..สำหรับคน กศน. และผู้รักการอ่านทุกท่านครับ..
นายกรัฐมนตรีวอนทุกภาคส่วนสนับสนุนคนไทยให้รักการอ่านหนังสือ (6/9/2009)
นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการอ่าน เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และงานที่ระลึกสากลแห่งการเรียนรู้หนังสือปี 2552
...วันนี้ เวลา 10.00 น ณ ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดโครงการส่งเสริมการอ่าน เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และงานที่ระลึกสากลแห่งการเรียนรู้หนังสือปี 2552 โดยมี ดร.กวาง โจคิมผู้อำนวยการองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ผู้บริหารสำนักงานการศึกษานอกโรงเรียน สื่อมวลชนและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง ได้มาร่วมงานเป็นจำนวนมาก
...นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้กล่าวรายงานว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2552 ให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมทั้งกำหนดให้วันที่ 2 เมษายนของทุกปี เป็นวันรักการอ่าน และให้ปี 2552-2561 เป็นทศวรรษแห่งการอ่านของประเทศนั้น เพราะรัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของการอ่าน เพื่อพัฒนาคนไทยให้เกิดการเรียนรู้ที่ก้าวไกลและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต โดยปลูกฝังให้เด็กตั้งแต่เยาว์วัยให้เป็นเยาวชนที่มีคุณภาพ และเป็นผู้ใหญ่ที่มีศักยภาพ โดยองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ได้ประกาศให้วันที่ 8 กันยายน ของทุกปี เป็นวันที่ระลึกสากลแห่งการเรียนรู้หนังสือ ประเทศไทยโดยกระทรวงศึกษาธิการ จึงได้กำหนดให้โอกาสนี้เป็นโอกาสแห่งการร่วมเฉลิมฉลองในวาระสำคัญของการรู้หนังสือและวาระการอ่านควบคู่กันไป
...โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวเปิดโครงการส่งเสริมการอ่าน เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และงานที่ระลึกสากลแห่งการเรียนรู้หนังสือปี 2552 ว่า กระแสโลกาภิวัตน์ได้ทำให้หลายสังคมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และส่งผลกระทบอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนทุกคนต้องมีความสามารถในการปรับตัวอย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต ซึ่งการมีทักษะดังกล่าวเป็นองค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้แต่ละคนสามารถที่จะมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อม ๆ กับการเป็นส่วนหนึ่งของสังคมที่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง
...นายกรัฐมนตรี กล่าวว่ารัฐบาลตระหนักถึงความสำคัญของกระบวนการเรียนรู้อย่างมาก จึงได้กำหนดยุทธศาสตร์ในการพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมืองและการศึกษา หรือมุ่งเน้นการสร้างสภาวะแวดล้อมที่เอื้อต่อสังคมของการเรียนรู้ เช่น ในส่วนของภาคเศรษฐกิจ ได้มีการเริ่มโครงการไทยเข้มแข็ง ซึ่งถือว่าจะต้องมีการผลักดันให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของเศรษฐกิจในภาพรวม
...การริเริ่มโครงการส่งเสริมการอ่าน เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต ถือเป็นอีกโครงการหนึ่งที่มีความสำคัญมาก ในการที่จะผลักดันให้การปฏิรูปการศึกษาและการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ประสบความสำเร็จ เพราะการอ่านเป็นเครื่องมือสำคัญที่ทรงพลังสำหรับมวลมนุษย์ เป็นจุดเริ่มต้นของการศึกษาตลอดชีวิต และเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันที่ดียิ่งสำหรับคนทุกคน
...นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการอ่านว่า เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการพัฒนาระดับสติปัญญาของสังคมมนุษย์ การศึกษาที่เกิดจากสังคมการอ่านโดยพื้นฐานจะมีระดับสติปัญญาเฉลี่ยมากว่าสังคมมนุษย์โดยทั่วไปที่ไม่อ่านหนังสือ และการอ่านยังทำให้เกิดการถ่ายทอด แลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวัฒนธรรมทำให้สมรรถนะในการเรียนรู้พัฒนาขึ้น ซึ่งจะสามารถรองรับความเปลี่ยนแปลงและมีความเข้มแข็งต่อสภาวะในการแข่งขันที่รุนแรงในปัจจุบัน รัฐบาลจึงได้ประกาศให้การอ่านเป็นวาระแห่งชาติ และจะประสานกับทุกหน่วยงาน เพื่อที่จะได้มีส่วนร่วมในการผลักดันเรื่องนี้ไปสู่ความสำเร็จให้ได้
...อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การผลักดันในเรื่องนี้ ไม่ใช่ภาระหน้าที่ของหน่วยงานใด หน่วยงานหนึ่ง โดยเฉพาะการผลักดันในเรื่องของเด็กเล็ก ตั้งแต่ 1-6 ปี โดยประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข และรณรงค์ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการจัดทำ”หนังสือเล่มแรก” ซึ่งไม่เพียงแต่จะปลูกฝังทุกครอบคัวมีความรัก มีความคุ้นเคยกับการอ่านเท่านั้น แต่ยังหวังให้หนังสือเล่มแรกไม่เพียงแต่ให้ความรู้ แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์และความอบอุ่นในครอบครัว นอกจากนี้จะมีการปรับปรุงหลักสูตรต่าง ๆ และส่งเสริมให้ทุกโรงเรียน โดยเฉพาะครูได้ปลูกฝังและส่งเสริมให้เด็กนักเรียนได้มีการอ่านหนังสือมากยิ่งขึ้น และที่สำคัญคือการสร้างสภาวะแวดล้อมในการเรียนรู้และแหล่งเรียนรู้นอกโรงเรียนด้วย
...นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า การดำเนินการทั้งหมดนี้จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หากทุกภาคส่วนไม่ให้ความสำคัญ ไม่ให้ความร่วมมือ และไม่เข้ามามีส่วนร่วมในการกระตุ้นให้ประชาชนเห็นคุณค่าของการอ่าน โดยเฉพาะการอ่านที่มีความหลากหลาย ย่อมจะช่วยทำให้คนไทยมีความรอบรู้ในหลาย ๆ ด้านมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับการสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และสังคมที่อุดมด้วยปัญญาอย่างแท้จริง
...รัฐบาลพร้อมที่จะสนับสนุนให้สังคมไทยเป็นสังคมการอ่าน และส่งเสริมให้คนไทยมิใช่เป็นเพียงผู้รู้หนังสือตามหลักการของยูเนสโกเท่านั้น แต่เป็นผู้ที่มีสติปัญญาและพัฒนาการที่ดี เพราะการอ่านหนังสือจะเป็นเครื่องมือสำคัญของการเรียนรู้ตลอดชีวิต และต้องไม่ลืมส่งเสริมการอ่านในภาษาที่หลากหลาย เช่น ภาษาอังกฤษ และอื่น ๆ เพราะภาษาเหล่านั้นย่อมมีฐานข้อมูลความรู้และมีหนังสือที่น่าอ่านมากมาย อีกทั้งยังเป็นการสร้างความเข้าใจระหว่างพี่น้องประชาชนทั่วโลกด้วยอีกทางหนึ่งจึงขอให้ทุกภาคส่วนร่วมผนึกกำลังกันสร้างโอกาสให้คนไทยได้รู้หนังสือ รักการอ่าน ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต เพื่อทำให้สังคมไทยไปสู่สังคมแห่งการเรียนรู้ สังคมแห่งการสร้างสรรค์ และสังคมแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืนสืบไป
...จากนั้น นายกรัฐมนตรีได้ทำพิธีเปิดโครงการฯ ด้วยการเปิดหนังสือ”สร้างปัญญา” โดยด้านในของหนังสือปรากฏเป็นรูปนกกำลังบิน ซึ่งหมายถึงสัญลักษณ์แห่งความมีอิสระ ก่อนเดินเยี่ยมชมนิทรรศการ โครงการส่งเสริมการอ่าน เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต และงานที่ระลึกสากลแห่งการเรียนรู้หนังสือปี 2552
ที่มา :
http://media.thaigov.go.th/pageconfig/viewcontent/viewcontent1.asp?pageid=471&parent=468&directory=1779&pagename=content2&contents=35843 ขอบคุณที่รักการอ่าน
ชา ว๊อคแมน / ฅนนอกโรงเรียน
