eXtreme Karaoke
เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงในบ้าน (Home Used/High Fidelity ) => ข้อความที่เริ่มโดย: มะละกอ ที่ วันที่ 15 พฤษภาคม 2012, 20:02:27 น.
-
ขอตอบวิธีเซ็ทอัพ ในนี้ละกัน
2 ปุ่มบน ซ้ายน่าจะเป็นปุ่มกลับเฟส 180 องศา ขวาเป็นปุ่ม Pad น่าจะใช้เวลาทำงานเป็น DI Box ทั้งสองปุ่มผมไม่แตะต้องเลย
ผมตั้งแบบนี้ซึ่งเป็นสากลคือ ให้ Drive ไว้ที่ซ้ายสุดคือ 0 dB แล้วพูดหรือร้องไมค์ให้เข็ม VU ของ TubePre เลย 0 หน่อยหนึ่ง
ในกรณียร้องคาราโอเกะ
ที่มิกซ์ เริ่มจากเซ็ท GAIN ช่อง Line In ที่มิกซ์ เป็น 0 dB
(http://image.ohozaa.com/i/cf1/0T7tmD.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/w4OPZpVrFKakqbDO)
สไลด์ช่องไมค์ขึ้นจนถึงที่ 0 dB
(http://image.ohozaa.com/i/de2/x5U2fp.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/w4OQs8cGDHHHY0dG)
และตั้งมาสเตอร์ไปที่ 0 dB
(http://image.ohozaa.com/i/bb8/j8dWVw.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/w4OQuY28UlLOD1rG)
ผมไม่ทราบว่า มิกซ์รุ่นี้มีปุ่ม PFL สำหรับทดสอบความแรงของแต่ละช่องสัญญาณหรือไม่ครับ ซึ่งน่าจะมีให้ "กดลง"
(อยู่ใต้ปุ่ม PAN ของช่องที่เสียบไมค์หรือช่อง Line In)
(http://image.ohozaa.com/i/207/Visren.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/w4OQxNRBb21SA9jy)
ขณะเดียวกันก็ไปกดปุ่ม PFL ที่ Source Monitor ด้วย (มิกซ์ Mackie จะมี PFL แค่ปุ่มเดียว ไม่มี Source Monitor ครับ)
(http://image.ohozaa.com/i/571/J3AIVU.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/w4OQC3BMA2vIwTMA)
จากนั้นให้มาปรับ Gain ที่ Line In พร้อมกับพูดหรือร้องเพลงด้วยความดังตามที่เคยร้อง จนเห็นไฟ วียูลีด ขึ้นไปจนเลย 0 dB เล็กน้อย
(http://image.ohozaa.com/i/586/W0ZCID.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/w4OQGjlXYWbCBAJO)
สมมุติว่าได้ที่ บ่ายสองโมง
(http://image.ohozaa.com/i/7a3/bp0ach.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/w4OPWA5ZoZYtSjEA)
ทั้งหมดนี้เป็นการปรับหรือจูนสัญญาณ อินพุตและเอ้าท์พุต ให้พอดีตามแต่สเปคของมิกซ์ตัวนั้นจะออกแบบมา
อนึ่ง ณ จุดนี้สัญญาณขาออกหรือเอ้าท์พุตจะได้ความแรงของสัญญาณอยู่ในระดับที่เรียกว่า อุดมคติในโลกของเครื่องเสียงครับ
จากนั้นเราก็ไปปรับความดังของพาวเวอร์แอมป์ซึ่งควรจะเลือกซื้อรุ่นที่มีวอลลุ่มปรับความดังขาเข้า ซึ่งถ้าเล่นหรือร้องในบ้านก็เร่งความดังตามต้องการ
แต่ถ้าจะออกงานกลางแจ้งก็ให้เร่งวอลลุ่มที่พาวเวอร์แอมป์จนได้ยิน "เสียงหอน"
จดจำตรงหอนนั้นเอาไว้ แล้วลดวอลลุ่มพาวเวอร์แอมป์ลงมาจนได้ความดังที่ต้องการใช้งาน
คราวนี้เราก็จะรู้ว่าเรามีกำลังสำรองความดังอยู่เท่าไรที่ไมค์จะไม่หอน
เมื่อทำตามได้ดังนี้ รวมทั้งเซ็ทที่ตั้งลำโพงช่วยให้ได้ที่ละก้อ ทั้งคืนไมค์ไม่มีหอนให้หนวกหูครับ
ต่อมา เมื่อร้องจนชินกับเสียง คราวนี้กลับมาที่ TubePre ลองหมุนวอลลุ่มตัว Drive ไปให้ได้ยินคล้ายเสียงซิบๆ
ความอุ่นความฉ่ำของหลอดจะเริ่มมาที่ตรงนี้ครับ มากน้อยแล้วแต่ชอบ รอให้หลอดร้อนสักชั่งโมง คงต้องมาลด Drive ลงบ้าง
เสียงเปลี่ยนไปแน่ ส่วนจะชอบหรือไม่นั้นต้องค่อยๆ จูนและลองเล่นไปสักระยะแล้วจะกลับมาเล่นโดยไม่มี TubePre ดู
จะรู้สึกถึงความแตกต่างได้ชัดครับและคงขาดมันยากทีเดียว
-
ฟังเพลงให้อิ่มใจก่อนนะครับ
แล้วค่อยขยายความต่อเรื่องการปรับแต่ง TubePre ให้ละเอียดขึ้น เพื่อให้เข้ากับเสียงส่วนตัวของตนเองโดยเฉพาะ
http://k005.kiwi6.com/hotlink/ogxwd2x5v4
เป็นเพลงในอัลบั้มของ Jone Coltrane & Johnny Hartman ที่ทุกคนรุ่นผมต้องมีกัน
มันฟังได้ชั่วนิรันดร์กาล ครับ พิสูจน์ให้เห็นถึงฝีไม้ลายมือคนยุค ปี 1963 ว่าเก่งกาจขนาดไหน
เทคโนโลยี่สมัยนั้นมิได้ยอดเยี่ยมเหมือนทุกวันนี้ แต่ความสามารถในการใช้งาน บันทึกเสียงสวรรค์ออกมาให้พวกเราฟังกันครับ
-
เขาว่าคนแก่อายุอานามอย่างผมนี่ ความสามารถในการรับฟังเสียงจะด้อยลงมาก โดยเฉพาะเสียงสูง
เห็นผลงานวิจัยออกมาว่า ได้ยินไม่เกิน 5000 Hz แต่ถ้าเป็นผู้หญิงคุณป้าทั้งหลาย อาจได้ยินถึง 8000 Hz หรือ 10000 Hz
ซึ่งผมค่อนข้างเห็นด้วย ว่าเป็นจริงตามนั้น
ส่วนที่ยังฟังเพลงฟังดนตรีด้วยความไพเราะอยู่ทุกวันนี้ มันน่าจะมาจากความเคยชิน
ที่ร่างกายหรือระบบหลายอย่างมันปรับตัวเอง เหมือนคล้ายหลอกตัวเองว่า หูเรายังเจ๋งดีอยู่
หรือไม่ก็เป็นความรู้สึกสัมผัสพร้อมๆ กันทุกทางพร้อมกันจาก ตา หู จมูก ผิวหนัง แล้วเกิดอารมณ์ดนตรีขึ้น
โอ้ย !! เป็น “งง”
เมื่อเอาความรู้สึกมาเป็นที่ตั้งและรวมถึงความสามารถในการรับฟังเสียงเพลงเสียงดนตรีตามวัยชรา
หูผมจึงไวต่อเสียงย่านเสียงกลางมากเป็นพิเศษ นะครับ
และสิ่งที่ตามมาคือมันมีผลทำให้ผมฟังเสียงแล้ว เกิดความรู้สึก “ชอบ” หรือ “ไม่ชอบ” ทันที
ทำไมนะหรือ?
เหตุเพราะย่านเสียงกลาง มันมีช่วงความถี่ที่กว้างมาก กว้างกินลงมาถึงประมาณ 130 Hz
และขึ้นสูงกินไปถึงประมาณ 8000 Hz ทีเดียว
เสียงผู้ชายร้องจะอยู่แถว 1000 Hz และต่ำลงมาอีกหน่อย
เสียงผู้หญิงร้องเช่นกัน 1000 Hz แต่จะสูงขึ้นอีกหน่อย
เสียงดนตรีทั้งหลายทั้งปวงนั้นจะอยู่ในช่วงเสียงกลางๆ ระหว่าง 130 Hz ถึง 8000 Hz
และส่วนใหญ่ที่ดนตรีเวลาเล่นประสานกันฟังเป็นเพลงที่ไพเราะ ก็จะอยู่แถวๆ 800 – 2000 Hz
ตรงนี้แหละตัวดีนักครับเพราะมันมักจะมีปัญหาความถี่เสียงตีกัน ขี่กัน ทับกัน บ่อยถึงบ่อยที่สุด ในขณะที่เล่นพร้อมๆ กัน
(http://image.ohozaa.com/i/dcc/x7nzVU.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w5oOijHNOuLzlsuA)
(http://image.ohozaa.com/i/d7c/dGSjt.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w5oXZxEsK1R3blSw)
ซึ่งถ้าเป็นการเล่นสด ถ้าไม่ซ้อมมาให้ดี ไม่เข้าขากันบทประพันธ์หรือตามโน้ต มันจะดูเหมือนแย่งกันเล่น
ฟังสักพักจะรู้สึกอึดอัด หนวกหู ล้าหูจนต้องเลิกฟัง ยิ่งช่วงย่านกลางต่ำตีกันเมื่อไรจะฟังง่ายที่สุดครับ
หรือถ้าเป็นช่วงกลางถึงกลางสูง เสียงดนตรีก็จะฟุ้งๆ ข่มกัน ฟังดูมัวและเสียงจมถอยหลัง เสียงดนตรีไม่แจ่มใสชัดเจน
ทำให้ขาดแคลนความสมดุลของย่านเสียงทั้งสามย่าน มันก็ไม่ใช่เพลงครับ
เมื่อทำความเข้าใจตรงนี้ ต่อไปก็จะง่ายขึ้นเมื่อนำมาใช้กับการปรับแต่งเสียงร้องในมิกเซอร์ของเรา
เพื่อจูนให้เข้ากับเสียงนักร้องคนนั้นให้มากที่สุด ได้เสียงที่สอาดฟังไพเราะขึ้นครับ
-
ผมขออนุญาตใช้ มิกซ์ตัวนี้ประกอบคำอธิบายนะครับ
(http://image.ohozaa.com/i/2c8/o6Diy.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/w4WqMfy3ZUmGT1KM)
บนซ้ายสุด ช่องไมค์แบบบาลานซ์ ตรงกลางถัดลงมาช่อง Line In (Balance/Unbalance) และ ช่อง Insert และไม่ขออธิบายหน้าที่ของมันเพราะคิดว่ารู้กันอยู่แล้วครับ
(http://image.ohozaa.com/i/459/QMiX16.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/w5oZ4TC2CoLOHFHa)
-
ส่วนนี้ขอข้ามไป
(http://image.ohozaa.com/i/2a0/lkfyjd.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/w5oZ7JruSL8UPJUk)
มาทำความเข้าใจตรงนี้ครับ
(http://image.ohozaa.com/i/afc/p152WM.JPG) (http://image.ohozaa.com/view2/w5oZclamzBdAQRuE)
ขอเวลานอกไปนั่งพิมพ์ซักครู่นะครับ เพราะต้องเสียเวลาประดิดประดอยคำพูดให้เข้าใจง่ายขึ้น
ผมเองนะมีความเข้าใจโอเคละ แต่เวลาเขียนนี่ยากไม่ใช่เล่นครับ
-
เรื่องของ EQ
(http://image.ohozaa.com/i/322/g7g36d.gif) (http://image.ohozaa.com/view2/w5p4Osi522vZ60Eg)
และคั่นโฆษณาด้วย มิกเซอร์หลอดในฝัน
(http://image.ohozaa.com/i/a5d/pn7zff.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w5p4Pwe7SwC6mxLG)
(http://image.ohozaa.com/i/5af/muUJrL.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w5p4QAaaJgAIc9eo)
-
รอๆๆๆๆๆๆเพื่ออ่านเพื่อรู้..และเข้าใจ..อาจได้ใช้ในโอกาสต่อไป......ขอพระคุณครับท่าน.... :thank1: :D :happy: :flower: :flower: :flower: :flower:
-
รอๆๆๆๆๆๆๆ :happy:
-
Basic Theory
มีพื้นฐานอยุ่ 10 เรื่องที่ต้องทำความเข้าใจ มันมีความสำคัญต่อการทำงานในเรื่องของ SOUND ที่เราๆ ท่านๆ ทั้งหลายโปรดปรานอยู่ ณ ขณะนี้ครับ
เพราะจากนี้ไปเราจะได้ พูดคุยกันด้วยความเข้าใจในภาษาอันเดียวกัน
ทั้งสิบเรื่องผมจะขอไม่อธิบายให้ดูน่าเบื่อในนี้ เพราะดูจะเป็นวิชาการมากกว่าเรื่องเล่าสู่กันฟัง
แต่สำหรับท่านที่สนใจและอยากจริงจังกับเรื่องนี้ คงต้องหาอ่านเอาในกูเกิ้ลครับ
Basic Theory
1. Ears - หู
2. Sound เสียง เกิดจากการสั่นทั้งสิ้น
3. Speed of Sound
4. Frequency
5. Pitch
6. Wave Length
7. Phase
8. Decibel
9. Inverse Square Law
10. Electricity
บอกได้เลยว่า เมื่อทำความเข้าทั้งสิบข้อนี้แล้ว เชื่อขนมกินได้เลยว่า อะไรที่มันเคยยาก ก็จะกลายเป็นง่ายขึ้น
เพราะแต่ละอย่างมันสามารถนำไปเป็นเครื่องช่วยในการทำงานเกี่ยวกับ Live Sound ทั้งสิ้น
และคำว่าเสียงดีเป็นอย่างไร? ต่างกับเสียงสะใจ ถูกใจ เป็นอย่างไร
ยกตัวอย่างถ้ามีความเข้าใจเกี่ยวกับ Wave Length ก็เอามาใช้เกี่ยวกับการตั้งลำโพง
หรือเรื่องของ PHASE = เวลา
ต่าง Phase = ต่างระยะเวลา
Phase Shift = การเลื่อนเฟส ทำให้เกิดผลอย่างไร แก้ได้ไหม
เรื่องของ DECIBEL (dB) คนทั่วโลกเค้าเข้าใจตรงกันในเรื่องของความดังเป็นเดซิเบล
แต่ในเมืองไทยเรากับคุยกันเป็นวัตต์ (ร้อยวัตต์ พันวัตต์ แข่งกัน)
อยากให้ฟังเพลงที่นำมาลงอีกหลายครั้งนะครับ เพราะผมจะอธิบายไปพร้อมกับการปรับแต่งในครั้งต่อไปครับ
-
อยากทราบการปรับใช้กับเสียงร้องในส่วน q 4 ตัวนี้ครับ
ส่วนปุ่มสีขาวทำหน้าที่อะไร และตรงไหนคือ Flat ครับ
:thank1: :thank1:
(http://image.ohozaa.com/i/458/7ChhLq.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w5sVcNX5V9kwsoOA)
-
ยังสงสัยว่าจะมีท่านใดถามหรือเปล่า?
เป็นอีกหนึ่งคำถามที่รออยู่ครับ
Mackie รุ่นนี้ก็เหมือนมิกซ์ในราคาใกล้เคียงกันที่มี EQ ให้มาเพื่อการปรับแต่งให้ละเอียดขึ้นบ้าง
EQ ซึ่งกำกับอยู่ทุกช่อง MIC/LINE เรียกว่า Parametric EQ
ช่องบนสุดคือ HI ตั้งความถี่ Fix ไว้ที่ 12 K หรือ 1200 Hz เป็นความถี่ที่ตั้งตายตัวมาจากโรงงานเปลี่ยนไม่ได้
จะทำได้แค่จูนหาจุดที่เพราะที่สุดในอุดมคติเท่านั้น และการจูนก็คือการ Cut/Boot ที่ปุ่มหมุน ได้ระหว่าง -15 - 15 dB
และเช่นเดียวกับช่องล่างสุดคือ LOW Fix ที่ 80 Hz ครับ
มาถึงช่องที่สำคัญ คือช่อง MID
ซึ่งชี้เป็นชี้ตายถึงความสามารถของผู้ปรับ หรือ คนทำซาวด์ ว่าเจ๋งขนาดไหน หูได้รับการฝึกมาให้ไวต่อเสียงหรือไม่( Ear Training )
ประสบการณ์ซึ่งเพิ่มทักษะมากหรือน้อย อยู่ที่จุดนี้ เพราะมันไปขึ้นอยู่กับสถานที่ที่ติดตั้งระบบเสียงด้วย ภายในอาคาร กลางแจ้ง ฯลฯ
ทั้งนี้เพราะย่านเสียงกลาง มีความกว้างมากกว่า LOW และ HI มาก และเป็นช่วงที่ Sensitve ต่อหูคนเรามากที่สุด
เป็นช่วงที่เสียงคนร้องกับเสียงดนตรีทุกชนิด มีย่านความถี่ทับกันหรือขี่กันมากที่สุด
เมื่อบังเอิญมาขี่กัน เสียงเพลงที่ได้ยินจะมัว ไม่แจ่มชัดเจน ทำให้ขาดความเป็น hifidelity (เสียงแท้จริงเป็นธรรมชาติ)
ช่องนี้จึงเพิ่ม ปุ่มสีขาวขึ้นมาสำหรับปรับตั้ง ย่านความถี่ ได้ครับ ไม่ Fix ตายตัว
(http://image.free.in.th/z/ic/r1150598.jpg) (http://pic.free.in.th/id/0346269e3d29fba15520860f69bb5a19)
ในนี้ให้สามารถปรับได้ตั้งแต่ 100 - 8000 Hz ( เป็นช่วง กลางต่ำ กลาง กลางสูง )
ซึ่ง ณ จุดนี้เวลาปรับจูนเสียงคนร้องก็ต้องมาดูว่า เป็นผู้ชายหรือผู้หญิงร้อง
ไมค์ให้โทนเสียงไปทางไหนมาก สมมุติเสียงนักร้องผู้ชายที่มีเสียงค่อนข้างทุ้มหนา ใช้ไมค์ชัวร์ 58 ซึ่งออกหนาอ้วน
ก็ต้องตั้งความถี่ให้สูงกว่า 1000 Hz หน่อย แล้วมา Cut/Boot ที่ปุ่ม MID จนฟังดูดีหรือได้ยินเสียงร้องชัดเจนที่สุด
ลองตั้งหลายความถี่ที่ปุ่มขาวนี้ และ Cut/Boot จนพอใจนะครับ เสร็จแล้วก็จำไว้ว่าจุดนี้สำหรับนักร้องคนนี้
อยู่ที่หูของท่านทั้งหลายละครับ ต้องฝึกต้องทดลองฟังด้วยตัวเองจนชำนาญ
เมื่อได้จุดที่ต้องการ เสียงร้องของคนจะลอยนำหน้าเสียงดนตรี และจะลดการขี่ทับกันได้อย่างน่าประหลาดใจ
เวลามิกซ์ออกมาโดยมีเอฟเฟคมาเชื่อมกับเสียงดนตรี ก็จะกลายเป็นเพลงที่ไพเราะสมบูรณ์แบบครับ
-
อยากทราบการปรับใช้กับเสียงร้องในส่วน q 4 ตัวนี้ครับ
ส่วนปุ่มสีขาวทำหน้าที่อะไร และตรงไหนคือ Flat ครับ
:thank1: :thank1:
(http://image.ohozaa.com/i/458/7ChhLq.jpg) (http://image.ohozaa.com/view2/w5sVcNX5V9kwsoOA)
จากข้างบนคงพอเข้าใจนะครับ
และคำว่า FLAT นั้นหมายถึงเสียงในย่านความถี่ที่มนุษย์ได้ยิน คือ ย่านต่ำ ย่านกลาง ย่านสูง
ณ จุดนั่งฟังหรือจุดที่สำหรับฟังในสถานที่แห่งนั้น ได้ยินอย่างสมดุลด้วยความดังเท่าทัดเทียมพร้อมกันทุกย่านความถี่
ซึ่งการปรับจูนยากมาก ต้องชำนาญจริง และต้องฝึกฝนไปเรื่อยจะเก่งขึ้นครับ
ดังนั้นจุดที่ FLAT จึงบอกมิได้ว่าตั้งตรงไหนครับ ไอ้ที่ตั้งตรงกลางกันนั้นป็นเพียงจุดสมมุติที่ให้มาจากโรงงาน
เป็นจุดมาตรฐานที่วัดจากห้องที่มีมาตรฐานในการฟังเพลงครับ
-
EQ ส่วนนี้เรียกว่า กราฟฟิคอีคิวนะครับ ทุกท่านคงคุ้นตาอยู่แล้ว
(http://image.free.in.th/z/ia/r1150610.jpg) (http://pic.free.in.th/id/01084f2c344ae4f4a40aabf647efd870)
เรื่องของอีคิวสามารถเขียนเป็นเล่มหนาปึ๊กเลยครับ จนเป็นที่กล่าวกันว่า ไม่มีไม่ใช้ดีกว่า เพราะมีแล้วปรับแล้วเสียงมันแย่ลง