งานดนตรีคาราโอเกะ ต่างกับการฟังเพลงในบางจุด
เสียงดนตรีจะเน้นไปเพื่อการร้องเพลง
การตัดความถี่ต่ำๆมากออกไป เช่นต่ำกว่า 35 ก็เพื่อลดการทำงานในความถี่ที่ไม่ได้มาจากเสียงดนตรี
เช่นมาจากลม จากเสียงรบกวนในห้อง
รวมถึงความถี่เรโซแน้นซ์ต่างๆที่ไม่มีผลกับการเล่นโอเกะ
งานโอเกะไม่ต้องการเสียงความถี่ต่ำที่ลึกถึง 20h ผมตัดทิ้งที่ 35hz ครับ
[/color]
งานดนตรีคาราโอเกะ ต่างกับการฟังเพลงในบางจุด
อาทิจุดไหนบ้าง เอาให้เคลียร์
การตัดความถี่ต่ำๆมากออกไป เช่นต่ำกว่า 35 ก็เพื่อลดการทำงานในความถี่ที่ไม่ได้มาจากเสียงดนตรี
เช่นมาจากลม จากเสียงรบกวนในห้อง ขอเรียกว่า เสียงรบกวน(Noise Floor) เสียงรบกวนนี้ มิได้อยู่ในทางเดินสัญญาณแอมป์ซักกะหน่อย
เป็นคนละเรื่องกับการตัดความถี่ที่ 35 Hz ลงไปครับ
การแก้ปัญหาน้อยซ์ฟลอร์คือ เพิ่มความดังเสียง PA มา กลบเสียงรบกวนภายนอก
งานโอเกะ ไม่ต้องการเสียงความถี่ต่ำที่ลึกถึง 20h ผมตัดทิ้งที่ 35hz ครับ
ดนตรีคาราโอเกะจากมีดี้ไฟล์ ณ จุดที่ชัดเจน จังหวะเร้าใจสนุกสนาน มันอยู่ที่ 200 Hz บวก ลบ
ต่ำกว่านั้นเป็นเรื่องของ ฮาร์โมนิกที่หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า ฯลฯ ที่ผมเคยเขียนถึง แต่เรียกว่า เงาเสียง
ฮาร์โมนิก เป็นองค์ประกอบของเสียง ขาดไม่ได้หรอกครับ
และด้วยโครงสร้างทางกายภาพของดอกลำโพง สมมุติ 15 นิ้ว การตอบสนองความถี่ที่ 40 - 2200 Hz
ถ้าดูกร๊าฟประกอบ มันเริ่มลาดชันลงตั้งแต่จุดที่มันลิเนียร์แล้ว
ต่อให้ไม่ตัด 35 Hz ทิ้ง ดอกลำโพงมันก็แทบไม่ตอบสนองอยู่แล้วครับ
ถึงจะตอบสนอง ความดังที่ได้มันต่ำกว่า เสียงรบกวนภายนอกเสียอีก
เพราะฉนั้น การตัดที่ 40 Hz ลงไปใน Speaker Management
มันน่าจะไม่ใช่เรื่องของการตัดความถี่เพียงอย่างเดียว
แต่มันน่าจะเป็นการ บริหารเพื่อแก้ปัญหาหลายๆ จุด เช่นเรื่องของเฟส เกน ดีเลย์ เป็นต้น
ซึ่งผมเองไม่เคยใช้ เท่าที่อ่านมา ผมยังไม่เข้าใจลึกๆ ถึงที่มาที่ไปครับ
แต่เมื่อ Speaker Management พูดถึง Cross เท่าที่อ่านเจอ เขาพูดรวม คำว่า ความลาดชัน กับ ความถี่
โอเคละว่า 2 ตัวนี้มันสัมพันธ์กัน และความสัมพันธ์ นับเนื่องมาจาก หรือต้องอ้างมาจาก
แบบของครอสฯ ซึ่งมีสามสี่แบบเช่น Butterwort , Linkwitz & Riley .....
ซึ่งผลของแบบครอสฯ มันมีเรื่อง ดีเลย์ เรื่องเฟส และตามมา
แน่นอนผลที่ตามมานี่ ในระบบเสียงพีเอขนาดใหญ่ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น
ย่อมไม่สามารถ นำเอา อนาล็อกแอ๊คทีพครอส มาใช้ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุด
มันจึงเกิดมี Speaker management ขึ้นมาใช้งาน
สำหรับผมมองว่า ลักษณะงานที่ผมเล่นอยู่ ซิสเต้มไม่ได้ซับซ้อนใหญ่โตขนาดนั้น
หรือ วงดนตรีขนาดเล็กทั่วไป มีซับ 18 นิ้วสองคู่ ลำโพงฟูลเร้นจ์ 2 คู่
ผมมองว่า Speaker Management ไม่มีความจำเป็น
ทั้งนี้เนื่องจาก ในเรื่องของดีเลย์หรือกรุ๊ปดีเลย์ ในเรื่องของเฟส
สามารถตรวจสอบด้วยหู และแก้ไขได้แบบแมนนวลได้โดยไม่ต้องพึ่ง ดิจิตอล
จิ็ว แต่ แจ๋ว ไม่อยากขี่ช้างจับตั็กแตนนะครับ