eXtreme Karaoke
เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงกลางแจ้ง (Public Address,Pro Audio Sound Reinforcement System) => ข้อความที่เริ่มโดย: อนันตชัย ระยอง ที่ วันที่ 22 พฤศจิกายน 2010, 11:18:26 น.
-
ผมใช้ MX200 อยู่ ใครมีเทคนิคการปรับเสียงอย่างไรหรือมีปัญหาในการใช้งาน..ลองมาคุยกันครับ
(http://www.melodiamusik.com/digimedia/product/MX200.jpg)
ตั้งหัวข้อไว้ก่อน
ของผมใช้แบบตั้งเอง เดี๋ยวเอารายละเอียดมาอีกที
-
แล่วแต่ค่นมั่กครับ
-
อืม...ผมยังไม่มีเร้ย อิอิอิ...ขอยืมมาลองบ้างดิ อิอิอิ...
-
เสียงออกเอฟเฟคเบาครับ
-
ผมก็ใช้อยู่ครับ แต่ยังไม่ชำนาญ ขอรอเก็บเกี่ยวความรู้เช่นกันครับ ปกติผมใช้ปรับเสียงให้กับสแนร์ของ D4 และ ปรับเอฟเฟ็กให้กับไลด์กีต้าโซโล่ของซาวด์ฟอนครับ ส่วนไมค์ร้องใช้เอฟเฟ็กในมิกซ์ อัลโต 164 USB :o^:
-
ตั้งแต่ซื้อยังไม่ได้ใช้เลยปรับไม่เป็นยังอยู่ในแร็ครอหาความรู้อยู่ครับ
-
ตัวที่ 1 ผมตั้งเป็น Studio Delay
ปรับ Pre Delay ไว้ประมาณ 10 นาฬิกา
ปรับ Decay ไว้ประมาณ 9 นาฬิกา
ปรับ Variation ไว้ระหว่าง 9 - 10 นาฬิกา
ตัวที่ ผมตั้งเป็น Large Plate
ปรับ Pre Delay ไว้ประมาณ บ่ายโมง
ปรับ Decay ไว้ประมาณ บ่ายโมง
ปรับ Variation ไว้ระหว่าง บ่ายสองโมง
ปรับค่า Input ไว้ที่ 11 นาฬิกา
Mix 1 อยู่ระหว่าง 8 ถึง 12 นาฬิกา เพิ่มสำหรับเพลงลูกทุ่ง ลดเมื่อเป็นเพลงสตริง
Mix 1 อยู่ระหว่าง 8 ถึง 12 นาฬิกา เพิ่มสำหรับเพลงสตริง ลดเมื่อเป็นเพลงลูกทุ่ง
หรือลองผสมกันก็ได้
Routing ตั้งที่ 2
แล้วบันทึกค่าที่เบอร์ 99
ต่อสาย Return เข้าที Channel Stereo ที่ Mixer เอาไว้เพิ่ม - ลด Effect
(http://www.pcmusicsound.com/upload/image.php?id=4DC9_4CEA6707&jpg)
ของคนอื่นตั้งแบบไหนกันบ้างครับ
-
ต่อสายแบบนี้ถูกไหมครับ แล้วตรงสาย EFX SEND ไปเข้า MX200 ต้องใช้ LEFT (MONO) เส้นเดียวหรือป่าวครับ ?
(http://image.ohozaa.com/i/102/mx200.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=26efd0c7bfb2ef8a3309dabc4c29628d)
-
ต่อสายแบบนี้ถูกไหมครับ แล้วตรงสาย EFX SEND ไปเข้า MX200 ต้องใช้ LEFT (MONO) เส้นเดียวหรือป่าวครับ ?
(http://image.ohozaa.com/i/102/mx200.jpg) (http://image.ohozaa.com/show.php?id=26efd0c7bfb2ef8a3309dabc4c29628d)
ถูกครับ ผมใช้ Send 2 เส้น เป็น Stereo
ส่วน Output ผมไม่ได้ต่อเข้าที่ Return ผมต่อเข้าที่ Channel ที่เป็น Stereo ของ mixer เลย คุมเสียงง่ายดี
เช่นจากรูปเข้าที่ 9 - 10 หรือ 11 - 12
แต่ถ้าจะใช้แบบโมโนก็ได้เหมือนกัน
-
:th2: :thank1:
-
:cheer: :cheer: มีเหมือนกันเลยนิ แต่ว่ายังไม่มีโอกาศได้ลองซักครั้งเลย ...... :th2: :th2:
-
ขอบคุณครับได้ความรู้จะได้ลองเสียที
-
ไม่มีการปรับของท่านอื่น ๆ เลยเหรอ..
-
ไม่มีการปรับของท่านอื่น ๆ เลยเหรอ..
อยากมีใช้แต่ไม่มีเงินซื้อเลยไม่ได้ใช้ เล็ก4คน
-
การใช้ LEXICON MX200
ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับคุณลักษณะของอุปกรณ์ก่อนก็แล้วกันนะครับ
• 16 legendary Lexicon® reverbs โปรแกรมรีเวิร์บ 16 รูปแบบ ในเอ็ฟเฟ็คชุดที่ 1
• Lexicon delays & modulation ffects ดีเลย์และเอ็ฟเฟ็คเพิ่มเติมในเอ็ฟเฟ็คชุดที่ 2
• dbx® Dynamics โปรแกรมคอมเพรสเซอร์ของ dBx
• Dual-Processor design 2 ชุดเอ็ฟเฟ็คสามารถใช้แยกอิสระต่อกัน เหมือนกับมีเอ็ฟเฟ็ค 2 เครื่อง
• 4 Routing Configurations: เส้นทางเดินของสัญญาณ 4รูปแบบ
o Dual Mono ลักษณะนี้เอ็ฟเฟ็ค 1และ 2 จะแยกจากกันเหมือนกับใช้เอ็ฟเฟ็ค 2 ตัวผสมกันก็ได้หรือไม่ผสมกันก็ได้ขึ้นอยู่กับกับปรับที่Aux send 1/2 และ Aux Ret 1 / 2
o Cascade ลักษณะนี้สัญญาณจาก Aux1/2 จะผ่านเอ็ฟเฟ็คทั้งชุดที่ 1และ 2 เหมือนกันแต่ลักษณะมิติของเสียงจะยังไม่ใช่แบบเสเตอริโอเอ็ฟเฟ็คทางเดินของสัญญาณลักษณะนี้อาจเปรัยบเทียบคล้ายๆกับการต่อสัญญาณอนุกรมกัน
o Dual Sterio (Paralel) ลักษณะนี้เปรียบเสมือนว่าเราใช้เอ็ฟเฟ็คในแบบสเตอริโอ 2 ชุดพร้อมกันมิติเสียงที่ได้ก็จะเป็นลักษณะเสียงแบบสเตอริโอซึ่งจะมีผลกับโปรแกรมบางประเภท Digital Studio, Digital Modulate เป็นต้น
o ในแบบที่ 2 กับ 3 นั้น อันที่จริงก็คล้ายกันนะครับ แบบที่ 2 นั้นถ้าเราส่งโดย Aux 1 เข้าทางอินพุท L สัญญาณจะผ่านชุดเอ็ฟเฟ็ค 1 และก็ไปผ่านเอ็ฟเฟ็ค 2 แล้วก็ส่งไปที่ออกเอาท์พุท L ส่วนสัญญาณจาก Aux2 เมื่อส่งเข้าทางอินพุทR สัญญาณก็จะผ่าน เอ็ฟเฟ็คชุดที่ 1 ใน แล้วก็ส่งต่อไปที่เอ็ฟเฟ็คชุดที่ 2 แล้วก็ส่งไปออกที่เอาท์พุทช่องR ส่วนแบบที่ 3 นั้น สัญญาณที่ส่งโดย Aux 1 นั้นจะถูกแบ่งไปผ่านเอ็ฟเฟ็ค1/2 พร้อมๆกันแล้วจึงส่งไปออกที่เอาท์พุทช่องL ส่วนสัญญาณที่ส่งโดย AUX 2 ก็จะถูกแบ่งไปผ่านเอ็ฟเฟ็ค 1 /2 พร้อมๆกันเหมือนAux 1 แล้วสัญญาณจะถูกส่งไปออกที่เอาท์พุทR
o Mono Split ลักษณะนี้จะคล้ายกับแบบที่ 1 ในตอนขาเข้าแต่ตอนขาออกจะต่างกันเช่น AuxRet 1 ในแบบ Mono จะมีสัญญาณที่ผ่านเอ็ฟเฟ็คชุดที่ 1 และ 2 ด้วย ส่วน Aux ret2 ก็จะมีสัญญาณที่ผ่านเอ็ฟเฟ็คในชุดที่ 1 ด้วยเช่นกัน ซึ่งจะต่างกับ Dual Mono ซึ่งทั้ง Aux1 / 2 จะเป็นอิสระจากกัน
o ที่อธิบายตรงนี้ก็เพื่อให้เพื่อนสมากชิกเข้าใจในหลักการของมันก่อนนะครับเพราะว่าถ้าเข้าใจแล้ววันหลังเปลี่ยนยี่ห้อไปใช้ตัวอื่นหลักการมันก็จะคล้ายๆกันนั่นแหละครับ การเชื่อมต่อระหว่างมิกซ์ก็ทำปรกตินะครับ ก็คือใช้ Aux 1 / 2 ส่งเข้าที่อินพุทด้านหลัง แล้วส่งสัญญาณจากเอาท์พุทของเอ็ฟเฟ็คกลับมาที่มิกซ์ที่Aux RET ที่เป็นสเตอริโอนะครับ หรือถ้าที่มิกซ์เซอร์มีแชลนอลเหลือก็เข้าที่แชลนอลเลยก็ได้ เมื่อเราเชื่อมต่อแล้ว เลือกROUTINGที่เราต้องการ
o ทีนี้หลายๆคนก็คงอาจจะสงสัยว่า Routingแต่ละแบบมันควรจะใช้ในกรณีไหน
เอาอย่างนี้นะครับผมจะอธิบายแบบง่ายๆนะครับ
ถ้าเราเลือก Routing แบบที่ 1 มันจะเหมือนกับเราใช้เอ็ฟเฟ็ค 2 เครื่อง เช่นเราตั้ง โปรแกรม เอ็ฟเฟ็ค 1 เป็นโปรแกรม Vocal Plate เอ็ฟเฟ็คที่ 2 ใช้โปรแกรม DRUM Plate เมื่อเราเชื่อมต่อตามที่ผมบอกไปด้านบนแล้วเราก็สามารถใช้ Aux 1 ปรับเอ็ฟเฟ็คให้เสียงร้อง แล้วใช้ Aux2 ปรับเอ็ฟเฟ็คให้เสียงสแนร์เป็นต้น พูดง่ายๆว่าแต่ละ Aux เป็นอิสระต่อกัน
ในกรณีเดียวกันถ้าเรากดเลือกRouting แบบที่ 2 สัญญาณที่ส่งจาก Aux 1 นั้นเมื่อกลับมาที่Aux Ret1 ก็จะมีทั้งVocal Plate และ Drum Plate ออกมาทั้ง 2 โปรแกรม และ สัญญาณที่ส่งจาก Aux 2 นั้นเมื่อกลับมาที่Aux Ret2 ก็จะมีทั้งVocal Plate และ Drum Plate ออกมาทั้ง 2 โปรแกรมด้วยเช่นกัน ( ลองดูนะครับ ) ลองเลือกปรับ Routingแต่ละแบบแล้วสังเกตลักษณะเอาท์พุทของมันนะครับแล้วจะเข้าใจเมื่อเข้าใจแล้วผมเชื่อว่าเอ็ฟเฟ็คยี่ห้อไหนเพื่อนสมาชิกก็จะสามารถใช้งานมันได้แน่นอน
• 99 Factory / 99 User Programs 99 โปรแกรมจากโรงงาน สามารถปรับแต่งเก็บได้อีก 99 โปรแกรม
• USB "Hardware Plug-In" Feature ตั้งแต่ข้อนี้เป็นต้นไปส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับงานในห้องบันทึกเสียง
• VST® and Audio Units Plug-In Software ยังไม่ต้องใช้ก็ได้
• MX-Edit™ Editor/Librarian Software
• S/PDIF Digital Input / Output
• 24 bit, 48kHz Sample Rate
ทีนี่เรามาดูรายละเอียดเกี่ยวกับปุ่มต่างนะครับผมจะอธิบายให้เข้าใจจะไม่บอกว่าอะไรควรจะปรับเท่าไหร่(เพราะบางครั้งการใช้งานในแต่ละสถานที่อาจะปรับไม่เหมือนกัน )แต่จะให้สมาชิกเข้าใจการทำงานของแต่ละปุ่มว่าควบคุมอะไร ( เวลาสอนนักศึกษาผมก็มักจะสอนให้พวกเขาเข้าใจมากกว่าให้จำนะครับ )
- โวลุ่มตัวแรก Input เป็นตัวควบคุมระดับสัญญาณขาเข้า จะปรับเท่าไหร่นั้นให้สังเกตดูว่าAux ที่เราส่งมามีความแรงแค่ไหน เมื่อเข้ามาแล้วไฟ LED เล็กๆด้านติดหรือเปล่าถ้าติดแสดงว่าแรงเกินไปก็ลด Input ลง ( การส่งจาก Aux sendนั้นโดยปรกติก็ส่งประมาณ บ่ายโมง )
- โวลุ่มตัวที่ 2 เป็นตัวผสมสัญญาณที่ผ่านเอ็ฟเฟ็คกับสัญญาณจริง ของเอ็ฟเฟ็คชุดที่ 1 ชอบแบบไหนมากน้อยอย่างไรลองปรับแล้วฟังดูนะครับ
- โวลุ่มตัวที่ 3 เป็นตัวผสมสัญญาณที่ผ่านเอ็ฟเฟ็คกับสัญญาณจริง ของเอ็ฟเฟ็คชุดที่ 2 ชอบแบบไหนมากน้อยอย่างไรลองปรับแล้วฟังดูเช่นกันนะครับ
- อ้อ ! ผมลืมบอกไปเอ็ฟเฟ็คชุด 1 และ 2 สามารถเลือกใช้เหมือนกันได้
- ปุ่มกดตัวถัดไปเป็นตัวกดเลือกโปรแกรมเอ็ฟเฟ็คของเอ็ฟเฟ็คชุดที่ 1 ไฟLed สีเขียวไปติดอยู่ที่โปรแกรมไหนก็คือการเลือกใช้โปรแกรมนั้น
- โวลุ่มตัวถัดมา(Preday)จะทำหน้าที่ 3 รูปแบบขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้ เช่นถ้าเราใช้โปรแกรมที่เป็นพวกรีเวิร์บโวลุ่มตัวนี้จะทำหน้าที่เพิ่มหรือลดค่าของเวลาในการเกิดเสียงรีเวิร์บหลังจากเสียงจริง ( อันที่จริงเมื่อเราเลือกโปรแกรมใช้แล้วค่าตัวในโปรแกรมจะตั้งมาให้ค่อนข้างดี )แต่เมื่อเราเลือกใช้โปรแกรมประเภท Delay โวลุ่มตัวนี้จะทำหน้าที่ควบคุมเวลาหรือความเร็วช้าของเสียงตามแต่ถ้าเลือกใช้โปรแกรมประเภท Chorus Flanger โวลุ่มตัวนี้จะทำหน้าที่ควบคุมเพิ่มลดความเร็วของมันพวกมือกีตาร์จะรู้ดีว่าลักษณะจะเป็นอย่างไรกับเสียงร้องจะไม่ค่อยใช้
- โวลุ่มตัวถัดมา( Decay )ก็จะทำหน้าที่ 3 รูปแบบเช่นกันขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้ เช่นถ้าเราใช้โปรแกรมที่เป็นพวกรีเวิร์บโวลุ่มตัวนี้จะทำหน้าที่เพิ่มหรือลดค่าความก้องกังวานหรือเปรียบเทียบง่ายๆว่าเพิ่มขนาดของห้องหรือ Hall แต่เมื่อเราเลือกใช้โปรแกรมประเภท Delay โวลุ่มตัวนี้จะทำหน้าที่ควบคุมเพิ่มหรือลดจำนวนของเสียงที่ตาม
- โวลุ่มตัวถัดมา( Variation )ก็จะทำหน้าที่ 3 รูปแบบเช่นกันขึ้นอยู่กับโปรแกรมที่ใช้ เช่นถ้าเราใช้โปรแกรมที่เป็นพวกรีเวิร์บโวลุ่มตัวนี้จะทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงลักษณะความก้องกังวานหรือเปรียบเทียบง่ายๆว่าเปลี่ยนแปลงรูปลักษณะของห้องหรือ Hall ที่ทำให้เกิดเสียงก้องกังวานในซอฟแวร์ปลั๊กอินจะใช้คำว่า Shape แต่เมื่อเราเลือกใช้โปรแกรมประเภท Delay โวลุ่มตัวนี้จะทำหน้าที่ควบคุมเพิ่มหรือลดจำนวนของเสียงที่ตาม
- ส่วนที่เห็นปุ่ม Tempo นั้นยังไม่ต้องกดนะครับ
- Processor 2 ก็ทำหน้าที่เหมือนกันนะครับ
- ในบางครั้งเมื่อเราปรับแต่งเราก็สามารถบันทึกเก็บไว้ได้โดยหมุน Dial ไปที่โปรแกรมที่เราต้องการสมมุติว่า 2 แล้วก็กด Store ไม่แน่ใจ่ว่ากด 2 ครั้งหรือเปล่า ลองดูนะครับ เพราะว่าไม่ได้ใช้มาตั้งนานแล้ว คู่มือที่ดาวน์โหลดมาดูประกอบก็ดันทะลึ่งเป็นภาษาเยอรมันซะอีกถ้ามีตกหล่นบ้างก็ต้องขออภัยด้วยนะครับ
- เบื้องต้นสำหรับผู้ที่เพิ่งใช้ขอแนะนำให้เลือกโปรแกรมที่มีมาใช้ก่อนนะครับการเลือกโปรแกรมก็ดูที่Chart ของมันในคู่มือแล้วหมุนเลือกโปรแกรม เมื่อได้โปรแกรมที่ต้องการก็กดปุ่มหมุนลงลองใช้จากโปรแกรมหลักแล้วศึกษาจากสิ่งที่ผมแนะนำนะครับ
(http://image.ohozaa.com/i/102/mx200.jpg)
-
:cheer: :cheer: ขอบคุณมากครับพี่เก๋ ต้องไปหัดเล่นบ้างซะแล้วล่ะ :th2: :th2:
-
ผมมี ๑ โต๋ ยังใช้ไม่เป็นเหมือนกัน ขอบคุณท่านเก๋ครับ
-
:cheer: :cheer: ขอบคุณมากครับพี่เก๋ ต้องไปหัดเล่นบ้างซะแล้วล่ะ :th2: :th2:
:thank1: ขอบคุณเช่นกันครับพี่เก๋
-
....การต่อเอฟเฟกใน ระบบใหญ่ๆ ส่วนมากเขาจะมีการจำกัดเสียงของไมค์เพื่อเข้าเอฟเฟกโดยเฉพาะ.... แต่อย่างที่ต่อทั่วๆไปก็คือ การใช้ AUX SENT บวกกับ สัญญานมิกซ์ที่ผ่านโวลลุ่มเฉพาะช่องแล้วออกมิกซ์เมน ถ้าจะให้เห็นภาพก็คือเหมือนกับที่เราเสียบไมค์แล้วเร่งโวลลุ่มที่ช่องมิกซ์ แล้วเอาไปออกที่ สไลท์เมนของมิกซ์นั่นเอง เสียงของไมค์ส่วนหนึ่งก็จะออกทาง AUX SENT เพื่อไปเข้าที่เอฟเฟกแล้วย้อนกลับมาที่มิกซ์อีกครั้งแล้วแต่จะใช้ช่องอะไรก็ ได้เพื่อดึงสัญญานเอฟเฟกเข้ามาผสม เพื่อจะได้เสียงก้องกังวาลตามที่เราได้แต่งไว้แล้วที่ตัวเอฟเฟก การต่อแบบนี้เราเรียกว่าต่อแบบขนาน เสียงเอฟเฟกที่ได้จะผสมกับเสียงไมค์โดยตรง อย่างนี้เราก็จะได้เสียงร้อง 100% บวกกับเสียงเอฟเฟกที่แต่งไว้แล้วแต่ว่าจะใช้เอฟเฟกกี่เปอเซนต์ก็เร่งที่ AUX SENT เอาครับ...แต่การต่อแบบนี้ไมค์จะเห็นผีและเห่าหอนได้ง่ายครับเพราะว่าเสียง ตรงหรือที่เราเรียกว่าเสียง DRY จะออกที่มิกซ์เมนโดยตรงนั่นเอง...
....เดี๋ยว นี้เอฟเฟกรุ่นใหม่ๆเขาสามารถที่จะเอาเสียงร้องหรือเสียงพูดเข้าได้โดยตรงเลย ครับเหมือนกับการ INSERT แต่การต่อแบบนี้จะใช้ไมค์ได้เพียงตัวเดียวหรือไม่เกิน 2 ตัว ก็ทำได้อย่างนี้เรียกว่าการต่อแบบอนุกรม ผลที่ได้ก็คือ เสียงที่เราร้องทั้งหมดจะถูกบังคับด้วยเอฟเฟก 100 % ฉะนั้นเสียงร้องแบบนี้จะมีคุณภาพสูงสุดครับเพราะเราสามารถควบคุมเสียง DRY ได้ว่าจะให้ผสมกับเสียงเอฟเฟกกี่เปอเซนต์ ซึ่งเอฟเฟกรุ่นใหม่เขาจะมีการลดเสียงตรงหรือเสียง DRY ได้ครับ อย่างเอฟเฟกรุ่นที่มีปุ่ม DRY/WET ไม่ว่าจะเป็นของค่ายไหนก็จะมีปุ่มหรือโปรแกรมตัวนี้ครับ อย่างเช่นค่าย YAMAHA ก็อาจจะเขียน DRY/WET ของ SONY ก็จะเขียน DRY/EFFECT หรือของ ROLAND ก็เขียนว่า DRY/EFFECT เหมือนกัน ฉะนั้นท่านต้องเข้าใจก่อนว่า ปุ่ม 2 ปุ่มนี้มีหน้าที่อะไร DRY ก็หมายถึงเสียงตรง ยิ่งเร่งมากก็ออกมากไมค์หอนเก่งเร่งน้อยก็ออกน้อยไมค์ไม่ค่อยหอนแต่เสียงเบา ฉะนั้นเราก็ต้องปรับให้เหมาะสมครับ...ส่วนปุ่ม EFFECT ก็เร่งลดเอาตามชอบใจสไตล์ไหนมากน้อนก็เลือกให้เหมาะกับแนวเพลงเท่านั้น เอง....
....เราจะต่ออย่างไรดี...นี่คือคำถาม?....
....การต่อเอฟเฟก ถกเถียงกันมามาก บางท่านก็ว่าใช้ AUX SENT ดี เมื่อออกจากเอฟเฟกก็ย้อนกลับมาเข้าที่ช่องมิกซ์ที่เหลืออีก บางท่านก็ว่าปรับง่ายดี เร่งลดเสียงเอฟเฟกได้ง่ายครับ ก็ว่ากันไป บางท่านก็บอกว่ามีช่อง RETURN ไว้แล้วทำไมไม่ใช้ เดี๋ยวเรามาคุยกันต่อครับ..
....เรามาดูที่ตัวของมิกซ์ก่อนว่า ท่านมือใหม่ทั้งหลายท่านเข้าใจกันหรือเปล่าว่าที่ AUX SENT เขาจะมีคำว่า PRE กับ POST ไว้ทำอะไรทำไมบางทีท่านเลือก มาทาง PRE เสียงก็ออก หรือบางทีเลือกมาทาง POST ก็ดัง เอาเป็นว่าเรามาทำความเข้าใจกันเลยดีกว่าว่า...สัญญานที่ส่งออกที่ AUX SENT นั้นสัญญานของ AUX นี้ถ้าท่านเลือกมาทาง PRE ก็คือสัญญานก่อน โวลลุ่ม ของช่องตัวมันเองนั่นหมายความว่าเมื่อท่านเร่ง AUX SENT ออกไป สัญญานความแรงที่ออกไปจะออกแบบอิสระ ไม่ถูกบังคับด้วยโวลลุ่มของช่องตัวมันเอง...แต่ถ้าท่านเลือกมาทาง POST สัญญานที่ออกทาง AUX SENT จะออกแปรผันตามโวลลุ่มของช่องมิกซ์นั่นเอง เมื่อเราลดโวลลุ่มลง สัญญานที่ AUX SENT ก็จะลดตามลงไปด้วยซึ่งจะตรงข้ามกับ PRE นั่นเอง มาถึงตรงนี้แล้วก็ต้องกลับไปสำรวจที่มิกซ์ของท่านว่ามี PRE และ POST หรือไม่ ก็จะตรงกับคำถามที่ผมถามไปว่าท่านใช้มิกซ์อะไร....
....ถ้า มีไมค์มากกว่า 2 ตัว ท่านสามารถเลือกการต่อแบบการใช้ AUX SENT ก็ได้ครับ โดยการใช้ AUX SENT มาทาง POST ครับ และก็ปิดหรือกดปุ่ม ON หรือ L/R หรือ MAIN ออกซะเพื่อตอนที่เราเร่งเสียงไมค์แต่ละช่อง เสียงก็จะไม่ไปออกที่มิกซ์เมน แต่มันจะไปออกที่ช่อง AUX SENT แทน นั่นเอง การต่อแบบนี้ก็คือการต่อแบบอนุกรมนั่นเองครับ พูดกันง่ายๆก็คือเราจะส่งเสียงร้องทั้งหมดไปผ่านที่เอฟเฟก 100% ไงครับ ส่วนออกจากเอฟเฟกเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกเรื่อง....
....ถ้ามิกซ์ท่านมี GROUP 1/2 หรือ 3/4 หรือมากกว่า การต่อเอฟเฟกก็จะสะดวกมากขึ้นครับ นั่นก็คือ เราจะจัดการไมค์ทั้งหมดให้ออกที่กรุ๊ฟชุดใดชุดหนึ่งเท่านั้นเช่น เราจะเอาไมค์ทั้งหมด ออกที่ กรุ๊ฟ 1/2 เราก็จะกดปุ่มกรุ๊ฟที่เป็นเฉพาะช่องที่ใช้ไมค์ทุกช่อง ส่วนปุ่มที่อยู่ด้านล่างของกรุ๊ฟที่เขียนว่า ON หรือ L/R หรือ MAIN เราก็ไม่ต้องกดใช้งานครับ แต่ถ้าเรากดใช้ร่วมด้วยมันก็จะเป็นการต่อเอฟเฟกแบบขนานครับ ถ้าเราไม่กดก็จะเป็นการต่อเอฟเฟกแบบอนุกรมนั่นเอง...เมื่อใช้กรุ๊ฟให้เป็น ประโยชน์ ที่มิกซ์มันก็จะมีโวลลุ่มที่เขียนเอาไว้ว่าเป็นโวลลุ่มควบคุบ กรุ๊ฟ 1/2 อะไรทำนองนี้โวลลุ่มตัวกรุ๊ฟ 1/2 จะคอยควบคุบสัญญานของ 1/2 ทั้งหมดที่ใช้อยู่ครับ เพื่อเร่ง/ลดสัญญานที่ออกไปเข้าที่เอฟเฟกนั่นเอง...
....การ เลือกต่อบอกแล้วมี 3 หนทางที่อธิบายมาคือ ต่อขนานใช้ AUX SENT หรือ ต่อแบบอนุกรมใช้ AUX SENT ทาง POST และสุดท้ายคือการใช้กรุ๊ฟ ที่สะดวกที่สุด และควบคุมได้ง่ายที่สุด มาถึงตรงนี้ก็ลองเลือกเอาครับ...
....เมื่อมีขาเข้าเอฟเฟกก็ต้องมีขาออกทางเอฟเฟก เราจะเข้าที่ไหนดี ตรงนี้ท่านลองมาฟังอ่านตามที่ผมอธิบายแล้วแต่จะชอบก็แล้วกัน...
....อย่าง ที่ 1 คือเมื่อออกจากเอฟเฟก ก็ย้อนกลับมาเข้าทางช่องมิกซ์ที่เหลือ เอาเป็นว่าผมมีช่องมิกซ์เหลือเยอะไม่จำเป็นต้องเข้าช่อง RETURN เสียงไม่ดี ควบคุมก็ง่าย เอาเป็นว่าถ้าเข้าช่องนี้ผมไม่ค่อยแนะนำครับ ท่านต้องเข้าใจว่า สัญญานของเสียงร้องเมื่อต่อแบบนี้แล้วเอฟเฟกมีหน้าที่วิเคาะห์เสียงร้องให้ มีเสียงที่หนาแน่นอยู่แล้วเสียงจะโปร่งใส เอฟเฟกก็มีส่วนหนึ่งที่ทำให้เสียงร้องเพราะได้ แล้วทำไมเราจะต้องเอามาเข้าที่ช่องมิกซ์อีก ถ้าหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็พยายามอย่าเร่งภาค EQ ของมันให้มากเกินครับ เอาแค่ 0 db ก็พอแล้ว แค่ออกมาจากเอฟเฟกก็ดีพอแล้วครับคือให้มันเป็นแฟตๆไปเลยดีกว่า และข้อที่สำคัญคือ ระวังเรื่องการ ลูป ของสัญญานก็คือการขยายซ้ำซ้อน เนื่องจาก สัญญานที่ออกจากเอฟเฟกแล้วย้อนมาเข้าที่ชองมิกซ์นี้ห้ามบิดโวลลุ่มของ AUX SENT โดยเด็จขาดนะครับจะเกิดอาการลูปทันที วี๊ดว้าด กันไปหมดนี่ต้องระวังครับถ้าต่อแบบนี้...
....อย่างที่ 2 คือการย้อนกลับเข้ามาที่ทาง RETURN ที่ขาเข้าของช่อง RETURN สัญญานจะถูกปรับให้แฟตโดยอัตโนมัติครับ ไม่มีการขยายของสัญญานอีก เพียงเร่งระดับให้เบาค่อยได้เท่านั้นเองและไม่ต้องกลัวการเกิดลูปของสัญญา นครับ ผมขอแนะนำให้ใช้ช่อง RETURN ให้เป็นประโยชน์ก็จะดีครับ....
....เรื่อง การใช้กรุ๊ฟนี่ ถ้าหากเรามีเอฟเฟกมากกว่า 1 ตัว การต่อใช้กรุ๊ฟ สามารถสร้างแนวเสียงจากเอฟเฟกได้มากเลยทีเดียว เพราะสามารถเลือกใช้เอฟเฟกตัวไหนก็ได้โดยการโยนกรุ๊ฟครับ หรือจะผสมสัญญานของเอฟเฟก 2 ตัวเข้าด้วยกันก็ได้ ถ้าท่านมีความเข้าใจในการใช้กรุ๊ฟที่ดีพอ..
....ว่ากันมาซะยาวครับ พอเขียนให้ฟังแล้วก็บางทีก็หยุดไม่ได้ครับเรื่องเทคนิคต่างๆนี่ ผมบอกได้เลยนะครับว่าการต่อเอฟเฟกถูกวิธี การเลือกใช้เอฟเฟกที่ดีๆ นอกจากจะทำให้เสียงเป็ดกลายเป็นเสียงหงษ์ได้เหมือนกันครับ ไมค์ที่ท่านใช้มันก็จะไม่ค่อยเห็นผี ถ้าท่านปรับถูกวิธี เอาเป็นว่าเขียนมาซะยาวแบบนี้ ค่อยๆอ่านแล้วกัน ไม่เข้าใจหรืองงยิ่งกว่าเก่าก็เขียนถามกันเข้ามาครับ...จะผิดถูกอย่างไรก็ อย่าพิ่งว่ากัน ต่างคนต่างมีความคิดครับ บางทีก็คิดกันไปคนละทาง ก็ไม่ว่ากัน...แต่อย่าลืมนะครับสังคมเรามีไว้เพื่อแบ่งปัน...มัวแต่เก็บไว้ กลัวคนอื่นดีกว่าเราไม่ดีแน่ครับ.....
... ขอขอบคุณท่าน K-ONE Music : http://www.tiggersound.com/webboard/index.php?topic=18846.msg177361#msg177361
-
แจ่มครับ เริ่มมีความรู้มากขึ้น
พึ่งรู้ว่าวิธีที่ใช้อยู่มันไม่ค่อยดี
-
ตามมาเก็บความรู้ด้วยคน...
ว่าจะสอยรุ่นเดียวกับท่านอนันต์เหมือนกันครับ
ตอนนี้ใช้ของ Soundking อยู่ ;)
-
:D :happy: เอาอีกครับ เริ่มเห็นลางๆแล้วว่าเราน่าจะเล่นได้เหมือนกัน อิอิ :cheer: :beer:
-
คม ชัด ลึก แจ่มแจ้ง กระจ่างชัด :cheer: :thank1:
-
เครดิต..ช่างอ๊อดเชียงใหม่ครับ.. :thank1:
(http://www.uppicweb.com/x/i/iv/176820091113064200.jpg) (http://www.uppicweb.com/show.php?id=c32a60fb095ad7497eff886a299f647b)
Thanks: ฝากรูป (http://www.uppicweb.com) จดโดเมน (http://www.thaihostweb.com)
(http://www.uppicweb.com/x/i/in/176820091113064314.jpg) (http://www.uppicweb.com/show.php?id=5c7c4e03e766043dcf3f72fae3d8c25b)
Thanks: ฝากรูป (http://www.uppicweb.com) จดโดเมน (http://www.thaihostweb.com)
-
ช่างอ๊อด ต่อคล้าย ๆ แบบที่ผมต่อคือเอา Output มาเข้าที่ Mixer 2 channel
แต่ตั้งค่าของ routing และ Processor 1,2 ไม่เหมือนกัน
ช่างอ๊อดใช้ Routing 4
Effect 1 เลือก Vocal Plate ปรับ Pre Dealy 11 นาฬิกา Decay 12 นาฬิกาและ ปรับ Variation สุด
Effect 2 เลือก Digital Delay ปรับ Pre Dealy บ่ายโมง - บ่าย 2 Decay 11 นาฬิกาและ ปรับ Variation 7 -8 นาฬิกา (ลดสุด)
Input 12 นาฬิกา (ครึ่งหนึ่ง)
Mix 1 ปรับสุด
Mix 2 ปรับสุด
เดี๋ยวต้องลองปรับแบบนี้ดูบ้าง
-
เพิ่มเติมครับ
ตารางของ Factory Setting
[ ]
-
ดันสักหน่อย..
-
เครดิต..ช่างอ๊อดเชียงใหม่ครับ.. :thank1:
(http://www.uppicweb.com/x/i/iv/176820091113064200.jpg) (http://www.uppicweb.com/show.php?id=c32a60fb095ad7497eff886a299f647b)
Thanks: ฝากรูป (http://www.uppicweb.com) จดโดเมน (http://www.thaihostweb.com)
(http://www.uppicweb.com/x/i/in/176820091113064314.jpg) (http://www.uppicweb.com/show.php?id=5c7c4e03e766043dcf3f72fae3d8c25b)
Thanks: ฝากรูป (http://www.uppicweb.com) จดโดเมน (http://www.thaihostweb.com)
ลองแล้วตามคำแนะนำ แจ่มดีครับ
รายละเอียดค่าของ volume ต่างๆ ต้องดัดแปลงบ้างครับ
เพื่อความเหมาะสม แต่เลือก function ที่แนะนำครับ :th2: :th2: :thank1:
-
ลองแล้วตามคำแนะนำ แจ่มดีครับ
รายละเอียดค่าของ volume ต่างๆ ต้องดัดแปลงบ้างครับ
เพื่อความเหมาะสม แต่เลือก function ที่แนะนำครับ :th2: :th2: :thank1:
:th2: :th2: :th2: :happy: :happy: :happy:
-
:D :happy: เหมือนกันเลยนะครับ ทั้งเอฟเฟคกับคอมเพรสเซอร์ อิอิ :cheer: :beer:
(http://www.karaoke-soft.com/smf/index.php?action=dlattach;topic=42870.0;attach=27135;image)
:happy: :D อันนี้ของผมเองแหละ อิอิ :cheer: :beer:
-
สมาชิกใหม่ครับของที่นี่
แต่เก่าที่อื่นครับ :o^: :o^: :o^:
:love2: :love2: :love2: :love2: :love2:
ได้ความรู้เพื่มเพียบเลย
ผมก็กำลังจะหาใช้เหมือนกันกำลังหาขอมูลอยู่ครับ
ว่าแต่อยากได้รูปภาพที่ปรับแบบ ลูกทุง สตริงและแบบเพื่อชีวิต บ้างครับ
มีใครพอจะแนะนำได้บ้างครับ
ขอขอบคุณร่วงหน้าครับ :thank1:
-
เคยใช้ครับ เสียงได้ทีเดียว ทั้งซิบๆ แล้วก็หวานๆ แต่ไม่ค่อยฟุ้งครับ
-
ตอนนี้ ราคาแกะกล่อง อยู่ที่กี่ k ครับ
กำลังมอง ๆ อยู่ ระหว่างตัวนี้กับ Alesis Micorverb 4 :thank1:
-
ตอนนี้ ราคาแกะกล่อง อยู่ที่กี่ k ครับ
กำลังมอง ๆ อยู่ ระหว่างตัวนี้กับ Alesis Micorverb 4 :thank1:
ล่าสุดผมจับมาที่ 6,500 ครับ ยังไม่รวมส่ง(ถ้าจำไม่ผิดนะ)
Alesis Micorverb 4 ตัวนี้ใช้งานง่ายกว่า ;D
-
ล่าสุดผมจับมาที่ 6,500 ครับ ยังไม่รวมส่ง(ถ้าจำไม่ผิดนะ)
Alesis Micorverb 4 ตัวนี้ใช้งานง่ายกว่า ;D
6500 ไม่รวมส่งก็น่าสนใจครับ ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติม
ทาง พีเอ็ม ด้วยคร๊าบ :thank1:
-
LEXICON มีใช้อยู่ 2 ตัว
แต่...มันฝังอยู่ใน มิกซ์ นะครับ..... ;D
-
ล่าสุดผมจับมาที่ 6,500 ครับ ยังไม่รวมส่ง(ถ้าจำไม่ผิดนะ)
Alesis Micorverb 4 ตัวนี้ใช้งานง่ายกว่า ;D
ตัวนี้ผมก็ใช้อยู่เสียงดีสมราคาของมาเลฯคงสู้ตัวของใต้หวันไม่ได้เหราะครับ มีความรู้มาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับผมมักจะใช้ช่อง 22 เสียเป็นส่วนใหญ่ คุณเก่งฐิติพรมิวสิค ใช้ช่องไหนครับ ;D
-
ตัวนี้ผมก็ใช้อยู่เสียงดีสมราคาของมาเลฯคงสู้ตัวของใต้หวันไม่ได้เหราะครับ มีความรู้มาแลกเปลี่ยนกันได้นะครับผมมักจะใช้ช่อง 22 เสียเป็นส่วนใหญ่ คุณเก่งฐิติพรมิวสิค ใช้ช่องไหนครับ ;D
made in taiwan หน้าจะไม่เปลี่ยนสี มาเลย์จะกลายเป็นสีเหลือง ไม่รู้รุ่นไหม่ อาการเปลี่ยนสีหายหรือยัง ผมใช้ เบอร์ 9 ตลอดครับ.. :th1: ;D
-
LEXICON มีใช้อยู่ 2 ตัว
แต่...มันฝังอยู่ใน มิกซ์ นะครับ..... ;D
;) ขุดเมื่อไหร่ บอกด้วยนะครับ ;)
-
ผมใช้ mx200 รุ่นนี้อยู่ ปรับไม่เป็นคับ
ใช้งานร้องเพลงงานเล็กๆใยซอย
มี mix fx12 มี fx ในตัว
จะให้ mx200 สำหรับไมค์ร้องอย่างเดียว (หรือใช้แทน fx ในมิกซ์ก็ได้)
จะปรับอย่างไรให้ดีคับ พี่ๆ แนะนำด้วย
ผมจะต่อและจะปรับยังไง ต่อสายได้แล้ว แต่เลือก หมุน กด ปรับ ไม่ถูก mx200 มี 99 ช่อง (พอไฟดับ ต้องปรับใหม่หรอ)
ถ้าสมมุติ พี่ๆ แนะนำ ผม ปรับได้ที่แล้วจะ เซฟ ยังไง
ต้องจำด้วยว่าหมุนมากน้อง
ขอบพระคุณล่วงหน้าครับ 080-0244932 บอล (นครนายก)
ram_load@hotmail.com
-
ลองดูที่เขาปรับกันในกระทู้ก่อนหน้านี้ครับ
ส่วนวิธี save และการต่อการใช้งาน ลองดาวน์โหลดคู่มือมาศึกษาดูครับ
http://www.acoustics.salford.ac.uk/studentarea/studios/Lexicon%20MX200%20Manual.pdf
-
;) ขุดเมื่อไหร่ บอกด้วยนะครับ ;)
พี่ป๊อก ปรับเสียงร้องยังงัย ครับ
ของผมก็ฝังอยู่ในมิกซ์ เหมือนกัน
เป็น EFX12 รู้สึกว่าพี่ป๊อก จะใช้
EFXอยู่เหมือนกัน เห็นเคยลงรูปเอาไว้
ถ้าจำไม่ผิด รบกวนช่วยแนะนำการปรับ ด้วยครับ
ขอบคุณ ครับ...มือใหม่
-
ช่างอ๊อด ต่อคล้าย ๆ แบบที่ผมต่อคือเอา Output มาเข้าที่ Mixer 2 channel
แต่ตั้งค่าของ routing และ Processor 1,2 ไม่เหมือนกัน
ช่างอ๊อดใช้ Routing 4
Effect 1 เลือก Vocal Plate ปรับ Pre Dealy 11 นาฬิกา Decay 12 นาฬิกาและ ปรับ Variation สุด
Effect 2 เลือก Digital Delay ปรับ Pre Dealy บ่ายโมง - บ่าย 2 Decay 11 นาฬิกาและ ปรับ Variation 7 -8 นาฬิกา (ลดสุด)
Input 12 นาฬิกา (ครึ่งหนึ่ง)
Mix 1 ปรับสุด
Mix 2 ปรับสุด
เดี๋ยวต้องลองปรับแบบนี้ดูบ้าง
ผมลองปรับแบบช่างอ๊อด ครับ สุดยอดเลย เพิ่งถูกใจ MX200 ก็วันนี้เอง
หรือท่านใดมีวิธีการปรับเสียงแบบ ซิบๆๆๆ อีกครับ ช่วยแนะด้วยครับ
:happy: :D :happy:
-
พี่ป๊อก ปรับเสียงร้องยังงัย ครับ
ของผมก็ฝังอยู่ในมิกซ์ เหมือนกัน
เป็น EFX12 รู้สึกว่าพี่ป๊อก จะใช้
EFXอยู่เหมือนกัน เห็นเคยลงรูปเอาไว้
ถ้าจำไม่ผิด รบกวนช่วยแนะนำการปรับ ด้วยครับ
ขอบคุณ ครับ...มือใหม่
หลักการทำงานของเครื่องรุ่นนี้ มีเอฟเฟ็คสองชุดครับ เวลาตั้งอาจจะต้องมีการ mute เสียงเพื่อฟังการทำงานของแต่ละ และลองผสมผสาน ในฟังค์ชั่น route ปรับ เพิม-ลด ตามความชอบ สถานะการ ครับ ไม่มีสูตรตายตัวครับ
ข้อพึงระวัง
ข้อพึงระวัง
ในขณะใช้งานก็คือการดูแลระดับสัญญาณไม่ให้แรงจนเกินไปจนทำให้เสียงแตกได้และต้องคอยดูสัญญาณทั้งสองเครื่องของเอฟเฟคด้วย อย่าให้เอฟเฟคตัวแรกมีค่าความแรงของสัญญาณน้อยกว่าเอฟเฟคตัวที่สอง เพราะจะทำให้เกิดเสียงรบกวนสูงไม่ว่าจะเป็นเสียงซ่าหรือเสียงเอฟเฟคไม่อิ่มเต็มดีเท่าที่ควรจะเป็น
ขอแนะนำให้สัญญาณที่เข้าสู่เอฟเฟคทั้งสองเครื่องอยู่ในระดับที่ดี คือ อย่างน้อยควรอยู่ครึ่งหนึ่งของวียูที่อยู่หน้าเครื่องก็ใช้งานได้ดีแล้ว การป้อนสัญญาณที่เต็มแต่ไม่แตกจะช่วยให้เราได้เสียงเอฟเฟคที่อิ่ม ชัดเจน มีทรวดทรง และได้ยินเสียงเอฟเฟคอย่างชัดเจน รวมไปถึงเสียงรบกวนต่ำ
ขอบคุณเกจิที่เคยให้ข้อมูลมาด้วยครับ
หลักการทำงานของเครื่องคล้ายๆแบบนี้ครับ
-
หลักการทำงานของเครื่องรุ่นนี้ มีเอฟเฟ็คสองชุดครับ เวลาตั้งอาจจะต้องมีการ mute เสียงเพื่อฟังการทำงานของแต่ละ และลองผสมผสาน ในฟังค์ชั่น route ปรับ เพิม-ลด ตามความชอบ สถานะการ ครับ ไม่มีสูตรตายตัวครับ
ข้อพึงระวัง
ข้อพึงระวัง
ในขณะใช้งานก็คือการดูแลระดับสัญญาณไม่ให้แรงจนเกินไปจนทำให้เสียงแตกได้และต้องคอยดูสัญญาณทั้งสองเครื่องของเอฟเฟคด้วย อย่าให้เอฟเฟคตัวแรกมีค่าความแรงของสัญญาณน้อยกว่าเอฟเฟคตัวที่สอง เพราะจะทำให้เกิดเสียงรบกวนสูงไม่ว่าจะเป็นเสียงซ่าหรือเสียงเอฟเฟคไม่อิ่มเต็มดีเท่าที่ควรจะเป็น
ขอแนะนำให้สัญญาณที่เข้าสู่เอฟเฟคทั้งสองเครื่องอยู่ในระดับที่ดี คือ อย่างน้อยควรอยู่ครึ่งหนึ่งของวียูที่อยู่หน้าเครื่องก็ใช้งานได้ดีแล้ว การป้อนสัญญาณที่เต็มแต่ไม่แตกจะช่วยให้เราได้เสียงเอฟเฟคที่อิ่ม ชัดเจน มีทรวดทรง และได้ยินเสียงเอฟเฟคอย่างชัดเจน รวมไปถึงเสียงรบกวนต่ำ
ขอบคุณเกจิที่เคยให้ข้อมูลมาด้วยครับ
หลักการทำงานของเครื่องคล้ายๆแบบนี้ครับ
ขอถามอีกหน่อย ครับ พี่ป๊อก รุ่น..EFX เราจะเลือกตำแหน่ง preset สำหรับการปรับเสียงร้องที่เหมาะสมควรจะเลือกไว้ที่ตำแหน่งใดของ preset ในกรณีมี Mixer อย่างเดียวไม่มีอุปกรณ์ปรุงแต่งอย่างอื่น ครับ
-
ตอนใช้งานสัญญานมันขึ้นไลน์ L แถวเดียวมันปกติหรือป่าวครับ ....
-
ตอนใช้งานสัญญานมันขึ้นไลน์ L แถวเดียวมันปกติหรือป่าวครับ ....
เอ่...ต่อถูกปล่าวหว่า... :thank1: เดี๋ยวรอท่านที่ใช้ดูครับ
-
เอ่...ต่อถูกปล่าวหว่า... :thank1: เดี๋ยวรอท่านที่ใช้ดูครับ
เวลาใช้งานสัณญานปกติมันจะขึ้น L & R เลยหรือป่าวครับพี่จิตรกร
-
เวลาใช้งานสัณญานปกติมันจะขึ้น L & R เลยหรือป่าวครับพี่จิตรกร
ถ้าต่อตามรูปพี่ป้างให้มานั้น ตรงช่อง send น่าจะมีปุ่มหมุน 1และ2(ไม่ทราบว่ามิกรุ่นนี้มี AUX1 AUX2 หรือไม่ครับ)
-
เอ..แบบนี้ครับ
(http://www.directproaudio.com/images/products/mackie-cfx12MkII-large.jpg)
-
ใช่เลยมี 2 ลูกบิด(สีแดง) อิอิอิ ลองหมุนทั้งสองเร้ยพี่ป้าง เอาเท่าๆๆๆกันนะ แล้วลองดูว่า ซ้าย ขวา ไฟขึ้นเหรอปล่าว
-
ตัวที่ 1 ผมตั้งเป็น Studio Delay
ปรับ Pre Delay ไว้ประมาณ 10 นาฬิกา
ปรับ Decay ไว้ประมาณ 9 นาฬิกา
ปรับ Variation ไว้ระหว่าง 9 - 10 นาฬิกา
ตัวที่ ผมตั้งเป็น Large Plate
ปรับ Pre Delay ไว้ประมาณ บ่ายโมง
ปรับ Decay ไว้ประมาณ บ่ายโมง
ปรับ Variation ไว้ระหว่าง บ่ายสองโมง
ปรับค่า Input ไว้ที่ 11 นาฬิกา
Mix 1 อยู่ระหว่าง 8 ถึง 12 นาฬิกา เพิ่มสำหรับเพลงลูกทุ่ง ลดเมื่อเป็นเพลงสตริง
Mix 1 อยู่ระหว่าง 8 ถึง 12 นาฬิกา เพิ่มสำหรับเพลงสตริง ลดเมื่อเป็นเพลงลูกทุ่ง
หรือลองผสมกันก็ได้
Routing ตั้งที่ 2
แล้วบันทึกค่าที่เบอร์ 99
ต่อสาย Return เข้าที Channel Stereo ที่ Mixer เอาไว้เพิ่ม - ลด Effect
(http://www.pcmusicsound.com/upload/image.php?id=4DC9_4CEA6707&jpg)
ของคนอื่นตั้งแบบไหนกันบ้างครับ
บันทึกค่าที่เบอร์ 99
บันทึกยังไงครับ...
-
แล้วตัวนี้ละครับใครใช้เก่งๆบ้าง(http://)(http://upload.hunsa.com/img.php?image=1201510cimg1760.jpg) (http://upload.hunsa.com/)ใช้ไม่เป็นจะขายทิ้งอยู่แล้ว