สรุปการหารือแนวทางการจัดกิจกรรมบันเทิง
---------------------------
เมื่อวันที่ ๓๐ ตุลาคม ๒๕๕๙ รมต.นร. (นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ) เลขานุการ ศตส. ได้หารือหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการจัดกิจกรรมบันเทิงในช่วงหลังจากรัฐบาลได้ขอความร่วมมือครบ ๓๐ วัน (๑๒ พ.ย. ๒๕๕๙) ได้แก่ วธ. กก. มท. ตร. คสช. กอร.รส. และกทม. โดยได้จำแนกกิจกรรมออกเป็น ๙ ลักษณะ ได้แก่
๑) งานเทศกาลระดับประเทศ เช่น ลอยกระทง คริสต์มาส วันปีใหม่ ตรุษจีน
๒) งานเทศกาลระดับจังหวัด เช่น งานกาชาด เทศกาลผีตาโขน เป็นต้น
๓) งานส่งเสริมเศรษฐกิจระดับจังหวัด อำเภอ ท้องถิ่น เช่น งานกิจกรรมถนนคนเดิน งานประเพณีชนวัว เป็นต้น
๔) งานรื่นเริง วัฒนธรรมพื้นบ้าน เช่น ลิเก ลำตัด ดนตรีและการประกวดต่าง ๆ
๕) กิจกรรมในสถานบันเทิงต่าง ๆ เช่น ไนต์คลับ ผับ บาร์ เป็นต้น
๖) กิจกรรมบันเทิงที่จัดตามจังหวัดท่องเที่ยวที่สำคัญ
๗) การแสดงคอนเสิร์ต
๘) งานที่ประชาชนจัดตามประเพณีวัฒนธรรม เช่น งานแต่งงาน งานบวช เป็นต้น
๙) งานแข่งขันกีฬาทุกระดับ และกองเชียร์
ที่ประชุมเห็นพ้องว่าเพื่อให้ทุกอย่างดำเนินการไปตามปกติ เป็นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภาพรวม โดยอาศัยการท่องเที่ยวและการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจให้บ้านเมืองกลับสู่ภาวะปกติ และกิจกรรมบางประเภทเป็นการดำเนินการตามประเพณี วัฒนธรรม ซึ่งจำเป็นต้องสืบสานให้ดำเนินการต่อไป จึงเห็นควรให้สามารถจัดกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยให้พิจารณาตามความเหมาะสม และมีแนวทางปฏิบัติ ดังนี้
๑) ให้สามารถจัดกิจกรรมทุกประเภทได้ตามปกติ ทั้งนี้ สามารถมีองค์ประกอบของงานเทศกาลประเภทต่างๆ ตามประเพณีได้ รวมทั้งจัดกิจกรรมรื่นเริงและแต่งกายได้ตามประเพณีวัฒนธรรม โดยก่อนจัดกิจกรรมควรมีการจัดกิจกรรมแสดงความอาลัย
๒) กิจกรรมสถานบันเทิง ให้ระมัดระวังการดำเนินการในสถานที่สาธารณะ และให้ยึดถือ และปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด
๓) การจัดกิจกรรมทุกประเภทในระดับจังหวัด รวมทั้งงานวัฒนธรรมพื้นบ้าน เนื่องจากแต่ละพื้นที่มีลักษณะแตกต่างกัน จึงเห็นควรให้ผู้ว่าราชการจังหวัด หารือร่วมกับกรมการจังหวัด สภาวัฒนธรรมจังหวัด ชมรมผู้ประกอบการ และชมรมในแต่ละกลุ่มอาชีพ เพื่อพิจารณารายละเอียดในการจัดกิจกรรมให้เป็นไปอย่างเหมาะสม
ด้านการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ
ที่ประชุมมอบหมายให้ กค. ไปพิจารณาเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยากลุ่มศิลปิน และผู้ประกอบอาชีพอิสระซึ่งได้รับผลกระทบในห้วง ๓๐ วัน รวมถึงพิจารณามาตรการทางภาษีเพื่อช่วยเหลือภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ