หัวข้อ: ทำไม ต้องแยกไลน์

[ขอชอลอ]

        การแสดงดนตรีถือเป็นมโหรสพที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างยิ่ง แต่วงดนตรีสด จำเป็นต้องใช้นักดนตรีที่มีฝีมือเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาค่าจ้างต่องานค่อนข้างสูง ระบบมิดี้ (MIDI) จึงเป็นเครื่องมือสำหรับวงดนตรีที่ต้องการลดจำนวนนักดนตรี แต่ยังคงไว้ ซึ่งความไพเราะของบทเพลงที่บรรเลง    เครื่องกำเนิดเสียง (Tone Generator) หรือ ซาวน์โมดูล (Sound Module) ซึ่งทำหน้าที่รับสัญญาณมิดี้ และส่งเป็นสัญญาณเสียงออกมา ก็มีหลากหลายยี่ห้อและรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นก็ให้เสียงที่แตกต่างกัน แล้วแต่หลักการสังเคราะห์เสียงและตัวอย่างเสียงที่เก็บอยู่ในเครื่องนั้นๆ ทำให้แต่ละวงต้องตัดสินใจเลือกใช้ตัวที่เสียงตรงกับ ความต้องการมากที่สุด และสัญญาณเสียงที่ออกมาจากซาวน์โมดูล ก็เป็นสัญญาณเสียงดนตรีรวม เสมือนกับการเปิดเพลง จากแผ่นซีดี ซึ่งมีเพียงสัญญาณเสียงด้านซ้ายและขวาเท่านั้น ทำให้ผู้ควบคุมเสียงหรือซาวน์เอนจิเนียร์ ไม่สามารถควบคุม ระดับความดังเสียง (Level) หรือโทนเสียงทุ้มแหลม (Tone) ของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดได้ นอกจากจะทำการแก้ไข ไฟล์มิดี้ต้นฉบับ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญทางคอมพิวเตอร์พอสมควร
         ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีอุปกรณ์สำหรับแยกสัญญาณมิดี้ออกเป็นหลายๆสัญญาณ ตามประเภทของเครื่องดนตรี และเชื่อมต่อ สัญญาณมิดี้แต่ละสัญญาณเข้าไปหาซาวน์โมดูลหลายๆตัว เพื่อที่จะสามารถคุมระดับเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละประเภท ได้สะดวก รวมถึงความสามารถในการปรับเปลี่ยนสัญญาณมิดี้ (MIDI Mapper) เพื่อบังคับปรับเปลี่ยนสัญญาณมิดี้ ให้ไปเป็นไปในรูปแบบที่ต้องการ

[ต้นกล้า]

สุดยอดมากครับยังมีหลายท่านที่ยังสงสัยอยู่ว่าทำไมต้องแยกไลน์
 

[Mr.boon]

อย่างน้อยมือ MIX จะได้ไม่เหงา

[หนุ่มเมืองนคร (ไทย)]

       การแสดงดนตรีถือเป็นมโหรสพที่เป็นที่นิยมเป็นอย่างยิ่ง แต่วงดนตรีสด จำเป็นต้องใช้นักดนตรีที่มีฝีมือเป็นจำนวนมาก ทำให้ราคาค่าจ้างต่องานค่อนข้างสูง ระบบมิดี้ (MIDI) จึงเป็นเครื่องมือสำหรับวงดนตรีที่ต้องการลดจำนวนนักดนตรี แต่ยังคงไว้ ซึ่งความไพเราะของบทเพลงที่บรรเลง    เครื่องกำเนิดเสียง (Tone Generator) หรือ ซาวน์โมดูล (Sound Module) ซึ่งทำหน้าที่รับสัญญาณมิดี้ และส่งเป็นสัญญาณเสียงออกมา ก็มีหลากหลายยี่ห้อและรุ่น ซึ่งแต่ละรุ่นก็ให้เสียงที่แตกต่างกัน แล้วแต่หลักการสังเคราะห์เสียงและตัวอย่างเสียงที่เก็บอยู่ในเครื่องนั้นๆ ทำให้แต่ละวงต้องตัดสินใจเลือกใช้ตัวที่เสียงตรงกับ ความต้องการมากที่สุด และสัญญาณเสียงที่ออกมาจากซาวน์โมดูล ก็เป็นสัญญาณเสียงดนตรีรวม เสมือนกับการเปิดเพลง จากแผ่นซีดี ซึ่งมีเพียงสัญญาณเสียงด้านซ้ายและขวาเท่านั้น ทำให้ผู้ควบคุมเสียงหรือซาวน์เอนจิเนียร์ ไม่สามารถควบคุม ระดับความดังเสียง (Level) หรือโทนเสียงทุ้มแหลม (Tone) ของเครื่องดนตรีแต่ละชนิดได้ นอกจากจะทำการแก้ไข ไฟล์มิดี้ต้นฉบับ ซึ่งต้องใช้ความชำนาญทางคอมพิวเตอร์พอสมควร
         ด้วยเหตุนี้ จึงต้องมีอุปกรณ์สำหรับแยกสัญญาณมิดี้ออกเป็นหลายๆสัญญาณ ตามประเภทของเครื่องดนตรี และเชื่อมต่อ สัญญาณมิดี้แต่ละสัญญาณเข้าไปหาซาวน์โมดูลหลายๆตัว เพื่อที่จะสามารถคุมระดับเสียงของเครื่องดนตรีแต่ละประเภท ได้สะดวก รวมถึงความสามารถในการปรับเปลี่ยนสัญญาณมิดี้ (MIDI Mapper) เพื่อบังคับปรับเปลี่ยนสัญญาณมิดี้ ให้ไปเป็นไปในรูปแบบที่ต้องการ

(....)

ถามชัดๆ ถ้าเราจะแยกไลน์ โดยมีsm/Sf2/xp10 ควรแยกไลน์เยี่ยงไร ถึงจะดูเนียนกลมกลืนในความรู้สึกของท่าน(เอาของท่านนะไม่ต้องบอกว่าแล้วแต่ความชอบของใคร)

[นายเปี๊ยก !!]

บางครั้งผมใช้  SF+ R5  โดยใช้ R5 เล่น  กระเดื่องกับสแนร์  แค่นี้ก็ มันส์เหมือนกันครับ

[ขอชอลอ]

ถามชัดๆ ถ้าเราจะแยกไลน์ โดยมีsm/Sf2/xp10 ควรแยกไลน์เยี่ยงไร ถึงจะดูเนียนกลมกลืนในความรู้สึกของท่าน(เอาของท่านนะไม่ต้องบอกว่าแล้วแต่ความชอบของใคร)

ถูกต้องครับ
ศิลป์ เป็นเรื่องของความรู้สึก  อธิบายด้วยหลักไม่ค่อยได้
ด้วยเหตุนี้ มันจึงมี "ความเชื่อ" เข้ามาเกี่ยวข้อง
หรือบางที ก็เป็นการชักนำ หรือแม้กระทั่ง อุปทานหมู่ ในเรื่องของความรู้สึก



ในความคิดผม  การแยกไลน์ โดยกำหนดโจทย์ว่า  ทรัพยากรที่มีคือ
1. Soundmodule
2. SoundFont
3. Keyboard XP10


ถ้ามีขอบเขตอยู่แค่นี้
พิจารณา จุดแข็งจุดอ่อนของทรัพยากรที่มี แต่ละตัวครับ

soundmodule สมมติโจทย์ข้อนี้  ผมมี Yamaha MU100 อยู่ตัวนึง

เรื่องคุณภาพเสียง
ซาวน์โมดูลและคีย์บอร์ด XP-10  ถือว่าเป็น fixed quality
ส่วน soundfont เป็น scalable quality ตามชนิดของซาวน์ฟอนต์ และซาวน์การ์ด

เรื่องจำนวนไลน์
ซาวน์โมดูลและคีย์บอร์ด  จำนวนไลน์คงที่
ส่วน soundfont จำนวนไลน์ ขึ้นอยู่กับ audio IO ก็คือ จำนวนไลน์ที่ซาวน์การ์ดมี

เมื่อรู้ ความสามารถของทรัพยากรที่มีแล้ว
ก็ดูที่ ความต้องการของตัวเองอีก  ว่าอยากปรับอะไร และอยากแยกอะไร

โจทย์ข้อนี้  ผมจะมองก่อนเลยว่า  XP-10  ผมจะเอาไว้ใช้กับเสียงคีย์บอร์ดแน่ๆ  สองไลน์สเตอธรรมดาๆ
ไม่ต้องคิดอะไรมาก  คิดซะว่า เหมือนวงสี่ชิ้น และมีคีย์บอร์ดอยู่ตัวนึง

ส่วนซาวน์โมดูลอีกตัวนึง  ถ้ามันแยกไลน์ไม่ได้
ก็จะเอาเสียง เบส และ กีตาร์คอร์ด ไปไว้
เสียงออกจากซาวน์โมดูลตัวนี้  เราก็จะได้เสียงเบสและกีตาร์คอร์ด
ถึงแม้ว่า เราจะไม่สามารถปรับเสียงเบสและกีตาร์อิสระกันได้
แต่การปรับ Tone หรือ EQ ของสัญญาณเสียงที่ออกจากซาวน์โมดูลตัวนี้
ก็จะทำให้เกิดการปรับเสียงกีตาร์คอร์ดกับเบสได้ในระดับนึง  (เพิ่มลดเบสโดยการปรับ Low ที่มิกซ์)

ซาวน์โมดูล ที่มีข้อจำกัดด้านจำนวน Audio Output  ก็ถูกใช้ไปหมดแล้ว

เหลือ ซาวน์ฟอนต์
ก็ใช้ จำนวนไลน์ เท่าที่คอมพิวเตอร์มี  สมมุติ มีอยู่ 8 ไลน์
1. กระเดื่อง
2. สแนร์
3. ทอมทุกใบ
4. แฉ+ไฮแฮท
5. percussion L
6. percussion R
7. กีตาร์
8. เครื่องเป่า

ก็จะทำให้ ใช้ SF+SM+XP10 ได้อย่างสมบูรณ์

เสียงคีย์บอร์ด มันก็คือ เสียงคีย์บอร์ดนั่นล่ะ  ออกจาก XP10
เสียงเบส ก็ สไตล์ยามาฮ่า
ส่วนเสียงที่เหลือก็ซาวน์ฟอนต์

ที่กล่าวมาทั้งหมด พิจารณาเพียงแค่สองประเด็นคือ
คุณภาพเสียง และจำนวนไลน์เท่านั้น

แต่เมื่อพิจารณาเหตุผลเชิงเศรษฐศาสตร์ และความสะดวกสบายในการขนย้ายอุปกรณ์แล้ว
ทำให้ซาวน์โมดูลได้รับความนิยมลดลงเรื่อยๆ  เนื่องจาก เสียงทุกอย่าง สามารถทำให้อยู่ในเครื่องคอมเครื่องเดียว โดยการใช้ซาวน์ฟอนต์
ส่วนจำนวนไลน์ ก็สามารถเพิ่มเติมได้ โดยการเพิ่ม audio interface ให้กับคอมพิวเตอร์

[ประจักร]

อยากลองใจจะขายแต่ไม่มีโอกาศครับเพราะมิกซ์ที่ใช้อยู่มี4ช่องไมค์กินไป2 แล้ว2ก็ต้องเป็นซ้ายขวาทำใจหยอดออมสินต่อไป..........