สวัสดีปีใหม่น้าๆ พี่ๆ น้องๆ ทุกคนครับผม
พอดีในช่วงสิ้นปีที่ผ่านมานี่ มือใหม่อย่างผม รับงานมาแล้วก็สังเกตุอาการต่างๆ ที่เจอมา
ทั้งหาข้อมูลแล้วแต่มันยังไม่ตรงประเด็นครับ พอดีปีใหม่นี้จะเซ็ทระบบใหม่ให้สมบูรณ์ และอยากได้ความรู้ เพิ่มด้วยครับ จึงอยากรบกวนพี่ๆ น้าๆ น้องๆ ที่มีความรู้ช่วย ไขให้กระจ่างด้วยครับ
1.ไมค์ลอย จากตัวรับส่งสัญญาณ (หัวแบบ xlr) มาที่ mix ควรต่อที่ ช่อง xlr หรือ line phone ที่ช่อง 1,2 ดีครับ(สมมุติเอาไลน์ 1,2 บนมิกซ์เป็นหลักการต่อไมค์)
2.ถ้าต่อเข้า line phone ควรเป็นแบบ แจ็ค mono หรือ ster ดีครับ (เพราะแต่ละ ch. ของตัวรับส่งสัญญาณต่อมาเป็น xlr แต่ผมต่อแบบ mono)
3.การต่อเสียงจากคอม เข้าช่อง line 3,4 บนมิกซ์และแพนเสียง l,r เอา มันควรทำไหมครับ(เพราะรองต่อแล้วเสียงรู้สึกพล่าๆ)สู้ต่อจากช่อง line
5/6 ster ไม่ได้
4.ช่อง phone หูฟังบนมิกซ์ ใช็แจ็ค ster ใช่ไหมครับ แล้วเราเอามาต่อแอมป์ แล้วเข้าลำโพงอีกทีมาทำ มอนิเตอร์ จะมีผลเสียต่อมิกซ์ไหม
5.ช่อง mon บนมิกซ์ ต่อเข้าแอมป์อีกตัวเฉพาะ ทำมอนิเตอร์ ผมต่อแล้วเสียงออกค่อย เร่งยังไงก็ยังค่อย และสิ่งที่เจอคือ พอเสียบปุบ ไฟคลิปบนแอมป์แดงแจ๋ เลยทั้งที่ยังไม่เปิดสวิทซ์แอมป์ (แอมป์ดี เช็คแล้ว) แสดงว่าช่อง mon เสียแล้วใช่ไหมครับ
ผมรบกวนข้อมูลจาก น้าๆ พี่ๆ น้องๆ ที่มีความรู้ด้วยครับผม เพื่อเอามาเป็นแนวทางปรับปรุงในปีใหม่นี้ครับผม
ขอบคุณมากครับผม ปีใหม่นี้ขอให้ทุกคนรำวรวยเงินทอง สุขภาพแข็งแรง สุขกายสบายใจ ทุกคนครับผม
ก่อนที่เราจะต่อแจ็ค connector ต่างๆเข้าหรือออกจาก mixer ก็ต้องทำความรู้จักกับ spec ของอุปกรณ์ที่เราใช้ก่อน จะได้รู้ว่าจะเอาอะไรมาต่อถึงจะได้ระดับสัญญาณที่ดี
analog mixer ใช้ Analog interface ในการเชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ที่เป็น analog เหมือนกัน
ยกตัวอย่าง การเชื่อมต่อระหว่าง ไมค์ กับ input ของ mixer ก็คือวงจรอนุกรมที่มี load (Z)อยู่ 2 อันคือ ไมค์กับ mixer (คิดให้ง่ายๆยังไม่รวม load impedance ของสายสัญญาณ) และมีแหล่งจ่ายไฟคือ ขดลวดที่diaphragm ไมค์(transducer)เปลี่ยนพลังงานกลจากการขยับขดลวดตัดสนามแม่เหล็ก ให้เกิดเป็นพลังงานไฟฟ้า(E) และเกิดการไหลของกระแสไฟฟ้าตามกฏของโอห์ม E=IZ
วงจรอนุกรมมันคือ วงจร Voltage devider กระแสไฟฟ้า I จะเท่ากันทั้งวงจร แต่ค่าความต้านทาน(Z)จะเป็นตัวแบ่งค่าแรงดันตกคร่อม load แต่ละตัวว่าจะได้รับแรงดันไปเท่าไร ยิ่ง impedance สูงยิ่งได้แรงดันตกคร่อมมาก
ยกตัวอย่างตัวเลขง่ายๆ ถ้าไมค์ มี impedance 0.01Ω และ input mixer 10 Ω ถ้าdiaphragm ขยับแล้วให้แรงดัน 10V จะมีกระแสในวงจร 1A แรงดันที่ตกคร่อม input mixer จะเท่ากับ 9.99V หรือประมาณ 10V เราเรียกหลักการของการต่อวงจรที่ impedance ต่ำกับสูง นี้ว่า “Voltage transfer” คือเมื่อเกิดแรงดันไฟฟ้าที่ไมค์ก็จะมีการส่งต่อไปที่ mixer โดยที่สูญเสียแรงดันน้อยที่สุด
ดังนั้นการเชื่อมต่อในระบบแอนาลอก จึงควรรู้จัก spec ของ I/O impedance ของแต่ละอุปกรณ์
พอดีหา spec I/O ของ mixer รุ่นที่เจ้าของกระทู้ไม่เจอเลยขอยกตัวอย่าง spec ของ mixer รุ่นหนึ่งมาประกอบคำอธิบาย
ที่คอลัมน์ Actual load impedance คือ ค่า impedance ของ ช่อง input ของ mixer แบบต่างๆ
ที่คอลัมน์ For use with nominal impedance คือ ค่า impedance ของ อุปกรณ์ที่มาต่อกับช่อง input นั้นๆว่าควรจะมีค่าเท่าไร
มาดูแถวแรกคือ input 1-12 ต่อได้ทั้งแบบเป็น XLR/Phone balance/unbalance ที่มี Z=3000Ω ซึ่งจะเหมาะกับ mic ที่มี low impedance ตั้งแต่ 50-600Ω คิดเป็นอัตราส่วน 60-5เท่า ยิ่งไมค์ impedanceต่ำถ้าต่อที่ช่อง XLR หรือ Phone (TRS) ก็จะได้ gain ไม่ drop ลงเลย
ที่ช่อง 13-16 ซึ่งเป็น connector แบบ Phone และ ช่อง 2TR in ซึ่งเป็น connector แบบ RCA ค่า input impedance = 10000Ω(high impedance) เหมาะสำหรับ อุปกรณ์ที่มี impedance 600Ω
ทีนี้มาพิจารณาปัญหา
- ข้อ 1 ตอบคือได้ทั้ง XLR และ phone เพราะ ไมค์ที่ out เป็น XLR จะเป็น low Z ใช้ต่อได้แต่ถ้าเป็นแบบ Hi Zท่ output ตัวรับไมค์ลอยเป็น phone อาจทำให้สัญญาณ input เบาลง
- ข้อ 2 เข้าใจว่า จขกท ระบุว่า phone mono คือ phone unbalance และ phone stereo คือ phone balance อันนี้จะ้องไปดูว่า XLR output ของ ไมค์ลอยเป็น Balance หรือ unbalance ถ้า out เป็น balance แต่มาต่อเป็น phone mono (unbalance) ที่ inputของ mixer สัญญาณก็จะdrop ลง -6dB และถ้าต่อสายยาวตั้งแต่หลังเวที20-30เมตร อันนี้จะได้ทั้งเสียงรบกวนและระดับสัญญาณที่ลดลงมากจาก line loss ของZ สายสัญญาณ
- ข้อ่ 3 ต่อเสียงจากคอมเข้า line 3/4 oan L/R แล้วเสียงพร่า อันนี้ line level เหมือนกันไม่น่าแตกพร่า ถ้าแตกลองเช็ค input gain ที่ PFL อาจ clip ที่ input
-ข้อ 4 ช่องหูฟัง ที่จริงมันเป็น unbalance 2 ช่อง แต่ถ้าไปต่อเป็นเส้นเดียว แบบ balance ไปขับ power amp ตอบคือได้
- ข้อ 5 ช่อง mon (phone)ค่า Z มันค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับ Z ของ output XLR ถ้าต่อ ที่ input ของ amp แบบ XLR ซึ่ง เหมาะกับ low impedance จะทำให้ imedance มันใกล้เคียงกัน คล้ายๆกับวงจร matching imprdance ซึ่ง voltage ตกคร่อมทั้งที่สายสัญญาณและ output จะสูง ทำให้ transfer voltage ได้น้อย สัญญาณเลยเบามาก ที่ input ของ power amp เพราะโดนแบ่ง ที่สายและ output mon เยอะ ขยายอย่างไรก็ไม่ขึ้น ยิ่งถ้าต่อแบบ mono (unbalance) นี่ยิ่งแล้วใหญ่เลย
ถ้าจะต่ออกช่อง mon ต้องต่อแบบ phone balance และ input ของ power amp ต้อง เป็น high Z ที่เป็น รูแบบ jack phone 10kΩ
Sent from my iPhone using Tapatalk