ผู้เขียน หัวข้อ: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD  (อ่าน 21640 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เสริม

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ระดับ 3
  • **
  • กระทู้: 239
  • HL-54902934
ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« เมื่อ: วันที่ 30 กันยายน 2011, 15:04:47 น. »
                ก่อนอื่้นผมต้องขอออกตัวก่อนว่าตนเองไม่ได้มีความรู้หรือเชี่ยวชาญตามหัวข้อที่ตั้งสักเท่าไร แต่ได้ทราบว่าสมาชิกหลายท่านมีความสนใจจะมาเล่น HD และหาข้อมูลไม่ค่อยได้ จึงขอเสนอตนเองมาแนะนำให้ข้อเสนอแนะสำหรับมือใหม่ ส่วนมือเก่าหลายท่านชำนาญอยู่แล้ว จึงอาจไม่มีประโยชน์ใด ๆ   ผมอยากเล่าความเป็นมาของ HD ตั้งแต่เริ่มแรกที่ผมติดตามมาโดยลำดับ ดังนี้ เดิมนั้นการดูหนังส่วนใหญ่มีความละเอียดอยู่ที่ 480p ก็คือดูผ่านดีวีดีนั้นเอง ต่อมาการพัฒนาจอภาพ (ทีวี) ได้ก้าวหน้าไปยิ่งขึ้น จนมาถึงจุดเริ่มต้นของ HD อันหมายถึงหนังที่มีความละเอียดตั้งแต่ 720p หรือ 1080i ขึ้นไป ตอนเริ่มต้น HD นี่เอง อุปกรณ์ต่าง ๆ มีราคาสูงมาก ผมจำได้ว่าการ์ดจอภาพของ ati 1650x ผมซื้อเพื่อจะนำมาใช้ดูหนัง HD ราคาอยู่ที่ 6-7 พันบาท แถมเวลาดูหนังยังแถมการกระตุกให้เห็นด้วย จอ LCD เริ่มแรกที่รองรับ HD มีเพียง 2-3 ยี่ห้อเท่านั้น หากเป็นค่ายญี่ปุ่นไม่ต้องพูดถึงเลย ขนาด 32 นิ้ว ราคาอย่างต่ำต้องเลข 6 หลักขึ้นไป ส่วนผมเองก็บ้าตามกระแส HD กับเขาด้วย จึงกัดฟันซื้อจอ LCD ขนาด 32 นิ้ว ของ BenQ ซึ่งมีราคาต่ำสุดของจอ HD ขณะนั้น ด้วยราคาถึง 63000 บาท ได้ใช้จอดังกล่าวเพียงข้ามปี ยี่ห้อต่าง ๆ ได้ระดมออกจอ LCD  HD อย่างมากมาย จนทำให้ราคาจอ LCD ที่ผมใช้ล่วงลงอย่างน่าใจหาย เมื่อจอ HD เต็มตลาด ก็เริ่มพัฒนาเป็น Full HD อันหมายถึงความละเอียดที่ 1080p ซึ่งเป็นค่าความละเอียดสูงสุดที่มีอยู่ในขณะนี้ โดยมีจอทั้งหมด 3 ชนิดด้วยกัน คือ  1.Plasma  2.LCD 3.LED ซึ่งสามารถรองรับความละเอียดได้ถึง Full HD และรองรับทั้ง 2มิติ (2D) และ 3มิติ (3D) เฉพาะ Plasma และ LED เท่านั้น ส่วน LCD ที่รองรับ 3D ผมยังไม่เห็น หรือท่านใดเคยเห็นก็เสนอมาได้ครับ
               ปัจจุบัน ได้มีการถกเถียงกันอย่างมากในวงการทีวีว่าอะไรดีกว่ากัน หากลำดับการเกิดขึ้นของจอทั้ง 3 ประเภท (ไม่นับจอแก้วซึ่งกำลังจะหายไปจากท้องตลาด) ต้องบอกว่า Plasma เริ่มต้นมาก่อน ตามมาด้วย LCD และ LED มาโดยลำดับ LED แม้จะเกิดมาเป็นน้องสุดท้องก็ตาม แต่ปัจจุบันกระแสนับว่าแรงและได้รับความนิยมกว่ารุ่นพี่เป็นอย่างมาก เนื่องจากได้นำจุดเด่นและข้อดีของ Plasma และ LCD มารวมกัน จึงทำให้ LED บริโภคไฟฟ้าน้อยที่สุด ยกตัวอย่างเช่น LED 3D ขนาด 60 นิ้ว บริโภคกระแสไฟฟ้าประมาณ 160 วัตต์ LCD ประมาณ 200 วัตต์ ส่วน Plasma ขนาด 64 นิ้ว ประมาณ 480 วัตต์ จึงเห็นได้ว่า Plasma กินกระแสไฟฟ้ามากกว่า LED ถึง 3 เท่าตัว หากจะถามว่ามือใหม่ควรจะเล่นอะไรดีในทัศนะของผม เดี๋ยวผมจะให้ข้อมูลเพิ่มเติมในตอนท้าย แล้วท่านก็นำไปประกอบการพิจารณาแล้วตัดสินใจอีกที แต่ตัวผมเองนั้น ตั้งแต่เริ่มเล่น HD มาจนถึงปัจจุบัน ผมมีจอ HD ที่เป็น LCD ขนาด 32 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ส่วนที่เหลืออีก 2 เครื่อง ที่เป็น Full HD  (50 นิ้ว) และ Full HD 3D (64 นิ้ว) นั้น เป็น Plasma ทั้งสิ้น  สำหรับคุณสมบัติเด่นของทีวีทั้ง 3 ชนิด ผมขอสรุปดังนี้คือ
                1. Plasma จุดเด่น เหมาะสำหรับใช้ดูหนังหรือฟรีทีวีผ่านจานดาวเทีียม ให้ความเคลื่อนไหวเป็นธรรมชาติและลื่นไหลดีที่สุด เพราะมี response time น้อยที่สุดคือ .001 ms ให้ภาพโดยรวมใกล้เคียงกับทีวีจอแก้วซึ่งถือว่าเหมาะกับการดูทีวีที่สุด ดูนาน ๆ ไม่เหนื่อยล้า อายุหลอดภาพ 100000 ชั่วโมง จุดด้อยคือ ห้องต้องควบคุมแสง กินกระแสไฟฟ้ามาก หากเปิดภาพนิ่งแช่ไว้เป็นเวลานานจะเกิดการเบิร์น (เป็นรอยที่จอภาพ) แต่รุ่นใหม่ ๆ ก็มีวงจรแก้ไขมาให้แล้ว
                2. LCD จุดเด่น สู้แสงสว่างได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับใช้ในการพรีเซ็นผลงาน เล่นเกมส์  จุดด้อย การเคลื่อนไหวไม่ธรรมชาติ ไม่เหมาะสำหรับดูหนังหรือฟรีทีวี และดูนาน ๆ เกิดความเหนื่อยล้าเนื่องจากแสงสว่างมาก อายุหลอดภาพ 60000 ชั่วโมง
                3. LED จุดเด่น สู้แสงสว่างได้ ภาพคมชัด เหมาะสำหรับเล่นเกมส์ ดูหนัง ต้นทุนในการผลิตถูกแต่ราคาขายแพงเนื่องจากได้รับความนิยม กินกระแสงไฟฟ้าน้อย จุดด้อย การเคลื่อนไหวไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ มีค่า response time  1 ms สำหรับตัวท็อป หากตัวราคาถูกจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 ms เมื่อดูนาน ๆ อาจเกิดความเหนื่อยล้าเนื่องจากแสงสว่างมากได้
                ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม หากจะใช้ดู HD 2D ขนาดเท่าไรก็ได้ แต่อย่างน้อยไม่น่าจะต่ำกว่า 42 นิ้ว แต่หากจะดู HD 3D ขนาดจอภาพต้องอย่างน้อย 55 นิ้วขึ้นไป เพราะเวลาดู 3D จริง ๆ มันคล้ายกับว่าจอภาพหดลงเล็กกว่าเดิมมาก  สำหรับค่ายเกาหลี หากต้องการดู 3D เป็นหลัก แนะนำ LG LED ซีรี 6500  หากต้องการดู 2D 3D และฟรีทีวี แนะนำ Plasma Samsung ซีรี 490 ขึ้นไป ส่วนค่ายญี่ปุ่น เนื่องจากไม่เคยสัมผัสโดยตรงจึงไม่ขอแนะนำ  หากท่านใดเป็นแฟน Samsung โปรดอดใจรอ เพราะช่วงเวลาน่าซื้อผ่านพ้นไปแล้ว และผมได้ใช้บริการมาแล้วในปีนี้ อดใจไปซื้อปีหน้าประมาณปลาย ๆ ปี แล้ว pm หาผม รับรองได้ว่าซื้อได้ในราคาที่ถูกที่สุดในโลกครับ  สำหรับข้อดีอีกข้อสำหรับทีวีรุ่นใหม่ ๆ คือ เราสามารถเสียบ usb card หรือ Ext.HD ก็สามารถเล่นหนังได้เลย ดังนั้น หากท่านซื้อทีวี 1 เครื่อง มี Ext. HD อีัก 1 ลูก มีแว่น 3 D ก็สามารถเล่น HD หรือ HD 3D ได้แล้วครับ

                
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 30 กันยายน 2011, 17:19:22 น. โดย เสริม »

ออฟไลน์ พรานทะเล

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 621
  • 4C9539A6,7EE3AD56 (MP) ,96E6BAD9
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันที่ 30 กันยายน 2011, 15:26:31 น. »
 :happy: :thank1:

ออฟไลน์ ครูภูม

  • ผู้ดูแลบอร์ด
  • ระดับ 5
  • ****
  • กระทู้: 1166
  • โทร .0867503355 Line ID 0867503355
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: วันที่ 30 กันยายน 2011, 15:30:20 น. »
 :th1: :th2: :D :happy: :thank1:

ออฟไลน์ อ๊อด สระบุรี

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 2098
  • รหัส 8E54E471(พี่อู๊ด โคจร)
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: วันที่ 30 กันยายน 2011, 15:36:47 น. »
ขอบคุณครับ...  :th2:

ออฟไลน์ พนธกร

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 240
  • 4D66AACA (ครูภูม)
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: วันที่ 30 กันยายน 2011, 17:40:45 น. »
 :thank1:

ออฟไลน์ + ค ลิ นิ ก พ ร ร ณี

  • คณะก่อการ
  • ระดับ 5
  • ***
  • กระทู้: 1240
  • HL#8F626B02/70E83B6C/6C8548B0
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: วันที่ 30 กันยายน 2011, 22:22:42 น. »
 :thank1: :th1: นับว่าได้ความรู้เพิ่มอีกมหาศาล มีบางอย่างที่ผมเข้าใจผิดมานาน..อิอิ
***ปล."..หากท่านใดเป็นแฟน Samsung โปรดอดใจรอ เพราะช่วงเวลาน่าซื้อผ่านพ้นไปแล้ว และผมได้ใช้บริการมาแล้วในปีนี้ อดใจไปซื้อปีหน้าประมาณปลาย ๆ ปี แล้ว pm หาผม รับรองได้ว่าซื้อได้ในราคาที่ถูกที่สุดในโลกครับ "

...ผมขอจองคิวแรกคับ!!!!!!!!!

ออฟไลน์ satitpong

  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 129
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: วันที่ 1 ตุลาคม 2011, 10:14:03 น. »
 :thank1: :thank1: :thank1:
ได้เปิดกะลาอีกแล้ว

ออฟไลน์ sriAROON

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 3717
  • อย่าเลื่อยขี้เลื่อย
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: วันที่ 1 ตุลาคม 2011, 10:53:42 น. »
:thank1: :thank1: :thank1:
ได้เปิดกะลาอีกแล้ว
ขอบคุณเช่นกันครับ
สำหรับผม เท่ากับว่าได้เปิด "ฝาเบียร์" อีกแล้ว
แหะๆ ผมไม่ใช่แค่ "กบในกะลา" แต่เป็น "ลูกอ้อด ในฝาเบียร์"

nimitmai

  • บุคคลทั่วไป
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: วันที่ 1 ตุลาคม 2011, 10:55:09 น. »
 :happy: :th2: :thank1:

ออฟไลน์ จุติมิวสิค

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 245
  • HL#.8C0ABECD..
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #9 เมื่อ: วันที่ 1 ตุลาคม 2011, 11:55:19 น. »
ขอบคุณมากครับ

ออฟไลน์ มนตรีซาวด์

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 812
  • HL#5CA37A87 โทร 087-2589777
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #10 เมื่อ: วันที่ 1 ตุลาคม 2011, 12:29:29 น. »
 :th2: :th2: :th2: :happy: :happy: :happy:

tukae

  • บุคคลทั่วไป
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #11 เมื่อ: วันที่ 1 ตุลาคม 2011, 14:53:07 น. »
ขอบคุณสำหรับความรู้ใหม่ ๆ จากอาจารย์เสริมครับ....

ออฟไลน์ ความรู้ท่วมหัว ใบบัวมาปิด

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 56
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #12 เมื่อ: วันที่ 1 ตุลาคม 2011, 15:25:33 น. »
ขอเพิ่มเติมจากคุณเสริมนิดนึงนะครับ

อ้างถึง ( สำหรับข้อดีอีกข้อสำหรับทีวีรุ่นใหม่ ๆ คือ เราสามารถเสียบ usb card หรือ Ext.HD ก็สามารถเล่นหนังได้เลย )
ขอเรียนว่าไฟล์หนังบางเรื่องมันไม่สามารถเล่นได้นะครับ  ขนาดผมใช้ HD PLAYER ราคาถูกหน่อย (สามพันกว่าบาท) มันยังไม่สามารถเล่นได้ทุกไฟล์เลยครับ
แต่ถ้าเป็น HD PLAYER ราคาหลักหมื่นขึ้นไปก็ OK แม้แต่ไฟล์ ISO มันยังสามารถเล่นได้เลยครับ  ทุกวันนี้ผมเล่นจากคอมฯ ด้วยโปรแกรม KMPLAYER ครับ
เล่นได้เกือบ 100% อีกประการหนึ่งเครื่องคอมฯ ต้องมีสเป็คสูงหน่อยนะครับโดยเฉพาะการ์ดจอ  ถ้าสป็คไม่ถึงเวลาเล่นภาพจะดีเลย์ คือเสียงมาก่อนภาพตามมาทีหลัง
สำหรับโปรแกรม KMPLAYER ถ้าท่านใดสนใจดาวน์โหลดได้ตามลิงค์ข้างล่างนี้ครับ
                                                                                             V
                                                                                             V

                                                                         KMPlayer_3.0.0.1441.exe
                                      http://v3.gushare.com/file.php?file=1660126bdf663cbc434158f5c8681549                         

ออฟไลน์ เสริม

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ระดับ 3
  • **
  • กระทู้: 239
  • HL-54902934
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #13 เมื่อ: วันที่ 3 ตุลาคม 2011, 18:29:16 น. »
หลังจากเลือกทีวีได้แล้ว ก็คงมาต่อที่เครื่องเล่น HD  แม้ว่าทีวีรุ่นใหม่ ๆ บางเครื่องจะเล่นหนัง HD ได้ก็ตาม แต่การเล่นโดยทีวีก็ถูกจำกัด ทำให้เล่นไฟล์บางนามสกุลไม่ได้เหมือนกับท่าน ความรู้ท่วมหัว ใบบัวมาปิด โพสไว้ เครื่องเล่น HD ในปัจจุบันมีมากมายหลายยี่ห้อ ตั้งแต่ราคา 1800 บาท ขึ้นไป จนถึงเกือบ 20000 บาท ทำให้นักเล่นมือใหม่ลำบากใจในการเลือกซื้อ ผมมีข้อแนะนำว่า ก่อนตัดสินใจซื้อเครื่องเ่ล่น ควรจะหาข้อมูลสักหน่อยว่าเครื่องยี่ห้อ/รุ่นใดที่ได้รับความนิยมและใช้กันอย่างแพร่หลาย เพราะมันเป็นสิ่งยืนยันได้อย่างหนึ่งว่าหากไม่ดีจริงคนคงจะไม่ซื้อเล่นกันมาก ในบรรดาเครื่องเล่นส่วนใหญ่จะใช้ชิปประมวลผลอยู่ 2 ค่าย คือ Sigma กับ Realtek ค่ายแรกราคาค่อนข้างสูง แต่คุณภาพของภาพตลอดจนสีสันสวยกว่าค่ายหลังอย่างเห็นได้ชัด และฟังก์ชั่นของการทำงานก็ค่อนข้างซับซ้อน ใช้งานยาก  ส่วนค่ายหลังราคาต่ำกว่าจึงอยู่ในเครื่องที่มีราคาต่ำ คุณภาพของภาพและสีสันแม้จะสู้ค่ายแรกไม่ได้ แต่เวลาใช้งานง่าย ไม่ซับซ้อน ปัจจุบันเครื่องเล่น HD ส่วนใหญ่จะเล่นหนัง 3D แบบ SBS (เวลาเปิดจะเกิดเป็นภาพ 2 จอ บางไฟล์จะเป็น ซ้าย-ขวา บางไฟล์จะเป็น บน-ล่าง) ได้ทั้งหมด แต่ยังไม่มีเครื่อง HD ยี่ห้อหรือรุ่นใดที่เล่นหนัง Full 3D ได้ ซึ่งคาดว่าปลาย ๆ ปีนี้คงจะมีออกตามมาหลายยี่ห้อ เครื่องเล่น HD ที่ผมเคยเล่นผ่านมาและเห็นว่าคุ้ม มีอยู่ 2 รุ่นคือ คือ เครื่องแรกคือ Play on HD2 ใช้ชิปประมวลผลของ Realtek ข้อดีคือใช้งานง่าย เล่นง่าย ไม่ซับซ้อน ราคาอยู่ที่ 5000 ต้น ๆ เครื่องที่สองคือ Pop Corn A210 ใช้ชิปประมวลผลของ Sigma ข้อดีคือภาพสวย สีสันสวย แต่การใช้งานค่อนข้างยุ่งยาก ราคาอยู่ที่ 5000 ปลาย ๆ เครื่องเล่นทั้งสองเครื่องที่ผมกล่าวถึงข้างต้น สามารถใส่ฮาร์ดดิสก์ลงไปในเครื่องได้เลย จำนวน 1 ตัว และมี usb สำหรับพ่วงฮาร์ดดิสก์ อีก 2 จุด แต่ละจุด หากเราใช้ Docking ที่ใส่ฮาร์ดดิสก์ได้ 4 ลูก เครื่องเล่นมันก็สามารถมองเห็นทั้ง 4 ลูก จึงทำให้เล่นหนังได้สะดวกกว่าเครื่องเล่นที่ใช้แผ่นเป็นอย่างยิ่ง คิดง่าย ๆ หากเราใช้ฮาร์ดดิสก์ในเครื่อง 2TB และต่อจาก Docking อีก 4 ลูก (8 TB) มันจะเก็บหนังได้อย่างมากมาย เวลาเล่นจึงสะดวก ไม่ต้องคอยใส่แผ่นเข้า-เอาแผ่นออก ให้เสียเวลา ข้อดีอีกอย่างหนึ่งในการเล่นหนังผ่านฮาร์ดดิสก์ก็คือเราหาหนังมาดูได้ด้วยราคาค่อนข้างต่ำ นั่นคือโหลดตามเว็บบิทต่าง ๆ ซื้อตามเว็บ  หากเราซื้อแผ่นต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมาก สุดท้ายก็จะไม่มีที่จะเก็บ สำหรับเครื่องเล่น HD คงมีข้อแนะนำเพียงแค่นี้ เพื่อนสมาชิกท่านใดจะร่วมแสดงความคิดเห็นก็ขอเชิญเลยครับ เพราะอย่างน้อยคงจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้สนใจหรือผู้ที่กำลังจะเล่น HD บ้าง ไม่มากก็น้อย


ออฟไลน์ MP

  • ผู้ดูแลระบบ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 123125
  • 9664E44E,11D88A55,7C1132A8
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #14 เมื่อ: วันที่ 3 ตุลาคม 2011, 18:37:31 น. »
กระทู้  :th1:

Mede8er 500X2 (Realtek 1185) ประมาณ 5,400 บาท น่าเล่นครับ
ผมซื้อ DUNE MAX มานานแล้วไม่คุ้มใช้ PC เล่นซะเป็นส่วนใหญ่

ออฟไลน์ นพ สุพรรณ

  • คณะก่อการ
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • ***
  • กระทู้: 16014
  • HL#5490A920   (x-men)
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: วันที่ 3 ตุลาคม 2011, 18:45:27 น. »


ใช้กับรุ่นนี้ได้ไม๊อ่ะ   ;D ;D

ออฟไลน์ เสริม

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ระดับ 3
  • **
  • กระทู้: 239
  • HL-54902934
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: วันที่ 8 ตุลาคม 2011, 10:37:29 น. »
                สิ่งที่จำเป็นสำหรับคนที่เล่น HD โดยผ่าน Media Box ที่จะต้องมีก็คือ Docking สำหรับใส่ฮาร์ดดิสก์ หรือจะใช้เอ็กเทอร์นอลฮาร์ดดิสก์ก็ได้ แต่ความสะดวกในการเปลี่ยนฮาร์ดดิสก์ต้องยกให้ Docking เพราะปัจจุบันมันสามารถบรรจุฮาร์ดดิสก์ได้ตั้งแต่ 1 ลูก จนถึง 8 ลูก ซึ่งหากเราใช้ตัวเดียวซึ่งบรรจุฮาร์ดดิสก์ได้หลายลูกก็จะทำให้สะดวกในการย้ายหนังจากลูกหนึ่งไปอีกลูกหนึ่ง และไม่กินพื้นที่ในการจัดวางเท่ากับใช้เอ็กเทอร์นอลฮาร์ดดิสก์ 8 ตัวอีกด้วย  ในการเลือก Docking ให้คำนึ่งถึงยี่ห้อสินค้าเป็นหลัก โดยหาข้อมูลยี่ห้อและรู่นที่มีคนนิยมใช้กันมาก ๆ หากเราซื้อโดยเอาราคาเป็นตัวตั้ง ส่วนมากสินค้าราคาถูกจะไม่ค่อยมีมาตรฐาน เช่น ป้อนกระแสไฟให้ฮาร์ดดิสก์มากเกินไปทำให้ฮาร์ดดิสก์ร้อนมากเกินปกติ ราคา Docking จะเริ่มต้นตั้งแต่ราคา 600 บาทขึ้นไป จนถึงหลักหมื่นบาท ซึ่งสามารถใส่ฮาร์ดดิสก์ได้ตั้งแต่ 1 2 4 8 ลูก
               ส่วนใหญ่ Docking ที่รองรับฮาร์ดดิสก์ได้ 1-2 ลูก จะเป็นชนิดฐานเสียบ คล้ายที่ชาร์ทแบตของวิทยุรับส่งสมัยก่อน การใช้ Docking ชนิดนี้ต้องให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะระหว่างที่เราเสียบฮาร์ดดิสก์ลงไปหากไม่อยู่ในแนวดิ่งและตรงกับซ็อกเก็ตสำหรับเสียบ อาจทำให้ฮาร์ดดิสก์เสียหายได้ ลูกเล่นพิเศษปัจจุบันเชื่อมต่อด้วย -sata และ usb3 และสามารถถ่ายโอนข้อมูลจากลูกที่ 1 ไปยังลูกที่ 2 ได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องผ่านคอมพิวเตอร์ แต่จากการทดลองใช้งานปรากฏว่าความเร็วค่อนข้างช้ากว่าการต่อผ่านคอมพิวเตอร์  ส่วน Docking ชนิดที่รองรับฮาร์ดดิสก์ตั้งแต่ 4 ลูกขึ้นไป จะมีช่องให้ใส่ฮาร์ดดิสก์และมีฝายึดให้เกิดความมั่นคง เพิ่มพอร์ตการเชื่อมต่อด้วย -sata และ usb3  การใช้ Docking ที่รองรับพอร์ต -sata และสามารถใส่ฮาร์ดดิสก์ตั้งแต่ 2 ลูกขึ้นไป หากเราเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ก็จะเห็นฮาร์ดดิสก์ได้เพียง 1 ลูกเท่านั้น แต่หากผ่าน usb2 หรือ usb3 ก็จะเห็นฮาร์ดดิสก์ทุกตัวที่ใส่ไว้ ในทางทฤษฎีแล้ว การส่งผ่านข้อมูลด้วย usb3 จะเร็วกว่า -sata แต่จากการใช้งานจริง หรือการทดลองใช้งานของผู้เล่น HD ได้ลองเปรียบเทียบกัน มีข้อมูลตรงกันอย่างหนึ่งคือการถ่ายโอนข้อมูลด้วย -sata เร็วกว่า usb3 และการเชื่อมต่อด้วย -sata ทุกครั้ง ต้องเสียบแล้ว re-start คอมฯ ก่อน จึงจะมองเห็นฮาร์ดดิสก์ได้ ไม่สามารถจะเสียบได้ตลอดเวลาเหมือนกับการเสียบ usb  หากถามว่าถ้า -sata เร็วกว่า แต่คอมฯ เห็นฮาร์ดดิสก์เพียง 1 ลูกเท่านั้น จะมีประโยชน์อะไรในการถ่ายโอนข้อมูล ปัจจุบันจึงมีการ์ด PCIe แปลงเป็น -sata ขาย ซึ่งการ์ดตัวนี้หาซื้อค่อนข้างยากมาก ราคาที่นำเข้ามาขายตอนแรกอยู่ที่ 2-3 พันบาท ปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 1000 บาทต้น ๆ แต่การ์ดลักษณะนี้มีจำหน่ายหลายยี่ห้อหลายรุ่น ซึ่งหากนำมาใช้ก็จะไม่สามารถมองเห็นฮาร์ดดิสก์มากกว่า 1 ลูกได้ ยกเว้นหากเป็นชิปของ Silicon รุ่น sil3132 สามารถใช้งานกับ -sata ได้อย่างครบถ้วน เช่น มองเห็นฮาร์ดดิสก์ทุกลูกที่มี และสามารถเสียบต่อได้เหมือนกับ usb โดยไม่ต้อง re-start คอมฯ แต่ประการใด
               ในกรณีที่เริ่มเล่น HD ใหม่ ๆ จะเลือกใช้ Docking ขนาดเท่าใดดี ผมขอแนะนำว่าให้เล่นขนาด 1 หรือ 4 ลูกก็เพียงพอ โดยเน้นให้มีพอร์ตเชื่อมต่อเป็น -sata และ usb3 สำหรับขนาด 1 ลูก ให้เลือกดูยี่ห้อใดก็ได้โดยให้มีโครงสร้างค่อนข้างแข็งแรงหน่อย หากเป็นไปได้หากผลิตในไต้หวันได้ก็จะดีมาก  ส่วนขนาด 4 ลูก ผมขอแนะนำรุ่นที่ผมใช้อยู่คือยี่ห้อ Mediasonic รุ่น Probox 4-Bay ผลิตในใต้หวัน วัสดุโครงสร้างแข็งแรง รูปทรงคล้ายเครสคอมพิวเตอร์ขนาดเล็ก เชื่อมต่อด้วยพอร์ต -sata และ usb3 มีพัดลมระบายความร้อนปรับความเร็วได้ จากการใช้งานนาน ๆ อุณหภูมิที่ตัวฮาร์ดดิสก์ไม่ร้อนมากเหมือน Docking ชนิดเปลือย เสียงพัดลมเงียบ ผมถ่ายโอนหนัง HD ขนาด 864 GB จาก -sata ไปยัง Docking -sata อีกตัวหนึ่ง ใช้เวลา 3 ชั่วโมงนิด ๆ เท่านั้น ราคาค่าตัวอยู่ที่ประมาณ 3200 บาท แต่อย่าลืมต้องซื้อการ์ด -sata เพิ่มอีกประมาณ 1000 บาทต้น ๆ ขอรับรองว่าการก๊อปหนัง HD ขนาด 2TB ไม่น่าจะยุ่งยากหรือเสียเวลาจนน่ารำคาญเกินไปนัก
  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 8 ตุลาคม 2011, 10:53:18 น. โดย เสริม »

ออฟไลน์ ชัยราชา

  • ลงทะเบียน HL
  • ขี้โม้ระดับสุดยอด
  • *
  • กระทู้: 4280
  • HL-6D239873 หมอชาติ
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: วันที่ 8 ตุลาคม 2011, 11:18:07 น. »
               

                         

        เครื่องเล่นยามพักผ่อนของข้าราชการบำนาญอย่างผมแค่นี้ก็สุขแล้วครับท่าน
                 ผมก็ได้ท่าน อ.เสริมนี้แหละครับที่แนะนำเครื่องเล่น A-210 และหนัง ขอบพระคุณ ท่านเสริมมากครับ






ออฟไลน์ ongarch

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 161
  • 8628794Eเด็กชายโสด
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: วันที่ 8 ตุลาคม 2011, 12:17:56 น. »
 :thank1: :thank1: :thank1:
รับความรู้อีกแล้วครับท่าน
 :thank1: :thank1: :thank1:  :o^: :o^: :o^:
ของผมจอ Plasma 50 นิ้ว ของ Panasonic ซื้อเมื่อปลายปีที่แล้ว
เกือบสามหมื่นขาดอีไม่กี่ร้อย
แต่ตอนนี้เหลือแค่สองหมื่นนิดๆ  ซื้อเร็วไปไม่ถึงปี
ราคาตกต่างกันเกือบหมื่น แถมOption ดีขึ้นอีกเย่อะ เป็นไปด้ครับ
ผมใช้กับสัญญาณดาวเทียมล้วนๆ(480) ก็ OK เลยครับ
ซื้อสาย HDMI ของ Panasonic มาตั้ง พันกว่าบาทก็ยังใช้เสียบกับคอมอย่างเดียว
เมื่อไหร่  จะมีแผ่นหนังHD(1080p)จริงๆ วางขายบางครับ 
 :hit: :hit: :hit: :zzz: :zzz: :zzz:

ออฟไลน์ อนันต์ออดิโอ

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 835
  • HL-862A7959 จากพี่(MP)ครับ
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: วันที่ 8 ตุลาคม 2011, 12:29:16 น. »
ยินดีจ๊าดนักครับ  :thank1: :D :happy: :flower:

ออฟไลน์ เสริม

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ระดับ 3
  • **
  • กระทู้: 239
  • HL-54902934
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: วันที่ 8 ตุลาคม 2011, 12:57:40 น. »
:thank1: :thank1: :thank1:
รับความรู้อีกแล้วครับท่าน
 :thank1: :thank1: :thank1:  :o^: :o^: :o^:
ของผมจอ Plasma 50 นิ้ว ของ Panasonic ซื้อเมื่อปลายปีที่แล้ว
เกือบสามหมื่นขาดอีไม่กี่ร้อย
แต่ตอนนี้เหลือแค่สองหมื่นนิดๆ  ซื้อเร็วไปไม่ถึงปี
ราคาตกต่างกันเกือบหมื่น แถมOption ดีขึ้นอีกเย่อะ เป็นไปด้ครับ
ผมใช้กับสัญญาณดาวเทียมล้วนๆ(480) ก็ OK เลยครับ
ซื้อสาย HDMI ของ Panasonic มาตั้ง พันกว่าบาทก็ยังใช้เสียบกับคอมอย่างเดียว
เมื่อไหร่  จะมีแผ่นหนังHD(1080p)จริงๆ วางขายบางครับ 
 :hit: :hit: :hit: :zzz: :zzz: :zzz:
หนัง HD 1080p จริง ๆ ก็คือแผ่ืน Blu-ray ปัจจุบันที่มีขายอยู่ครับ แต่ราคาค่อนข้างสูงคือ 1000 บาทขึ้นไป ยกเว้นแผ่นแม่สาย หรือแผ่นที่ลงขายตามเว็บต่าง ๆ ราคาจะย่อมเยาหน่อยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 350 บาท จากค่าใช้จ่ายตรงนี้ จึงจะเห็นได้ว่าการลงทุนหาไฟล์หนังที่เป็น HD มาเล่น ประหยัดงบประมาณไปได้ค่อนข้างมาก แต่หาหนังที่เป็น Full Blu-ray จริง ๆ ค่อนข้างยาก เ้พราะไฟล์มีขนาดใหญ่มากถึง 40-50 Gb นักเล่นส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยนิยมเพราะต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บมาก จึงมักนิยมหนังที่บีบอัดลงมาเหลือประมาณเรื่องละ 7-20 Gb แทน

ออฟไลน์ ongarch

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 3
  • *
  • กระทู้: 161
  • 8628794Eเด็กชายโสด
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: วันที่ 18 ตุลาคม 2011, 11:45:04 น. »
หนัง HD 1080p จริง ๆ ก็คือแผ่ืน Blu-ray ปัจจุบันที่มีขายอยู่ครับ แต่ราคาค่อนข้างสูงคือ 1000 บาทขึ้นไป ยกเว้นแผ่นแม่สาย หรือแผ่นที่ลงขายตามเว็บต่าง ๆ ราคาจะย่อมเยาหน่อยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 350 บาท จากค่าใช้จ่ายตรงนี้ จึงจะเห็นได้ว่าการลงทุนหาไฟล์หนังที่เป็น HD มาเล่น ประหยัดงบประมาณไปได้ค่อนข้างมาก แต่หาหนังที่เป็น Full Blu-ray จริง ๆ ค่อนข้างยาก เ้พราะไฟล์มีขนาดใหญ่มากถึง 40-50 Gb นักเล่นส่วนใหญ่ยังไม่ค่อยนิยมเพราะต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บมาก จึงมักนิยมหนังที่บีบอัดลงมาเหลือประมาณเรื่องละ 7-20 Gb แทน
ขอบคุณครับ
 :thank1: :thank1: :thank1:

ออฟไลน์ เสริม

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ระดับ 3
  • **
  • กระทู้: 239
  • HL-54902934
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: วันที่ 4 พฤศจิกายน 2011, 09:47:50 น. »
           เมื่อคุยถึงเรื่อง Hardware แล้ว สิ่งที่จำเป็นและจะขาดไม่ได้ในการเล่น HD นั่นก็คือ Software หรือไฟล์หนังที่จะนำมาดู  จากการที่ได้พูดคุยตั้งแต่เริ่มแรกแล้วว่าผมเองนั้นมุ่งเน้นตัวหนังที่เป็นไฟล์มากกว่าแผ่นบลูเรย์โดยตรง ทั้งนี้เพราะต้นทุนต่างกันมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสามารถหาโหลดตามเว็บต่าง ๆ ได้ค่อนข้างมาก บางเรื่องออกก่อนหนังฉายโรงก็มี โดยเฉพาะหนัง 3D  จากการที่ได้สัมผัสกับหนัง 3D มาประมาณ 3 เดือนเศษ ยอมรับว่า 3D ให้ความรู้สึกในการชมมากกว่าหนัง 2D Full HD ค่อนข้างมาก  ปัจจุบันผมจึงมุ่งหน้าสะสมหนัง 3D Full HD เป็นหลัก  ก่อนการตัดสินใจซื้อทีวีที่รองรับ 3D ได้พยายามค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องทีวี 3D เป็นเวลานานมาก ๆ ทั้ง ๆ ที่มีอยู่ 2 ระบบเท่านั้น คือ Active กับ Passive ค่ายแรกคือแว่นต้องใช้แบตเตอรี่ ค่ายที่สองไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ แต่แฟนคลับทั้งสองค่ายก็ถกเถียงกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด ไม่ยอมแพ้ซึ่งกันและกัน จากการที่หาข้อมูลตรงนี้ ทำให้ผมซึ่งไม่มีพื้นความรู้ด้านนี้มาก่อนเกิดความสับสนจนเกือบจะเลิกล้มทีวี 3D ไปเลย จริง ๆ แล้ว ทั้ง 2 ค่าย มีทั้งข้อดีข้อด้อยยด้วยกันทั้งคู่ จึงอยู่ที่ความต้องการของผู้ใช้ต้องการใช้ค่ายไหนมากกว่า เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของผู้ที่จะเล่นทีวี 3D ผมจะได้สรุปข้อดีข้อด้อยของทั้งสองค่ายไว้ให้ เมื่ออ่านแล้วขอให้ท่านนำไปพิจารณาประกอบการทดลองดูจริง ๆ อีกที เพื่อให้ท่านจะได้ตัดสินใจไม่ผิดพลาด
            ค่ายแรก ทีวีได้แก่แบรนด์ของเกาหลีเป็นเรือธงคือ LG ซึ่งเดิม (ปีที่แล้ว) ทีวีของค่ายนี้ก็ใช้แว่นแบบค่ายที่สอง มาปีนี้ (2011) ได้พัฒนามาเป็นค่ายแรก (passive) ข้อดีคือ แว่นเบา ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ ภาพลอยออกมากได้ดีมาก หากมองไปที่แสงไฟจะไม่กระพริบ  ข้อด้อย ความคมชัดหายไปครึ่งหนึ่ง เช่นหนัง Full Hd ที่มีความละเอียด 1080 เส้น ต้องแบ่งเป็นตาซ้าย 540 เส้น และตาขวา 540 เส้น เนื่องจากทีวีที่ใช้แว่นแบบ passive จะปล่อยเส้นภาพเป็นเลขคู่ (540 เส้น)สำหรับตาซ้าย และเส้นภาพเลขคี่ (540 เส้น) สำหรับตาขวา เวลาเราดูหนังด้วยแว่น passive ตาซ้ายก็จะเห็นเพียง 540 เส้น และตาขวาก็จะเห็นเพียง 540 เส้นเท่านั้น
            ค่ายที่สอง ทีวีได้แก่เบรนด์ของเกาหลี และญี่ปุ่น เช่น Samsung Sony Panasonic  ข้อดีคือ ความคมชัดของภาพได้สูงสุดตามต้นฉบับ เนื่องจากทีวีส่งภาพออกมาทั้งเฟรม มิติภาพแนวลึกดีมาก ข้อเสีย แว่นหนักกว่าค่ายแรก ต้องเปลีี่่ยนแบตเตอรี่ หากมองไปที่แสงไฟที่จะสว่างอยู่นอกจอจะรู้สึกกระพริบ เพราะแว่น active จะสลับให้ตาซ้ายและขวามองเห็น  ทีละข้าง (1080 เส้น) ก่อนใช้แว่นครั้งแรกต้องเชื่อมต่อกับจอทีวี
            สำหรับความคิดเห็นของผม ผมได้ทดลองดูทั้งสองค่าย สุดท้้ายตัดสินใจที่ค่ายสอง ซึ่งจากการได้ใช้งานมา 3 เดือนเศษ ขอยืนยันว่าผมได้ตัดสินใจตรงตามความต้องการของผมจริง ๆ เคยดูหนัง 3D เป็นเวลาติดต่อกัน 3-4 ชั่วโมง ก็ไม่รู้สึกมึนศีรษะเหมือนกับที่บางเว็บได้ถกเถียงกันแต่ประการใด แบตเตอรี่ที่ใช้มาก็ยังไม่หมด และทีวีสามารถปรับโหมด 3D ให้ภาพลอยออกข้างนอกมากขึ้นกว่าปกติได้ (ทีวีที่ผมใช้เป็นรุ่นสูงสุดของพลาสม่า Samsung ปี 2011 ขนาด 64 นิ้ว)
            อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยี่ยอมมีการเปลี่ยนแปลงเสมอ ล่าสุดได้ข่าวว่า LG กำลังพัฒนาทีวีที่ใช้แว่น Passive ให้สามารถดูภาพได้ Full HD และ Samsung ก็กำลังพัฒนาแว่นแบบ Passive เหมือนกัน ส่วนท่านใดคิดจะรอให้เทคโนโลยีพัฒนาไปให้ไกลกว่านี้ก่อนค่อยเล่น หรือท่านใดคิดว่าซื้อก่อนได้เล่นก่อน ก็ขอให้ใช้ดุลพินิจตามอัธยาศัยครับ
      
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 4 พฤศจิกายน 2011, 09:50:13 น. โดย เสริม »

winit

  • บุคคลทั่วไป
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: วันที่ 4 พฤศจิกายน 2011, 10:25:31 น. »
 :thank1: :flower: :happy: :D  ความรู้ทั้งนั้น

ออฟไลน์ เสริม

  • ตัวแทนจำหน่าย
  • ระดับ 3
  • **
  • กระทู้: 239
  • HL-54902934
Re: ข้อแนะนำเบื้องต้นในการเล่น HD
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: วันที่ 22 พฤศจิกายน 2011, 07:44:27 น. »
ก่อนซื้อ HD Player ต้องพยายามหาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจซื้อ ปัจจุบันผมได้สะสมหนัง 3D SBS มาได้ประมาณ 70-80 เรื่อง ในจำนวนนี้มีหนังแบบ 3D แท้ ๆ แบบ Bluray เลย จำนวน 2 เรื่อง แต่เครื่องเล่นที่ใช้อยู่ไม่สามารถเล่นไฟล์ดังกล่าวได้ จึงได้หาข้อมูลเพื่อจะซื้อเครื่องเล่นใหม่มาเพิ่ม แต่พอได้เครื่องมา เล่นไฟล์ดังกล่าวได้จริง แต่ไม่สามารถแสดงผลเป็น 3D ได้ จึงขอฝากข้อคิดให้กับเพื่อน ๆ ที่จะซื้อเครื่องที่สามารถเล่นไฟล์ 3D แท้ได้ต้องพยายามหาข้อมูลให้ดี ซึ่งกรณีของผมได้คุยกับฝ่ายเทคนิคของเครื่องก่อนที่จะซื้อแล้วว่าเล่นได้ แต่พอนำไปลองใช้จริง ๆ กลับเล่นได้ไม่สมบูรณ์ แต่โชคดีที่ร้านที่ผมซื้อให้บริการดีเยี่ยมจึงบอกให้ผมส่งกลับคืนได้ และในช่วงปลายปีนี้เครื่องเล่นลักษณะดังกล่าวจะทะยอยเข้ามาอีกหลายยี่ห้อ จึงฝากบอกผู้สนใจที่คิดว่าจะซื้อเครื่องเล่น HD แบบ 3D ได้ ขอให้รออีกนิด ไว้ซื้อเครื่องที่เล่นไฟล์ 3D แท้ ๆ ทีเดียวจบเลย จะได้ไม่ต้องเสียเงินซื้อบ่อย ๆ สำหรับผู้เริ่มต้น ตอนนี้พลาสม่าลดราคาลงไปค่อนข้างมาก ล่าสุดขนาด 51 นิ้ว เล่น 3D ได้อยู่ที่สองหมื่นนิด ๆ และขนาด 59 นิ้ว เล่น 3D (Full HD) ได้ ราคาอยู่ที่สี่หมื่นปลาย ๆ อย่างไรก็ตาม ผมคิดว่าปลายปีนี้คงมีการแข่งขันกันเข้มข้นขึ้นเนื่องจากเกิดการหยุดชะงักช่วงวิกฤตน้ำท่วม ราคาหลาย ๆ ยี่ห้อ/รุ่นคงจะถูกและน่าสนใจกว่าตอนนี้แน่