เบาหวาน(Diabetes melitus ; DM)
เบาหวาน คือ ?
ตอบ ภาวะที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าค่าปกติ อาจเกิดจากการขาดอินสุลินหรือจากเนื้อเยื่อของร่างกายไม่ตอบสนองต่ออินสุลิน (Insulin คือ ฮอร์โมนที่ช่วยพาน้ำตาลกลูโคส เข้า ไปในเซลล์)
การวินิจฉัย ตามเกณฑ์ของของ American diabetic association เอาข้อใดข้อหนึ่ง
1. fasting plasma glucose (FPG) งดอาหารอย่างน้อย 8 ชม. ตรวจFPGแล้วมีค่า มากกว่าหรือเท่ากับ 126 mg/dl 2 ครั้ง ตรวจห่างกัน 3-7 วัน
2. Random plasma glucose มากกว่าหรือเท่ากับ 200 mg/dl โดยมีอาการของเบาหวานร่วมด้วย ได้แก่ กินจุ น้ำหนักลด
กระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะกลางคืน(นอนแล้วต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะ ตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป)
3. 75 g OGTT มากกว่า 200 mg/dl
4. มี ภาวะเลือดเป็นกรดจากเบาหวาน DKA, ภาวะเลือดมีHyper osmolar จากเบาหวาน HHS, ชัก จากเบาหวาน Focal hyperglycemic seizure
รักษาหายหรือไม่?
- รักษาไม่หาย อยู่กับเราไปจนตาย ขึ้นอยู่กับเราควบคุมอาหารและระดับน้ำตาลในเลือดให้ดี หากคุมไม่ดีก็อาจเกิด ภาวะแทรกซ้อนต่างๆได้
ใคร ? ที่ควรมาตรวจเบาหวาน
- ผู้ที่มีอาการของเบาหวาน (กินจุ น้ำหนักลด กระหายน้ำบ่อย ปัสสาวะกลางคืน(นอนแล้วต้องตื่นขึ้นมาปัสสาวะ ตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป))
- ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงได้แก่
1. อายุมากกว่า 40 ปี
2. อ้วน BMI มากกว่า 23 kg/m2 [BMI=น้ำหนักเป็นkg/(ส่วนสูงเป็นเมตร)2]
3. เป็นความดันโลหิตสูงหรือไขมันในเลือดผิดปกติ
4. มีประวัติเคยเป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ (GDM)
เบาหวาน มีกี่ประเภท?
มี 4 ประเภท คือ
1. DM type 1 ลักษณะ ผู้ป่วยจะเริ่มเป็นตั้งแต่อายุน้อย เช่น 10-20 ปี รูปร่างมักจะผอม อาจมาพบแพทย์ด้วยภาวะ DKA
2. DM type 2 ลักษณะ ผู้ป่วยเริ่มเป็นตอนอายุมากกว่า 40 ปี รูปร่างมักจะอ้วนลงพุง ท้วม สามารถเกิด DKA ได้หากมีภาวะติดเชื้อรุนแรง
3. เบาหวานจากโรคอื่นๆ เช่น Steroid abuse ติดยาสเตียรอยด์ Chronic pancreatitis ตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง
4. Gestational DM (GDM) เบาหวานที่เกิดในขณะตั้งครรภ์ รักษาหาย หากไม่รักษาหลังคลอดอาจกลายเป็น DM type2 ได้
หลักการรักษา
- หากระดับ FPG 126-200 รักษาด้วยการควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย
- FPG 200-250 มักไห้ยาลดระดับน้ำตาล ควบคู่กับการควบคุมอาหาร และออกกำลังกาย
- รักษาด้วย Insulin
ควบคุมน้ำตาลให้ได้เท่าไรจึงจะดี?
- FPG 90-130
- ระดับน้ำตาลหลังรับประทานอาหาร น้อยกว่า 180
- HbA1C ตรวจทุก 6 เดือน เอาน้อยกว่า 6.5%
ภาวะแทรกซ้อนจากเบาหวาน มีอะไรบ้าง?
แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
1. ภาวะแทรกซ้อนของหลอดเลือดขนาดใหญ่ ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) โรคหัวใจขาดเลือด(Ischemic heart disease) เป็นต้น
2. ภาวะแทรกซ้อนของหลอดเลือดขนาดเล็ก ได้แก่
2.1 Diabetic nephropathy ทำให้เกิดไตวายเรื้อรังได้
2.2 Diabetic retinopathy จอประสาทตาเสื่อม ทำให้ตามัว-ตาบอดได้ มักเกิดในรายที่ เป็นเบาหวานอย่างน้อย 10 ปีล
2.3 Diabetic neuropathy ผู้ป่วยมักมีอาการชาปลายมือปลายเท้า ควรสวมรองเท้าให้พอดี ไม่อับชื้น ตรวจเท้าก่อนนอน เพราะหากมีบาดแผลที่เท้าจะไม่มีความรู้สึกเจ็บและติดเชื้อได้ง่ายเพราะเส้นเลือดส่วนปลายไม่ดี เท้าอาจเน่า(Diabetic foot) แล้วลงท้ายด้วยการตัด นิ้วเท้า-เท้า-ขา
รูปแสดงจอประสาทตาที่เป็น Diabetic retiopathy
(http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/3/3f/Fundus_photo_showing_scatter_laser_surgery_for_diabetic_retinopathy_EDA09.JPG/800px-Fundus_photo_showing_scatter_laser_surgery_for_diabetic_retinopathy_EDA09.JPG)
รูปแสดง Diabetic foot ต้องตัดเท้าทิ้งเพื่อป้องกันการติดเชื้อในกระแสเลือดและไตวายเฉียบพลัน
(http://www.erc.montana.edu/biofilmbook/MODULE_07/IMAGES/DiabeticFootUlcer350w.jpg)
(http://www.ispub.com/ispub/ijmb/volume_5_number_2_18/surveillance_on_multi_drug_resistant_organism_mdro_associated_with_diabetic_foot_ulcers_in_pondicherry_1/mdro-fig1.jpg)
(http://www.reversegangrene.com/image_foot_after_amputation.jpg)
รูปแสดง ผู้ป่วยไตวาย จาก Diabetic nephropathy ต้องฟอกไตทางหน้าท้อง วันละ 4 ครั้ง
(http://www.aafp.org/afp/20041115/photo_f1.jpg)
กาแฟลดเสี่ยงเบาหวาน-หัวใจ?
(http://women.sanook.com/story_picture/m/35565_002.jpg)
คอลัมน์ อโรคยา ดูเหมือนว่ากาแฟจะมีประโยชน์มากกว่าการช่วยกระตุ้นร่างกายให้กระปรี้ กระเปร่า เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน ช่วยลดอาการหงุดหงิดและความเครียด หากดื่มกาแฟในปริมาณที่เหมาะสม เพราะคาเฟอีนจะไม่มีการสะสมหรือตกค้างในร่างกาย เนื่องจากตับจะทำหน้าที่กำจัดออกไป รศ.ดร.ชัยชาญ แสงดี หัวหน้าภาควิชาเภสัชวิทยา คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า นอกจากกาแฟจะทำให้เรารู้สึกสดชื่น กระชุ่มกระชวย และทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้นแล้ว การดื่มกาแฟ ยังช่วยลดการเกิด oxidative stress, ช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย และยังช่วยเพิ่มการทำงานเอนไซม์ในการกำจัดสารที่เป็นอันตรายด้วย ปกติร่างกายจะมีสำรองหรือสมดุลของสารต้านอนุมูลอิสระ โดยสารที่เป็นส่วนเกินจะถูกกำจัดโดยตับ และขับออกจากร่างกายทางปัสสาวะ แต่ในบางภาวะการสำรองสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายจะลดลง หรือที่เรียกว่าภาวะ oxidative stress ทำให้มนุษย์จะต้องแสวงหาสารต้านอนุมูลอิสระจากอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อสะสมในร่างกายและพร้อมใช้เมื่อถึงคราวจำเป็น สารต้านอนุมูลอิสระในกาแฟ จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็ง เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยลดการเกิดเซลล์มะเร็งและลดการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคพาร์คินสัน โรคอัลไซเมอร์ โรคข้ออักเสบ โรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ และโรคตับอักเสบอีกด้วย ซึ่งมีผลการศึกษาวิจัยเรื่องนี้จากต่างประเทศรองรับมากมาย ศูนย์วิจัยเนสท์เล่ สวิตเซอร์แลนด์ แสดงรายงานหนึ่งตัวอย่างของผลการศึกษาวิจัยถึงประโยชน์ของการบริโภคกาแฟ ซึ่งงานวิจัยนี้ได้รับการตีพิมพ์ในวารสารโภชนศาสตร์คลินิกของอเมริกา โดย ดร.เดวิด อาร์. จาคอบ จูเนียร์ และคณะจากมหาวิทยาลัยมินเนโซต้า เมืองมินเนอาโพลิส ได้ศึกษาความสัมพันธ์ของการดื่มกาแฟกับการเสียชีวิตทุกประเภท และการเสียชีวิตอันเนื่องมาจากโรคหลอดเลือดหัวใจ, โรคมะเร็งและ โรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบภายใต้โครงการศึกษาสุขภาพของผู้หญิงที่อาศัยอยู่ ในเมืองไอโอวา ศึกษาในกลุ่มตัวอย่างที่เป็นผู้หญิง จำนวน 27,321 คน อายุระหว่าง 55-69 ปี ซึ่งใช้เวลาเริ่มต้นศึกษาและติดตามผลเป็นเวลา 15 ปีต่อมา โดยระหว่างการศึกษามีผู้เสียชีวิตรวม 4,265 คน ดร.จาคอบได้นำเสนอผลการศึกษาที่พบว่า เมื่อเปรียบเทียบ ระหว่างกลุ่มหญิงที่ดื่มกาแฟจำนวน 1-3 ถ้วยต่อวันกับผู้ที่ไม่ดื่มกาแฟเลย กลุ่มหญิงที่ดื่มกาแฟมีความเสี่ยงจากการตายจากการอักเสบลดลงถึง 24% และแม้ว่าจะดื่มกาแฟมากขึ้น แต่ความเสี่ยงจากการตายก็จะไม่ลดลงอีก อย่างไรก็ตาม การลดความเสี่ยงจากการตายลงเนื่องจากโรคหลอดเลือดหัวใจนั้น มีความสัมพันธ์เล็กน้อยกับการดื่มกาแฟในปริมาณมากขึ้น ส่วนโรคมะเร็งนั้น การดื่มกาแฟจะไม่ส่งผลต่อการเกิดโรคมากขึ้น ดร.จาคอบกล่าวว่า การที่พบว่ากาแฟให้ผลป้องกันการอักเสบ และอาจป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคที่เกิดจากการอักเสบอื่นๆ นั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่น่าแปลกใจ เพราะการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่ากาแฟเป็นแหล่งของสารต้านอนุมูลอิสระที่สำคัญ ในอาหารของชาวนอร์วิเจียน และหญิงวัยกลางคนของเมืองไอโอวา การเกิด Oxidative stress หรือปฏิกิริยาการทำลายเซลล์ เนื้อเยื่อ หรืออวัยวะ โดยอนุมูลอิสระนั้นมีความสัมพันธ์กับการอักเสบ ซึ่งนั่นทำให้เราคาดหวังจะเห็นผลความเสี่ยงที่ลดลงเมื่อดื่มกาแฟ แต่ทั้งนี้ต้องดื่มในปริมาณที่เหมาะสม ไม่มากเกินไป
สนับสนุนเนื้อหา (http://btgsf1.fsanook.com/weblog/category/1/5235/newspaper-kaosod.gif)
คำที่เกี่ยวข้อง : เบาหวาน (http://www.smilefine.com/index.php/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99.html) สุขภาพ (http://www.smilefine.com/index.php/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E.html) รอบรู้เรื่องสุขภาพ (http://www.smilefine.com/index.php/%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E.html) มะเร็ง (http://www.smilefine.com/index.php/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%87.html) เมื่อยคอ (http://www.smilefine.com/index.php/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%84%E0%B8%AD.html) ปวดหลัง (http://www.smilefine.com/index.php/%E0%B8%9B%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87.html) เชื้อโรค (http://www.smilefine.com/index.php/%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84.html)