง  เชื่อมโยงถึงกัน  ไม่ว่าจะอยู่ในห้องไหน
เป็นเสมือนหนึ่ง เส้นใยที่ผูกเชื่อมเข้าหากัน 
ร้อยเรียงอย่างเป็นระบบ  และอย่างพิถีพิถันครับ
โปรดรอติดตาม

เล่นเครื่องแล้วฟังเสียงให้สบายๆ.....

[สุระชาติ]

สุดยอดครู