...ผมเคยเขียนเรื่องนี้ลงในเวปหนึ่งนานมาพอควร..ก็ขอเอามาเผยแพร่ในเวปนี้คิดว่าจะมีประโยชน ต่อมือใหม่ไม่มากก้น้อย..สำหรับมือโปร ก็ช่วยเสริม แนะนำมาด้วยก็จะยิ่งดีนะครับ..ขอบคุณครับ...
....เห็นมีสมาชิกมือใหม่ คนรุ่นใหม่ในวงการเครื่องเสียงหลายท่านตั้งกระทู้ขอคำแนะนำจากมือเก่า เก๋าๆ มาหลายครั้งเรื่องการปรับระบบ PA แต่ไม่มีใครเขียนให้อย่างละเอียด อ่านเข้าใจง่ายๆ ก็เลยขออนุญาตนำเสนอประสบการณ์ แบบงูๆปลาๆ เป็นแนวทางให้นำไปเป็นข้อมูลพื้นฐาน ประกอบกับความรู้ด้านอื่นๆ จากผู้รู้ท่านอื่นๆ ให้สมาชิกมือใหม่ได้นำไปใช้ให้เกิดความรู้ ความเข้าใจพื้นฐานครับ.........เมื่อตอนเล่นระบบ PA ใหม่ๆก็ไม่รู้เรื่องอะไร ปรับไปเรื่อย จนพลาดพรั้งให้มีอาการพีค จนดอกลำโพง โดยเฉพาะลำโพงเสียงกลางพังไปเป็นสิบๆใบแล้ว....จนตอนหลังมาได้ไปดู ปรึกษา พูดคุย สอบถาม ไปดู ไปฟังระบบหน้างานจากผู้รู้หลายท่าน รวมทั้งอ่าน เรียนรู้จากแหล่งต่างๆมาอย่างมากมาย โชกโชน จนเข้าใจและสามารถเล่นได้ในระดับหนึ่งแล้ว ก็อยากเอาความรู้อันน้อยนิดที่มีมาแนะนำให้คนที่ไม่เข้าใจ คนเล่นมือใหม่ๆ ให้เข้าใจง่ายๆ แบบลูกทุ่งๆ ไม่ใช้ภาษาวิชาการ .....สรุปให้ง่ายๆว่า ในมิกเซอร์จะมีหลักๆคือ
- ปุ่ม Gain คือการปรับ”ขยาย “ สัญญาณเสียงจากแหล่งต่างๆ เช่น CD -DVD - Com -ไมค์-เทป -ซาวด์โมดูล -กลองอีเลคโทรนิค -อีเลคโทน -คีบอร์ด ฯลฯ ที่เข้าในไลน์มิกซ์แต่ละช่องให้ "แรง" มากขึ้น..ไม่ได้หมายความว่าทำให้ “ ดัง” ขึ้น..แต่ เมื่อเร่ง ปุ่ม Gain แล้วเสียงดังขึ้นเพราะเป็นการเร่งสัญญาณให้ “ แรง” ขึ้นทำให้เสียงดังขึ้นไปนั่นเอง ...อันนี้ฟัง อ่านแล้วจะสับสนหน่อย จะเข้าใจยากหน่อย ต้องค่อยๆคิด ทำความเข้าใจนะครับ.
.......ผลเสียของการเร่งปุ่ม Gain มากๆเกินไปคือจะทำให้เสียงเพลง ดนตรี แตกพร่า เพี้ยน ...เสียงไมค์มีการหวีด หอน ฮัม และจะทำให้ไฟลีด PLF ในมิกซ์ขึ้นไปจนแดงแจ๋ ไฟพีคในมิกเซอร์แดง และจะทำให้มีมีอาการคลิปที่พาวเวอร์..ถ้าพาวเวอร์คลิปไฟแดงติดต่อกันยาวนาน จะทำให้ไฟ DC แลบออกไปตามสัญญาณสู่ลำโพง ทำให้ไหม้ วอยยซ์ขาด...
- สไลด์วอลลุ่มในไลน์มิกเซอร์ เป็นอุปกรณ์สำหรับการปรับ “เร่ง “ สัญญาณเสียงที่เข้ามาในแต่ละช่องให้ " ดัง" มากขึ้น
- มาสเตอร์วอลลุ่ม เป็นการปรับ “ เร่ง” ให้สัญญาณทั้งหมดที่เข้ามาในมิกซ์ ให้ “แรง” และ ” ดัง” มากขึ้นไปสู่ระบบปรุงแต่งเสียง เช่น EQ- Cross- com Gate และไปสู่ระบบขยายเสียงคือพาวเวอร์แอมป์
- ปุ่มปรับ EQ ในไลน์ ก็ใช้ปรับเพิ่มลดเสียง Low Mid Higth ธรรมดาออก
- ปุ่ม AUX ใช้ ปรับเล่น FX นอกและแยกเสียงต่างๆไปเข้าระบบอื่น
....การปรับหน้า Pa ทั้งระบบ
จะบอกเป็นขั้นตอนให้ทำกันง่ายๆ ใช้ภาษาง่ายๆเหมือนที่ผมได้รับคำแนะนำมาดังนี้ครับ..
1. เมื่อต่อระบบแล้ว เปิด เครื่องทุกชิ้น แล้วทำดังนี้
- พาวเวอร์แอมป์เร่งวอลลุ่มจนสุดทุกตัว ทั้งขับ low mid hight
- มิกซ์ปรับ EQ ในไลน์มิกซอร์ทุกตัวเป็น 0 ( ถ้ามิกเซอร์มี EQ ด้วยให้ปิดหรือปรับเป็น Flat หมด )
- เร่งมาสเตอร์วอลลุ่มมิกเซอร์ไปที่ 0
- ปรับปุ่ม Gain ในมิกเซอร์ไปที่ค่ามาตรฐาน ซึ่งจะมีเครื่องหมายที่กำหนดมาในมิกเซอร์ บางยี่ห้อเป็นเครื่องหมายรูป U บางยี่ห้อเป็นรูป สามเหลี่ยม
- ปรับปุ่มเร่ง EQ เป็น 0 ปรับสไลด์ เป็น Flat
- ปรับปุ่ม Input + level ของ cross เป็นตรงกลาง
2. หาแผ่นเพลงที่เสียงดีที่สุด ชัดเจน มีชิ้นดนตรีมากๆ เสียงร้องดีๆ ชัดๆ หรือแผ่นซาวด์เช็คมาเปิด ต่อเคื่อง DVD หรือ CD หรือจะใช้คอมพิวเตอร์ก้ได้ โดยต่อข้างซ้ายเข้าไลน์มิกเซอร์ 1 ข้างขวาเข้าไลน์มิกเซอร์ 2
- เร่งสไลด์วอลลุ่มในไลน์มิกเซอร์จนได้เสียงดังตามที่ต้องการแล้ว
- ให้มาปรับที่ crossover ก่อนโดยการปรับปุ่ม Level ของ Low mid hight ของ cross ให้เสียง Low mid hight ออกมาให้ดังสมดุลพอดีกัน ไม่ขาด ไม่ล้น เสียงใดเสียงหนึ่งดังมากเกินไป จะไปกลบเสียงอิ่นๆ หรือเบาเกินไป ..โดยการปรับแล้วเดินไปฟังด้านหน้าตู้ลำโพง ทั้งอยู่ใกล้ๆ หรืออยู่ไกลๆตู้ลำโพง แล้วกลับมาปรับหลายๆครั้งให้เสียงทุกเสียงดังออกมาดังพอดี สมดุลกัน..
- เมื่อได้เสียงดัง พอดี สมดุลย์กัน ไม่มีเสียง Low mid hight เสียงใดเสียงหนึ่งเบา หรือดังมากเกินไปแล้ว ก็มาปรับที่ปุ่ม ปรับความถี่ของ Low mid และ Mid hight จนได้เสียง Low หนักแน่น นุ่มนวล เสียง Mid ที่โปร่ง หวาน กังวาน ชัดเจน Hight ที่สดใส ชัดเจน ฯลฯ อันนี่ก็ต้องใช้วิธีการปรับแล้วเดินไปฟังหน้าตู้ ทั้งใกล้ และไกล หลายครั้ง หลายรอบอีกนั่นแหละ มันจะขึ้นอยู่ที่ฝีมือ การฟัง หู ความต้องการของแต่ละคนอีกนั่นแหละ เมื่อปรับได้จนลงตัว พอใจแล้ว มือใหม่ๆ คนที่ไม่เก่งก็อย่าได้ไปยุ่งกับ crossover อีก ให้ตั้งไว้ตายตัวเลย ไม่ว่าจะใช้อะไร งานสถานที่อย่างไร เพราะถือว่า Set ได้พอดีแล้ว
- ขั้นตอนต่อไป ก็ให้ปรับแต่งที่ EQ ช่วยจนได้เสียงที่คิดว่าลงตัว ดีที่สุดแล้ว แต่ถ้าปรับ EQ แล้วเสียงแย่ลง ก็แสดงว่าการปรับแต่งเฉพาะที่ Crossoverลงตัวพอดีแล้วก็ไม่ต้องปรับแต่ง EQ อีกให้ตั้งไว้ที่ Flat ได้เลย.....EQ นี้ในระบบงาน PA ส่วนมากจะใช้ในการ Cut เสียงที่โด่งเกินไปลง ....แต่ไม่ได้หมายความว่าการใช้งาน EQ ที่ถูกจะต้อง cut ลงอย่างเดียวนะครับ EQ สามารถที่จะยกขึ้นได้เมื่อเสียงความถี่ใดความถี่หนึ่งขาดหายไปไม่เป็นไปตามที่ต้องการก็สามารถยก EQ ช่วยได้ ...และ EQ จะไม่ตั้งไว้ถาวร สามารถปรับได้ตามที่ต้องการ ตามสถานะการณ์ แต่ถ้าไม่คล่อง ไม่เก่ง มือใหม่ๆ ก็ให้ตั้งไว้ให้มาตรฐานและพยายามอย่าไปยุ่งกับมัน
- ต่อไป ก็มาถึงการปรับใช้มิกซ์ ปุ่มมาสเตอร์ให้ให้ตั้งไว้ที่ 0 ตลอด ปุ่มสไลด์วอลลุ่มในไลน์แต่ละช่อง สามารถปรับเร่งเสียงได้ตามต้องการไม่จำกัด จนบางครั้งสุดรางก็ได้ ถ้าเสียงไปพร่า เพี้ยน
- ปุ่ม Gain ให้ตั้งไว้ไม่เกิน ค่ามาตรฐานที่เขากำหนดมาโดยมีเครื่องหมายตามที่กล่าวมาแล้วไว้ให้ ..แต่ก็สามารถปรับเร่งขึ้นไปได้ในกรณีที่สัญญาณที่เข้ามาเบาเกินไป เร่งวอลลุ่มสไลด์มากๆแล้วเสียงยังเบาอยู่..แต่ก็ต้องระวังถ้าเร่ง Gain มากๆอาจจะเกิดเสียงหวีด หอน ฮัม ถ้ามีเสียงเหล่านี้ต้องรีบลด Gain ลงทันทีจนเสียงหวีด หอน ฮัม หายไป หรืออาจจะเกิดการ Peak ที่มิกซ์ ซึ่งจะเห็นไฟแดงที่ไลน์มิกเซอร์สว่างขึ้น นั่นแสดงว่าสัญญาณที่เข้ามามากแรง มากเกินไปแล้ว ก็ต้องปรับลด Gain ลง......วิธีที่ดีที่สุดคือใช้การเร่งปุ่มสไลด์วอลลุ่มเป็นหลักก่อนถ้าเสียงยังเบาไปถึงจะมาเร่งปุ่ม Gain ช่วยอีกที
- ปุ่ม EQ ในไลน์ ปรับได้อิสระตามความพอใจ ความต้องการ ความเหมาะสม
- EQ ในเครื่องมิกเซอร์ที่มีบางรุ่น ให้ปิด หรือปรับเป็น Flat เมื่อใช้ EQ นอกเพราะไม่อย่างนั้นมันจะเหมือนมีปรี ซ้อนปรีเสียงความถี่ต่างๆจะล้นมากเกินไปรบกวนกัน จนบางครั้งเสียงเพี้ยน และปรับยากมาก...
...เมื่อปรับเสร็จแล้วก็ทดลองใช้แหล่งกำเหนิดเสียงแบบอื่นๆ เช่นคอม ฯ เปิดทั้งเพลงฟัง+คาราโกะ หรือแผ่น CD-DVD ฯลฯ มาเปิดสลับกันไปมา แล้วทดลองฟังด้านหน้า ใกล้+ไกล และปรับมิกซ์ ระบบไปจนคิดว่าลงดัวที่สุดแล้ว พอใจที่สุดแล้ว ก็ถือว่าการปรับระบบหน้า PA เสร็จสิ้นแล้ว..
******.....ก็เป็นการแนะนำอย่างคร่าวๆ ให้เข้าใจง่ายๆ สมาชิกรุ่นใหม่ มือใหม่ก๋ลองเอาไปทดลอง ฝึกปรับกันดูนะครับ..
****...... จำกันง่ายๆว่าการปรับระบบหน้า PAกับการปรับระบบการใช้งานแตกต่างกันนะครับ..
......1....การปรับระบบหน้า PA คือการปรับตั้งระบบเมื่อสร้างระบบใหม่หรือ เพิ่ม เปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ๆแรกสุดให้ตั้งปุ่มปรับทุกอย่างเป็นกลางหมดทั้ง Cross - EQ - Mixer ต่อมาปรับแต่งระบบของอุปกรณ์ต่างๆตามลำดับก่อนหลังคือ
.1.. Cross 2. EQ 3. Mixer
....2....การปรับระบบขณะใช้งาน หรือเรียกว่า ซาวด์เช็ค เป็นการปรับขณะออกงานในสถานที่ต่างๆ จะต้องมีการปรับอีกครั้งให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ( สถานการณ์เช่นเสียงคนร้องเพลง พูด ต่างกันบางคนดัง บางคนเบา บาง
คนเสียงบี้ แหลม บางคนเสียงทุ้ม ฯลฯ ) และสถานที่ เช่นที่สนามโล่งแจ้ง สนามแคบๆ สนามกว้างๆ ในห้องแคบๆ ในหอประชุม ขนาดต่างๆ ในฮอลล์ใหญ่ๆ ฯลฯ ซึ่งในสถานที่ที่แตกต่างกันระบบจะแตกต่างกัน ดังนั้นจะต้องปรับระบบให้เหมาะสมกับสถานที่..การปรับระบบเมื่ออกงาน หรือซาวด์เช็ค จะปรับตามลำดับหน้าหลังคือ
1..Mixer 2. EQ 3. crossover ( ส่วนมากCross จะไม่ค่อยไปยุ่งกับมันเพราะตอนปรับ PA ถือว่าลงตัวที่สุดแล้ว)
..........สิ่งที่สำคัญที่สุด ยากที่สุดในการปรับระบบ ให้เสียงออกมาดีที่สุดคือ ความรู้ ความเข้าใจในเรื่องเสียง การฟังเสียงออก ฟังเสียงเป็น และความรู้ความเข้าใจในการปรับเพิ่ม ลด ปุ่มความถี่ต่างๆ ทั้ง EQ ในไลน์ - EQ นอกมิกเซอร์ และ crossover ( รวมทั้งการปรับใช้ FX ทั้งนอกและในมิกเซอร์ +Gate compressor ด้วย)ให้เสียงออกมาดีที่สุด กลมกลืน ลงตัวที่สุดทั้งภาคดนตรี ภาคไมค์ทั้งการร้อง การพูด...เรียกคนปรับระบบว่า ซาวด์เอ็นจิเนียร์ ซึ่งคนที่เก่งๆจะมีน้อย เพราะจะต้องเป็นพวก “ หูทอง” ฟังออก ฟังเก่ง เข้าใจระบบ รู้จักอุปกรณ์การใช้อุปกรณ์ทำให้สามารถปรับระบบเพิ่ม ลดปุ่ม EQ ปุ่มความถี่ ความดังต่างๆได้ดี ได้เก่ง ลงตัว...คนที่เคยเล่นเครื่องเสียงในบ้านระดับไฮเอนด์มาก่อนจะได้เปรียบเรื่องนี้ ...ขอบคุณครับ..