eXtreme Karaoke
เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงกลางแจ้ง (Public Address,Pro Audio Sound Reinforcement System) => ข้อความที่เริ่มโดย: เสริม ที่ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2014, 10:11:02 น.
-
SPL = Sound Pressure Level ของลำโพงกลางแหลมมันเป็นสิ่งที่ค้างคาใจมาค่อนข้างนานแล้วว่ามันมีความสำคัญจริงหรือไม่ ? เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคอเครื่องเสียงพีเอส่วนใหญ่มักจะเลือกหาลำโพงกลางแหลมมาใช้โดยมองไปที่ขนาดลำโพงว่ามีกี่วัตต์เท่านั้น ไม่เคยให้ความสำคัญกับค่า SPL ของลำโพงเลยจนมาไม่กี่วันมานี้ น้า Addy แห่ง Ten Years ได้โพสเรื่องดังกล่าวลงใน FB จึงนับเป็นโอกาสดี ผมจึงได้ถือโอกาสถามน้า Addy ถึงข้อสงสัยที่ค้างคาในใจมานานในที่นั้นเลย โดยมีน้าจักร์ แห่ง TTE ร่วมแจมด้วย คำถามที่ผมถามน้า Addy คือ ลำโพงกลางแหลมยี่ห้อ A ซึ่งมีภาคขยายเสียงในตัวขนาด 12 นิ้ว 2 ทาง ตู้หนึ่ง มีเครื่องขยายเสียงขนาด 1500 วัตต์ มีค่า SPL = 135db กับอีกยี่ห้อหนึ่งคือ B เป็นลำโพงลักษณะเดียวกันแต่มีกำลังภาคขยายเสียงอยู่ที่ 1000 วัตต์ มีค่า SPL = 131db คำถามก็คือ ลำโพง A จำนวน 1 ตู้ ดังกล่าวลำโพง B จำนวน 2 ตู้ใช่หรือไม่ น้า Addy ตอบว่าใช่ พร้อมทั้งยกเหตุผลประกอบว่า A จำนวน 1 ตู้ 1500 วัตต์ มีค่า SPL = 135db ส่วน B จำนวน 2 ตู้ 1000 + 1000 วัตต์ จะมีค่า SPL = 131 + 3 = 134db (การเพิ่ม พลังงาน 1 เท่า(watt 1000+1000w) ได้ความดัง +3dB) นอกจากนี้น้า Addy ยังให้ข้อคิดเพิ่มเติมว่าสู้หาลำโพงที่มีจำนวน 1 ตู้ ที่สามารถให้ความดังที่สูงกว่าลำโพงอีก 2 ตุ้จะดีกว่า หรือ หา ลำโพง ที่ให้ dB ได้สูงๆกว่า นั้นประหยัดพลังงานกว่า แถมเสียงดังกว่าด้วย ขนส่งน้อยลง ไม่ต้องขนไปเยอะๆ ใช้เวลาติดตั้งน้อยลง ขอขอบพระคุณน้า Addy แห่ง Ten Years เป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ และหวังว่าคงจะเป็นข้อมูลที่อาจใช้นำไปประกอบการพิจารณาหาลำโพงใหม่ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
-
ได้ความรู้... :thank1:
-
:th2: :thank1:
-
:happy: :D :th2: :cheer: :thank1:
-
:thank1:
-
จะกลับไปดูลำโพงที่บัาน ไม่เคยดูเลย...........ขอบคุณ ข้อมูล...... :thank1:
-
SPL = Sound Pressure Level ของลำโพงกลางแหลมมันเป็นสิ่งที่ค้างคาใจมาค่อนข้างนานแล้วว่ามันมีความสำคัญจริงหรือไม่ ?
เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคอเครื่องเสียงพีเอส่วนใหญ่
มักจะเลือกหาลำโพงกลางแหลมมาใช้โดยมองไปที่ขนาดลำโพงว่ามีกี่วัตต์เท่านั้น
ไม่เคยให้ความสำคัญกับค่า SPL ของลำโพงเลย
จนมาไม่กี่วันมานี้ น้า Addy แห่ง Ten Years ได้โพสเรื่องดังกล่าวลงใน FB
จึงนับเป็นโอกาสดี ผมจึงได้ถือโอกาสถามน้า Addy ถึงข้อสงสัยที่ค้างคาในใจมานานในที่นั้นเลย
โดยมีน้าจักร์ แห่ง TTE ร่วมแจมด้วย คำถามที่ผมถามน้า Addy คือ
ลำโพงกลางแหลมยี่ห้อ A ซึ่งมีภาคขยายเสียงในตัวขนาด 12 นิ้ว 2 ทาง ตู้หนึ่ง
มีเครื่องขยายเสียงขนาด 1500 วัตต์ มีค่า SPL = 135db
กับอีกยี่ห้อหนึ่งคือ B เป็นลำโพงลักษณะเดียวกันแต่มีกำลังภาคขยายเสียงอยู่ที่ 1000 วัตต์ มีค่า SPL = 131db
คำถามก็คือ ลำโพง A จำนวน 1 ตู้ ดังกล่าว ลำโพง B จำนวน 2 ตู้ใช่หรือไม่
น้า Addy ตอบว่าใช่ พร้อมทั้งยกเหตุผลประกอบว่า A จำนวน 1 ตู้ 1500 วัตต์ มีค่า SPL = 135db
ส่วน B จำนวน 2 ตู้ 1000 + 1000 วัตต์ จะมีค่า SPL = 131 + 3 = 134db (การเพิ่ม พลังงาน 1 เท่า(watt 1000+1000w) ได้ความดัง +3dB)
นอกจากนี้น้า Addy ยังให้ข้อคิดเพิ่มเติมว่าสู้หาลำโพงที่มีจำนวน 1 ตู้ ที่สามารถให้ความดังที่สูงกว่าลำโพงอีก 2 ตุ้จะดีกว่า
หรือ หา ลำโพง ที่ให้ dB ได้สูงๆ กว่า นั้น
ประหยัดพลังงานกว่า แถมเสียงดังกว่าด้วย ขนส่งน้อยลง ไม่ต้องขนไปเยอะๆ ใช้เวลาติดตั้งน้อยลง
ขอขอบพระคุณน้า Addy แห่ง Ten Years เป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ และหวังว่าคงจะเป็นข้อมูลที่อาจใช้นำไปประกอบการพิจารณาหาลำโพงใหม่ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
ผมยัง เป็น งง อยากให้ท่านอาจารย์เสริมขยายความอีกหน่อย
พอดีผมกำลังคิดโปรเจ็กเล็กๆ เล่นอยู่ครับผม
-
ผมไม่เข้าใจที่ป๋ามะละกองงครับ งั้นยกตัวอย่างอย่างนี้แล้วกัน มีลำโพงแอคทีพใบหนึ่งมีภาคขยายเสียง 1000 วัตต์ ให้ spl = 100db หากหาลำโพงขนาดเดียวกันมาเพิ่มอีก 1 ตู้ ค่า spl รวมของลำโพงทั้งสองตู้จะเป็น 100+3 = 103db ครับ นั่นคือเพิ่มจำนวนขึ้นอีก 1 เท่า จะได้ความดังเพิ่มขึ้นอีก 3 db ครับ
-
SPL = Sound Pressure Level ของลำโพงกลางแหลมมันเป็นสิ่งที่ค้างคาใจมาค่อนข้างนานแล้วว่ามันมีความสำคัญจริงหรือไม่ ? เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาคอเครื่องเสียงพีเอส่วนใหญ่มักจะเลือกหาลำโพงกลางแหลมมาใช้โดยมองไปที่ขนาดลำโพงว่ามีกี่วัตต์เท่านั้น ไม่เคยให้ความสำคัญกับค่า SPL ของลำโพงเลยจนมาไม่กี่วันมานี้ น้า Addy แห่ง Ten Years ได้โพสเรื่องดังกล่าวลงใน FB จึงนับเป็นโอกาสดี ผมจึงได้ถือโอกาสถามน้า Addy ถึงข้อสงสัยที่ค้างคาในใจมานานในที่นั้นเลย โดยมีน้าจักร์ แห่ง TTE ร่วมแจมด้วย คำถามที่ผมถามน้า Addy คือ ลำโพงกลางแหลมยี่ห้อ A ซึ่งมีภาคขยายเสียงในตัวขนาด 12 นิ้ว 2 ทาง ตู้หนึ่ง มีเครื่องขยายเสียงขนาด 1500 วัตต์ มีค่า SPL = 135db กับอีกยี่ห้อหนึ่งคือ B เป็นลำโพงลักษณะเดียวกันแต่มีกำลังภาคขยายเสียงอยู่ที่ 1000 วัตต์ มีค่า SPL = 131db คำถามก็คือ ลำโพง A จำนวน 1 ตู้ ดังกล่าวลำโพง B จำนวน 2 ตู้ใช่หรือไม่ น้า Addy ตอบว่าใช่ พร้อมทั้งยกเหตุผลประกอบว่า A จำนวน 1 ตู้ 1500 วัตต์ มีค่า SPL = 135db ส่วน B จำนวน 2 ตู้ 1000 + 1000 วัตต์ จะมีค่า SPL = 131 + 3 = 134db (การเพิ่ม พลังงาน 1 เท่า(watt 1000+1000w) ได้ความดัง +3dB) นอกจากนี้น้า Addy ยังให้ข้อคิดเพิ่มเติมว่าสู้หาลำโพงที่มีจำนวน 1 ตู้ ที่สามารถให้ความดังที่สูงกว่าลำโพงอีก 2 ตุ้จะดีกว่า หรือ หา ลำโพง ที่ให้ dB ได้สูงๆกว่า นั้นประหยัดพลังงานกว่า แถมเสียงดังกว่าด้วย ขนส่งน้อยลง ไม่ต้องขนไปเยอะๆ ใช้เวลาติดตั้งน้อยลง ขอขอบพระคุณน้า Addy แห่ง Ten Years เป็นอย่างสูงมา ณ โอกาสนี้ และหวังว่าคงจะเป็นข้อมูลที่อาจใช้นำไปประกอบการพิจารณาหาลำโพงใหม่ได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
ผมเข้าใจว่าท่านมะละกอคงจะงงกับคำนี้ ดังกล่าว ที่ผมทำแดงไว้ และผมเข้าใจว่า จขท.น่าจะสื่อว่า ดังกว่า :flower:
-
ผมไม่เข้าใจที่ป๋ามะละกองงครับ งั้นยกตัวอย่างอย่างนี้แล้วกัน มีลำโพงแอคทีพใบหนึ่งมีภาคขยายเสียง 1000 วัตต์ ให้ spl = 100db หากหาลำโพงขนาดเดียวกันมาเพิ่มอีก 1 ตู้ ค่า spl รวมของลำโพงทั้งสองตู้จะเป็น 100+3 = 103db ครับ นั่นคือเพิ่มจำนวนขึ้นอีก 1 เท่า จะได้ความดังเพิ่มขึ้นอีก 3 db ครับ
ครับ หาย งง แล้ว
ที่ งง เพราะคำนี้นะครับ SPL
เพราะที่ผมเข้าใจในเรื่องของ Decibel Scale มันก็คล้ายกันอย่างนี้แหละ
สงสัยผมรู้ไม่แจ้ง เลย เป็นงง ครับ
-
ตู้ A มีกำลังขยาย 1500w ได้ SPL 135dB max.
ตู้ B มีกำลังขยาย 1000w ได้ SPL 131dB max.
ตู้สองรุ่นนี้มีค่า Sensitivity SPL 1w/1m ต่างกันอย่างไร? สามารถคำนวณจากสูตรได้ดังนี้
SPL Peak = (10*(log Peak power)) + 1W/1m rating SPL
1W/1m rating SPL = SPL Peak - (10*(log Peak power))
ตู้ A Sensitivity SPL = 135 - 31.76 = 103.24dB 1w/1m
ตู้ B Sensitivity SPL = 131 - 30.00 = 101.00dB 1w/1m
ดังนั้นตู้ A สเปคสูงกว่าทั้งค่า Sensitivity SPL และมีภาคขยายในตัวที่กำลัง W สูงกว่า ตู้ B ครับ เรียกว่ากินขาดตั้งแต่ในมุ้งในเรื่องความดัง แต่โทนเสียงต้องลองฟังก่อนครับ เพราะความดังไม่ได้หมายถึงความไพเราะเสมอไป ดังกว่าแต่เสียงอาจจะห่วยกว่าก็เป็นไปได้ครับ
:love2:
-
ขอบคุณครับ ถึงจะงงบ้าง แต่ก็ได้ความรู้ขึ้น
-
แบบนี้ลำโพงBOSE802 น่าจะเสียเปรียบทางด้านความดังกับ YAMAHA DXR112
amplifier power Maximum output level (1m; on axis) 132dB SPL
240W minimum, 480W maximum
Sensitivity
Full-range, 91dB-SPL (1W, 1m)
แบบนี้ถูกมั๊ยครับ
-
bose 802II spl peak อยู่ที่ 123db ดังนั้นความดังสูงสุดจึงสู้ dxr ซึ่งมี spl peak อยู่ที่ 132db ไม่ได้อยู่แล้วครับ ผมเองก็เล่นโบส 802 II ในบ้าน 1 คู่ และก็เล่นติดต่อกันมานานเกินกว่า 7-8 ปีแล้วด้วย โดยกัดฟันเปลี่ยนดอกลำโพงทั้ง 16 ดอกใหม่หมด ผลที่ได้ทุกคนที่มาฟังชุดของผมยืนยันเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าเป็นโบส 802 ที่เสียงดีที่สุดเท่าที่ทุกคนได้เคยฟังมา ผมเองก็กล้ายืนยันว่าลำโพงฟูลเร้นท์ในห้องขนาด 4x7 เมตร เท่าที่ผมเคยนำมาใช้ราคาคู่ละไม่เกิน 8-9 หมื่นบาทยังไม่มีคู่ไหนเล่นคาราฯ ฟูลเร้นท์ได้ดีกว่าโบสเลย ดั้งนั้นโบสจึงเหมาะสำหรับบริเวณที่เป็นที่ปิดหรือเปิดแต่ไม่กว้างมากนัก ส่วน dxr เหมาะสำหรับใช้งานที่เป็นบริเวณพื้นที่เปิดโล่งและสามารถยิงเสียงไปได้ไกลและดังกว่า
-
ได้ความรู้คับ
:thank1:
-
bose 802II spl peak อยู่ที่ 123db ดังนั้นความดังสูงสุดจึงสู้ dxr ซึ่งมี spl peak อยู่ที่ 132db ไม่ได้อยู่แล้วครับ ผมเองก็เล่นโบส 802 II ในบ้าน 1 คู่ และก็เล่นติดต่อกันมานานเกินกว่า 7-8 ปีแล้วด้วย โดยกัดฟันเปลี่ยนดอกลำโพงทั้ง 16 ดอกใหม่หมด ผลที่ได้ทุกคนที่มาฟังชุดของผมยืนยันเป็นเสียงเดียวกันหมดว่าเป็นโบส 802 ที่เสียงดีที่สุดเท่าที่ทุกคนได้เคยฟังมา ผมเองก็กล้ายืนยันว่าลำโพงฟูลเร้นท์ในห้องขนาด 4x7 เมตร เท่าที่ผมเคยนำมาใช้ราคาคู่ละไม่เกิน 8-9 หมื่นบาทยังไม่มีคู่ไหนเล่นคาราฯ ฟูลเร้นท์ได้ดีกว่าโบสเลย ดั้งนั้นโบสจึงเหมาะสำหรับบริเวณที่เป็นที่ปิดหรือเปิดแต่ไม่กว้างมากนัก ส่วน dxr เหมาะสำหรับใช้งานที่เป็นบริเวณพื้นที่เปิดโล่งและสามารถยิงเสียงไปได้ไกลและดังกว่า
ขอเรียนสอบถามท่านอาจารย์เสริมครับ กรณีใช้ในงานประชาสัมพันธ์กลางแจ้ง BOSE802คงไม่เหมาะใช่มั๊ยครับ หันไปเล่นพวกSPLสูงๆจะได้เปรียบมากกว่าใช่มั๊ยครับ เช่น YAMAHA DXR --AJX715-- JBL EON--- JRX115
-
พื้นที่กว้างๆ และใช้ลำโพงจำนวนน้อยคงต้องใช้ตู้ dxr jrx aj markwell ขนาด 12 หรือ 15 นิ้ว โดยเฉพาะ aj 528 หรือ markwell 2208 ขนาดกระทัดรัดดีและเสียงชัดมาก สำหรับโบสต้องใช้จำนวนมากและต้องลงทุนสูงมาก ซึ่งระยะหวังผลของ 802 ประมาณ 15 เมตร แต่หากสแต๊ก 2 ใบ (ซ้อนกัน) ก็อาจได้ราวๆ 30 เมตร กรณีนี้จึงน่าใช้ตู้ที่กล่าวมาข้างต้นมากกว่า โดยหากไม่ต้องการมิดโลว์มากมายนักก็เลือกรุ่น 8 นิ้ว 2 ดอก จะชัดและกระทัดรัดดีมาก
-
ขอเรียนสอบถามท่านอาจารย์เสริมครับ กรณีใช้ในงานประชาสัมพันธ์กลางแจ้ง BOSE802คงไม่เหมาะใช่มั๊ยครับ หันไปเล่นพวกSPLสูงๆจะได้เปรียบมากกว่าใช่มั๊ยครับ เช่น YAMAHA DXR --AJX715-- JBL EON--- JRX115
ความจริงมัน็ได้ทั้งนั้นครับ กลางแจ้ง802 เขาก็เหมาะครับกับงานประกาศงานพูดงานบรรยาย หรือดนตรีสบายๆ
-
ความจริงมัน็ได้ทั้งนั้นครับ กลางแจ้ง802 เขาก็เหมาะครับกับงานประกาศงานพูดงานบรรยาย หรือดนตรีสบายๆ
ก็ถูกต้องครับหมอนพ เพียงแต่จะให้ดังเท่ากันต้องใช้จำนวนมากกว่าตู้ที่ SPL สูงกว่า ซึ่งก็จะเป็นไปตามกฎในเรื่องของ SPL ครับ กล่าวคือ
1.การเพิ่มจำนวนทุก 1 เท่าจะได้ SPL เพิ่มขึ้น +3dB และ
2.ทุกระยะทางที่เพิ่มขึ้น 1 เท่า SPL จะลดลง -6dB
ตรงนี้ผมพูดถึงเรื่องความดัง หรือ SPL อย่างเดียวนะครับไม่เกี่ยวกับความไพเราะ อิิอิ
:love2:
-
:th2: :th2: :th2:
-
ก็ถูกต้องครับหมอนพ เพียงแต่จะให้ดังเท่ากันต้องใช้จำนวนมากกว่าตู้ที่ SPL สูงกว่า ซึ่งก็จะเป็นไปตามกฎในเรื่องของ SPL ครับ กล่าวคือ
1.การเพิ่มจำนวนทุก 1 เท่าจะได้ SPL เพิ่มขึ้น +3dB และ
2.ทุกระยะทางที่เพิ่มขึ้น 1 เท่า SPL จะลดลง -6dB
ตรงนี้ผมพูดถึงเรื่องความดัง หรือ SPL อย่างเดียวนะครับไม่เกี่ยวกับความไพเราะ อิิอิ
:love2:
เก้ามิล ของเฮียผมว่าดังกว่า ดอกนิดเดียว :hap3:
-
ฝากช่วยอธิบาย บรรทัดลูกศรสีแดงหน่อยครับ
(http://upic.me/i/s3/gzy11.jpg) (http://upic.me/show/49574030)
-
ฝากช่วยอธิบาย บรรทัดลูกศรสีแดงหน่อยครับ
(http://upic.me/i/s3/gzy11.jpg) (http://upic.me/show/49574030)
Frequency Response คือขอบเขตความถี่ที่ลำโพงสามารถตอบสนองได้ หูคนเราสามารถได้ยินได้ที่ความถี่ต่ำสุด 20Hz ถึงสูงสุด 20,000Hz
ดังนั้นลำโพงต้องตอบสนองครอบคลุมย่านความถี่ดังกล่าวให้กว้างที่สุดถึงจะถือว่าตอบสนองได้สมบูรณ์ครบทุกระดับความถี่ที่หูเราสามารถได้ยินได้ แต่ต้องมีเงื่อนไขว่าการตอบสนองความถี่ตลอดทั้งย่านต้องไม่ลดต่ำเกินกว่า 3dB (สเป็คจะระบุว่า -3dB) เพราะการที่ความดังเสียงลดลง 3dB หมายถึงกำลังขับขาออก ณ ความถี่ตรงนั้นจะลดครึ่งนึง เช่นรับจากแอมป์มา 1000W แต่ขับออกแค่ 500W ตามสูตร LdB1- LdB0=10log[P1/P0] แต่นั่นเป็นระดับเสียงต่ำสุดแล้วที่ยอมรับได้ ถ้าต่ำกว่า -3dB คือเสียงเบากว่านี้ ถือว่าหลุดสเป็ค ใช้อ้างอิงไม่ได้
(http://www.prosoundweb.com/images/uploads/QSCTschetterFigure1Final.jpg)
จากกราฟความสัมพันธ์ระหว่าง dBSPL กับ Frequency จะเห็นว่า ความถี่ระหว่าง 110 Hz ถึง 18kHz จะอยู่ที่ +/-3dB ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่า Flat frequency response
Total Harmonic distortion (THD) คือ ความเพี้ยนโดยรวมของสัญญาณ harmonic ทั้งหมด เทียบกับสัญาณความถี่มูลฐาน
วิธีการวัดคือ ใช้ Oscilloscope ป้อน sine wave เข้าไป แล้วเพิ่ม voltage ขึ้นไปเรื่อยๆจนเกิด ความถี่ harmonic เช่น ป้อน sine wave 1kHz เข้าไป แล้วเกิดความถี่ ที่เป็นจำนวนเท่า (Harmonic) 2kHz,3kHz,4kHz.....
(http://www.xbitlabs.com/images/multimedia/auzen-prelude71/Elite1-Elite_THD.png)
นำค่า Voltage ของความถี่ที่ได้มาคำนวนตามสูตร
(http://upload.wikimedia.org/math/d/5/4/d546b2fa7653a4e0f9669f0adc19bee7.png)
ก็จะได้ค่า THD ถ้าจะคิดเป็น % ก็เอา 100 ไปคูณ
ยิ่ง ลำโพงหรือpower amp เรามีค่า THD น้อยเท่าไร ก็จะมีความเพี้ยนน้อย
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ลำโพงที่ มีค่า THD น้อยกว่า จะเสียงเพราะกว่า THD มาก
ดังนั้น ค่า THD เป็นค่าที่บ่งบอกว่า สัญญาณ output มีความเพี้ยนจาก สัญญาณ input ต้นฉบับ ไปกี%
ส่วน sensitivity ตามที่เฮียแซมอธิบายข้างบนเลยครับ เลยครับ
sensitivity 95 dB/1m/1W หมายถึง ถ้าเราให้พลังงาน 1W ไปที่ลำโพง วัดที่ระยะ 1 เมตรจะ ได้ SPL 95 dB
Max sound level หรือ Max SPL หมายถึง เราให้ Max power ที่ลำโพงรับได้ ตามสเปคของลำโพงนี้คือ 250W จะได้ Max SPL คือ 119dB
หรือคำนวนตามสูตร
(http://image.tiggersound.com/upload/imagesMember/2013/10/17/35980_1381983715.jpg)
จะได้ Max SPL ที่ระยะ1 m = 95 + 10log[250/1]-20log(1/1)
= 95+ 10log [53x2]-20 log1
= 95 + [30 log5 + 10log2]- 0 ; log2=0.301, log5=0.7, log1=0
= 95 + 21+3
= 119 dB
-
ไม่ค่อยรู้เรื่องนี้ แต่ก็พลอยมีความรู้ไปด้วยครับ ผมรู้แค่เพียง ดังอย่างเดียวไม่พอ ต้องไพเราะด้วย ขอบคุณปรมาจารย์ ทุกท่านครับ จะศึกษาตามไปครับผม
-
:thank1:
-
ขอบคุณ ทุกท่านที่ช่วยบรรยาย น้ำใจนี้ดีมาก อย่างน้อยก็พอรู้บ้าง :thank1: :thank1:
-
มาเต็มๆเลย ความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณมากครับ ;D :thank1:
-
:97:
-
กราบขอบพระคุณครับ ความรู้ทั้งนั้นเลย :thank1: