รูน๊อตยึดลำโพงซึ่งอยู่ข้างใต้ของตัวลำโพง
สิ่งหนึ่งที่ผมเพิ่งจะสังเกตเห็นคือ ลำโพงของ KRK VXT นี้ เมื่อพลิกดูด้านล่างของลำโพง จะมีรูน๊อต 4 รู
เอาไว้ยึดกับขาวางลำโพง ซึ่งถือว่า เป็นอีกหนึ่งจุดที่ KRK ให้ความสำคัญกับการออกแบบเพื่อการใช้งานมากเป็นพิเศษ,
เป็นการแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในการนำไปใช้งานในรูปแบบที่หลากหลายกว่า
ไม่ว่าจะเป็น การวางลำโพงบนขาลำโพง หรือว่าการยึดติดกับผนัง
(ซึ่ง KRK ผลิตอุปกรณ์เสริมสำหรับวางกับขาวางลำโพง หรือยึดกับผนัง ออกมาขายด้วย),
ซึ่งถ้าลองสังเกตจากลำโพงยี่ห้ออื่นๆที่ผมเคยใช้มา คือ Wharfedale PRO Diamond หรือว่า Yamaha
ก็จะไม่มีรูสำหรับใส่น๊อตยึดขาวางลำโพงแบบนี้เอาไว้ให้ มีเพียงลำโพงสตูดิโอเพียงไม่กี่ยี่ห้อเท่านั้นที่จะเตรียมเอาไว้ให้
และในการใช้งานจริง เราอาจจะพบเจอคนบางคนเลือกเจาะรูทะลุลำโพง หรือทากาว แปะกระดาษกาว 2 หน้า ยึดลำโพงให้ติดกับพื้นผิว
ซึ่งทำให้ความสวยงามของผิวลำโพงลดลงไป และขายต่อไม่ได้ราคาอีกด้วย
วงจรขับเสียงของ KRK VXT
วงจรตัดการทำงานของลำโพง หรือเข้าสู่ Stand-by mode ของ KRK รุ่น VXT นี้ ถูกเรียกว่า Auto-Mute
โดยจะมีปุ่ม เปิด/ปิด การทำงานของความสามารถนี้อยู่ด้านหลังของตัวลำโพง สามารถอธิบายการทำงานของระบบนี้ได้คือ
เมื่อสัญญาณเสียงที่ส่งเข้าตัวลำโพงมีสัญญาณอ่อนมากๆ หรือ ไม่มีสัญญาณเลย
และอยู่ในสภาวะอย่างนี้ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานประมาณ 20 นาที
ระบบขยายเสียงของลำโพงจะตัดการทำงานของตัวเอง หรือ ปิด ลำโพง นั่นเอง
ซึ่งจะสังเกตการปิด ได้จากไฟแสดงสถานะการทำงานที่อยู่ด้านหน้าของลำโพงนั่นเอง
และลำโพงจะเปิดทำงานอีกครั้ง เมื่อมีสัญญาณเข้าสู่ลำโพงอีกรอบ
Auto-mute หรือ stand-by mode นี้ จะช่วยถนอมวงจรขยายเสียงของลำโพงให้มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้นได้
แต่ระบบนี้ก็มีข้อเสียอยู่ที่จะไม่เหมาะสมกับงานบางงานที่เสียงไม่ดังมาก เช่น เสียงเกมส์ เป็นต้น
ซึ่ง KRK ก็แนะนำให้ปิดระบบนี้ซะ ถ้างานที่ทำมีระดับเสียงค่อนข้างเบา
รูป KRK VXT6 โดย Vincent X จาก Flickr.com
อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้ KRK VXT มีความแตกต่างจากลำโพงยี่ห้ออื่นๆ คือ ระบบ clip indicator/limiter
เป็นอีกระบบที่ช่วยป้องกันลำโพงจากสัญญาณเสียงที่ดังเกินไป โดยผู้ใช้สามารถเลือกได้ว่าจะใช้เพียงแค่ clip indicator
ที่จะแสดงเพียงสัญญาณเตือน หรือ เปิดให้ limiter ทำงานไปพร้อมๆกับที่พบเจอสัญญาณ clip หรือ ปิดระบบนี้ซะ,
ซึ่งถ้าหากคิดในแง่ของอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นจากการทำงาน เช่น การถอดเสียบสายสัญญาณผิดพลาด
การใช้สายสัญญาณที่ขาดภายใน หรือสัญญาณ clip ที่อาจจะมาจาก ไฟฟ้าที่ไม่สะอาด
ระบบนี้สามารถช่วยป้องกันความเสียหายได้อีกขั้นตอนหนึ่ง, และแน่นอนว่า
หากมีความจำเป็นที่จะต้องทำงานในสภาวะที่เสียงดังมากๆ ก็สามารถปิดระบบนี้ลงได้เช่นกัน
LF Cut-off และ HF Trim ดูเหมือนจะเป็นวงจรมาตรฐานที่ควรจะมีอยู่ในลำโพงราคาระดับนี้แล้ว,
สำหรับ KRK VXT นั้น มีเพียงรุ่น VXT 4 เท่านั้น ที่จะไม่มีความสามารถนี้ติดมาให้
ส่วนรุ่น VXT6และ VXT8 มีมาด้วย, ซึ่งการ cut-off ที่ความถี่ต่ำ จะทำงานที่ความถี่ประมาณ 40Hz, 48Hz หรือ 62Hz
ขึ้นกับการเลือก และ การปรับแต่งย่านความถี่สูงจะทำงานที่ความถี่ประมาณ 2kHz
สามารถเลือกปรับได้คือ +2 dB หรือ – 2 dB หรือ flat ซึ่งถือเป็นการปรับแต่งแบบหยาบที่มักจะพบเจอในลำโพงสตูดิโอส่วนใหญ่,
ซึ่งถ้าผู้ใช้ต้องการปรับแต่งลำโพงในแบบที่ละเอียดกว่านั้น
KRK ได้ผลิต Hardware ที่ทำงานในส่วนของ Room Collection Correction
ให้เลือกซื้อมาใช้อยู่แล้ว ในขณะที่ยี่ห้ออื่นอาจจะนำความสามารถนี้ติดเข้าไปในตัวลำโพงเลย
(ซึ่งหมายความว่าต้องจ่ายเงินมากขึ้น เพื่อที่จะได้ความสามารถนี้ติดลำโพงมาด้วย)