8) ไม่จำเป็นต้องชดเชย delay ย่าน HF ด้วยการใส่ delay หรือ เลื่อนตำแหน่งตู้ Sub woofer เพราะจะทำให้ GD ไม่เท่ากันทำให้เกิด misalignment ได้
ขออนุญาตหมอแม็คครับ
ข้อนี้ผมเห็นต่างโดยสิ้นเชิงนะครับ หมอแม็ค เพราะจากการทดสอบด้วยการทำงานในสนามจริงมาตลอดระยะเวลาเกือบสิบปี
หากไม่ทำดีเลย์ชดเชยย่าน HF ให้กับ LF เสียงที่ออกมาสามารถฟังออกได้เลยครับว่ามันไม่ใช่ และหลายท่านก็เคยพิสูจน์ใน
เรื่องนี้กันมาแล้ว
เรื่องเสียงนั้น ผมเชื่อในสิ่งที่ผมได้ยิน มากกว่า เชื่อในสิ่งที่ตาเห็นนะครับ
ใครจะเชื่อในสิ่งไหนก็ตาม สุดท้ายคุณภาพเสียงที่ออกมาเป็นตัวชี้วัดครับว่าอะไร ใช่ หรือ ไม่ใช่
ผมขอชี้แจงตรงนี้นะครับ เฮีย
สัญญาณที่ ออกจาก Output ของcrossover ที่ผมวัดแล้วมานำเสนอนั้น ดิบๆเลยยังไม่ออกไปที่แอมป์และลำโพง จะพบว่าที่ย่านความถี่ระหว่างจุดตัด เฟสจะเลื่อนไปพร้อมๆกันทั้งย่าน Loและ Hi ค่าdelay จึงมีค่าเท่ากันตลอดย่านความถี่ที่ซ้อนทับกันระหว่างLoและHi
แต่เมื่อพ้นจากย่านความถี่ที่ซ้อนทับกัน ในย่าน Lo จะมีdelay มากกว่า Hi แต่ไม่จำเป็นต้องไปแก้ไข Delay ย่าน Hi ให้เท่าๆกับLo แต่ประการใด เพราะถ้าdelay Hi Alignmentก็จะไม่ตรงกัน เมื่อสัญญาณออกมาที่ลำโพง ถ้าDriver unit หรือจุดกำเนิดเสียงอยู่ในระนาบเดียวกัน ก็เปรียบเสมือนสัญญาณที่ออกจาก crossover
แต่ถ้าตั้งตู้ไม่ตรงกันในระนาบแนวดิ่ง เช่น ตู้Low ตั้งเยื้องมาด้านหน้าก็ต้อง ทำ Time alignment โดย delay ย่านLow ให้เปรียบเสมือนย้ายมาอยู่ในระนาบเดียวกันกับMidhi
ที่ผมเขียนมานี้ไม่ได้คิดไปเองแต่ประการใด มีwebsite อ้างอิงของ rane ที่ได้วางไว้ตั้งแต่ต้น
เรื่องเสียงเป็นวิทยาศาสตร์ สามารถทดลองได้พิสูจน์ได้
การได้ยอนของคนเรานั้นมี Bias ตามแต่ปัจเจกบุคคล ในทางการแพทย์หูของแต่ละคนรับรู้ความถี่ และ Time แตกต่างกัน เราใช้เครื่องมือวัดออกมาได้ ฉะนั้น ที่ที่เราได้ยินอาจจะไม่เหมือนกับที่คนอื่นได้ยินครับ ดังนั้นเราต้องใช้เครื่องมือที่มาตรฐานและเป็นGoal standard ในการวัดในเรื่องของเสียงเช่นกัน
ปัญหาคือความสามารถในการแยกแยะเสียงที่มันดีเลย์กัน
ผมเจอปัญหาค่อนข้างเยอะในการทำดีเลย์ เนื่องจากงานที่ทำเป็นงานที่ค่อนข้างจะมีเวลาจำกัดไม่มีเวลาเตรียมงานเยอะหรือเครื่องมือที่ดีอะไรนัก
ที่ผ่านมาก็ใช้วิธีกะๆเอา บางทีก็แค่ถีบตู้ไปข้างหน้า ถ้างานที่วางตู้ซ้อนกันก็กะๆเอาถือคติที่ว่าทำดีกว่าไม่ทำ
เลยอยากจะขอวิธีและอุปกรณ์ที่จำเป็นรวมทั้งไฟล์เสียงโปรแกรมที่ใช้ในการเช็คค่าความดีเลย์ของเสียง ในแบบที่คนทั่วไปที่หูไม่ตึงและพอจะงมๆซาวด์ทำได้ (เอาจริงน่ะเฮีย)
น้านพก็มีปัญหาเรื่องหูเหมือนกับผมเลยครับ ผมขอแนะนำ การทำ Time Alignment อย่างง่าย และได้ผล โดยใช้ Sinewave ในgenterator ของ mixer (คิดว่าน้านพคงมีนะครับใน digital mixer) ร่วมกับ SPL meter จะใช้ application ใน Android หรือ Iphone ก็ได้ครับ
[flash=640,400]http://youtu.be/A-uh0hwtspE[/flash]
ในคลิปอธิบายได้คร่าวๆดังนี้ครับ
เขามีลำโพง mid-hiที่ติดตั้งอยู่ด้านบน มีตู้Subwoofer ตั้งอยู่ข้างล่างล้ำมาด้านหน้า โดย จุดตัดcrossover ใช้ LR 48dB/oct ตัดที่ 100Hz เขาจะทำ Alignment ของ Midhiกับ Sub ดังนี้ครับ
-เปิด sine wave 80Hz(ความถี่ทีตู้ลำโพงทั้งสองมี ที่เขาเลือกใช้เพราะมันไม่ค่อยน่ารำคาญ) เปิดทีละย่าน
-เปิด Sine wave 80Hz ที่ตู้sub วัดความดัง ที่จุดconsole ได้80dB
-เปิด Sine wave 80Hz ที่ตู้ midhi เร่งเสียงขึ้นจนวัด SPL ได้80dB
-เปิดเสียง Sine wave ที่ลำโพงทั้งสองพร้อมกัน จะเห็นว่า วัดได้ไม่ถึง86 dB(ถ้าสัญญาณเฟสตรงกัน2แหล่งจะวีดรวมไก้เพิ่มขึ้น 6dB)
-จากนั้นกลับเฟส ลำโพงย่านใดย่านหนึ่ง เพื่อจะหาจุดที่ เฟสหักล้างกันมากที่สุด
-เขา Delay Sub ที่อยู่ด้านหน้าไปเรื่อยๆ จนความดังลดลงมากที่สุด เพื่อหาจุดหักล้างของเฟส (out of phase)
-จากนั้น กลับเฟสที่ลำโพงทีได้กลับไว้ก่อนหน้านี้ สังเกตว่าที่ SPL meter จะอ่านค่าได้ 86dB
เป็นอันจบการทำ Time alignmentอย่างง่ายครับ ใช้เวลาไม่ถึง 5 นาที
วิธีทำอย่างนี้เขาใช้กันในเมืองนอกกันมานานแล้วนะครับ มีการ ตีพิมพ์ใน Magazine FOH Online ด้วย
http://www.fohonline.com/current-issue/28-theory-and-practice/3256-a-realistic-approach-to-subwoofer-time-alignment.htmlในบทความเขาตัดความถี่ sunwoofer 100Hz และใช้ Sinewave ในการทดสอบทำเหมือนในclip ครับ
และมีแถมท้าย การทำ Alignment เสียง kick เมื่อ ผู้ฟังอยู่ห่างจากเวทีไม่มาก และสมารถได้ยินทั้ง PA และ Stage monitor จาก kick บนเวที โดยที่ kick อยู่หลังเวทีลึกลงไป 5 ฟุตห่างจาก ลำโพงPA
เขาจะdelay PA ไป 5 ฟุต เพื่อที่จะให้ เสียงkick จาก PA มาพร้อมๆ กับ kick monitorและเสียงKickสด จะทำให้ผู้ฟังแถวหน้าได้ ยินเสียง Kick เป็นเสียงเดียวและได้ Tone ของ kickที่เต็มอิ่ม
นั่นคือสัจจะธรรมครับ ป๋ามะละกอ
พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้ว่าอย่าเชื่ออะไร โดยที่ไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง แม้แต่คำสอนของพระพุทธองค์เอง
สำหรับผม ผมก็แค่เอาประสบการณ์ที่ผมได้เก็บเกี่ยวมาจากแหล่งข้อมูลต่าง ๆ มาลองผิด ลองถูก และทดสอบ
อย่างจริงจัง มาเหลาให้ฟังแค่นั้นครับ ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่? ก็อย่างที่บอก ผลงานจากการกระทำมันจะเป็น
เครื่องพิสูจน์ทราบเองครับ เพราะเรื่องเสียงมันเป็นเรื่องที่สามารถพิสูจน์ทราบได้ ไม่ได้ยากเย็นแต่ประการใด
สำหรับคลิปที่ป๋าให้ชม ผมกล่าวได้เลยครับ ว่าเบสิกมาก ๆ ในเรื่องการทำดีเลย์ให้ตู้ลำโพงต่อระยะ ซึ่งไม่เกี่ยว
กับการทำ Time Alignment ระหว่างตู้ลำโพงในแต่ละย่าน แต่ประการใด
บทความที่น่าอ่านมาก ๆ ที่ผมเคยอ่านมานานมากแล้ว แล้วหมอแม็ค เอาลิงค์มาวางให้อ่านอีกครั้ง ลองอ่านกันดูครับ
http://www.prosoundtraining.com/site/articles/subwoofer-alignment-with-full-range-system/
บทความตรงนี้ เฮียยังอาจจะมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนอยู่บ้างนะครับ
setting คือ ลำโพง Cluster midhi แขวนล้ำหน้า subwoofer มานะครับ ทำให้วัด ได้ sub delay กว่า Midhi
ตอนแรกเขาทดสอบAlignmentโดยใช้การ วัดค่า จาก Peak ของ ETC (Energy Time Curve)ของ Cluster กับ Sub ว่า delay ต่างกันเท่าไร แล้วนำค่าผลต่างที่ได้ไปใส่ค่า delay ลำโพง midhi ผลปรากฏว่า magnitude ไม่ flat
หลังจากนั้น เขาก็วัดใหม่โดย เลือกเอาค่าความต่างของ Time Arrival ของ ETC (ฐานด้านซ้ายของ ETC)ทั้งสองย่านมาทำ alignment ปรากฎว่า mignitude response ก็ไม่ Flat อีกเช่นเดิม
ที่เป็นเช่นนี้เพราะ มันมีการเลื่อนของ เฟสเมื่อใช้ filter ทำให้เกิด Group delay เกิดขึ้น เขาจึงมา ใช้ Transfer function เพื่อดู ค่า Group delay ใน frequency domain จึงพบว่า Group delay มันขนานกันในช่วงความถี่ที่มันซ้อนทับกันของ crossover จึงใช้ค่าความต่างของ Group delay ในการทำ Alignment ผลปรากฏว่า Magnitude response flat พอดี
รูปที่ 4 ETC สีแดงของ cluster สีน้ำเงินของ sub ถ้าวัด peak ของ สีแดงไป น้ำเงิน จะได้ 14.7ms และถ้าวัด Time arrival (ขอบฐานของETCที่มาถึงก่อน)สีแดงไปน้ำเงิน จะได้ประมาณ 10ms
รูปที่ 5 คือ magnitude เมื่อ ใส่delay 14.7ms ที่cluster(สีน้ำเงิน) และใส่ 10msทีcluster (สีแดง) จะเห็นว่ามัน dipลงไป
รูปที่ 6 ETC สีแดงคือ ผลรวมของ ETCในรูปที่4 เมื่อใส่ delay 10ms ETCสีน้ำเงินคือ ผลรวมของETC รูปที่4 โดยใส่delay cluster 14.7ms
รูปที่ 7 คือ ใช้TF วัด Groupdelay ของ sub(น้ำเงิน) กับ cluster(แดง)
ดูที่ความถี่ 300Hz Subมีdelay 11ms cluster มีdelay 3.9 ดังนั้น GD ทั้ง2ย่านจึงต่างกัน 7.1ms
รูปที่ 8 คือ magnitude รวม เมื่อใส่ delay cluster 7.1ms
รูปที่ 9 คือ ผลรวมของ ETC เมื่อใส่ delay 7.1 ms ที่cluster (สีดำ)
ตอนท้ายเขาอธิบายว่า Peak ของ ETC เมื่อตัดความถี่ ต่ำลงเรื่อยๆ peak ของมันจะมี delay เพิ่มขึ้น
รูปที่ 10 แสดง ETCย่าน Low เมื่อตัดความถี่ต่ำลงเรื่อยๆ จะเห็นว่า Peak ของ ETC มันห่างออกเรื่อยๆ (delay เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ)
รูป 11 แสดง IR เมื่อตัดความถี่ตำ่ลงเรื่อยๆ
ปล.อธิบาย ETC ง่ายๆคือ เมื่อความถี่ ปล่อย impulse(มีทุกความถี่และ แต่ละความถี่พลังงานเท่ากัน) แล้ววัดค่า ออกมา คิดตามนะครับ คลื่นเสียงตั้งแต่ 20-20KHz เริ่มต้นปล่อยออกมาพร้อมกันจากลำโพง Peak ของความถี่สูงๆจะเรียงกันใกล้กันมาก พลังงานที่เฉลี่ยรวมกันที่การกระจัดสูงสุดของแต่ละความถี่จะสูงขึ้นมากเป็นยอดภูเขา และจะต่ำลงเรื่อยๆ เมื่อความถี่ต่ำลง เพราะความยาวคลื่นของความถี่ต่ำขยายอยู่ห่างกันมากขึ้น
ดังนั้นเมื่อใช้ crossover ตัดความถี่ต่ำกับความถี่สูงออกจากกัน ค่าpeakย่าน low จึง delay มากกว่า ย่าน Hi
แต่บทความนี้เขาแนะนำให้ใช้ Groupdelay ในการทำ Alignment