เคยพูดถึงความหวานในดวงใจของสับปะรด กาแล แต่ภายหลังถึงได้รู้ว่ามันชื่อ ภูแลและในบางครั้งถ้าผม พาดพลั้งเขียนว่า กาแล อีก ก็ได้โปรด ให้อภัย และนั่นขอให้หมายถึง ภูแล นะครับ
วันนี้มาพูดอีกเล็กน้อย แต่ขอเปลี่ยนเป็นความหวานของมะม่วงสุก ซึ่งความหวานในดวงใจหล่นไปอยู่อันดับสอง
Thanks:
เกมส์ ฟังวิทยุออนไลน์คนรุ่นผมถ้าเอ่ยถึงมะม่วงสุก และข้าวเหนียวมูน สมัยโน้นจะนึกถึง
มะม่วงอกร่องทอง ซึ่งปัจจุบันอยากกินที ต้องไปที่ระยองยังมีเหลือไม่กี่เจ้า
ที่พบเห็นจะมีแต่ น้ำดอกไม้
แม้จะเป็นมะม่วงน้ำดอกไม้ แต่มีตัวแปรคือ สุกเนื่องจากการบ่ม กับสุกคาต้น
คนชอบมะม่วงสุก ย่อมรู้ดีว่า ความหอมหวานไม่เหมือน
ไม่เหมือนอย่างไร รู้แต่อธิบายลำบากครับ
ความหอมหวานของมะม่วงน้ำดอกไม้ กับ ความหอมหวานของสับปะรดภูแล
รสที่ว่าหวานแสนหวานนั้น ไม่เหมือนกันอีก เราทุกคนรู้ดี
และสามารถรู้ไปถึง รสหวานของผลไม้ไทยทุกชนิด
เฉกเช่นเดียวกับความเค็มของเกลือป่น และ ความเค็มของน้ำปลา
เล่ามานาน....เพื่อที่จะบอกว่า
การฟังเพลงจากเครื่องเสียง จากระบบเสียงต่างๆ
ถึงเวลาหนึ่ง เราจะรู้จักตัวตนของเสียงดนตรีนั้นๆ อย่างชัดแจ้ง
นั่นแสดงว่า มันถึงเวลาที่เรา รู้จักตนเองอย่างถ่องแท้เสียแล้ว
มิใยว่าเครื่องเสียงจะเปล่งออกมาจากลำโพงแพงระยับจับไม่ลง
กับลำโพงโนเนม
แต่เมื่อไม่มีทางเลือก เราก็ยังสามารถฟังเอาเพลินกับเสียงดนตรีนั้นได้
เหมือนกับตอนนี้ที่ ไม่มีมะม่วงน้ำดอกไม้สุกให้กิน
แต่ความหวานของ ลองกอง ราคาเป็นมิตรมากๆ ตอนนี้
ตัวผมเองก็รับได้ และ ให้รู้สึกอร่อยลิ้นกับลองกองจริงๆ