eXtreme Karaoke
เครื่องเสียง / ภาพ => เครื่องเสียงกลางแจ้ง (Public Address,Pro Audio Sound Reinforcement System) => ข้อความที่เริ่มโดย: แคมเมอร์ ที่ วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2009, 00:15:18 น.
-
ปุ่มต่างๆบนมิกซ์ครับ...
-อินพุทแจ๊ค (Input Jacks)
ทำหน้าที่รับสัญญาณจากไมโครโฟน หรือจากเครื่องดนตรีต่างๆ ที่เป็นไลน์ (line) ตำแหน่งมักอยู่ด้านบนสุดของเมิกเซอร์ลักษณะของเต้ารับสัญญาณ (jack) จะมีอยู่สามแบบคือ RCA (-10dB) , 1/4 นิ้ว (balance & unbalance) และ XLR การใช้เต้ารับสัญญาณนั้นขึ้นอยู่กับราคาของเครื่องมิกเซอร์นั้นหากมีราคาแพงเต้ารับสัญญาณจะเป็นแบบ XLR ส่วนมิกเซอร์แบบกึ่งโปรจะใช้เต้าแบบ RCA และขั้วต่อแบบ TS 1/4 นิ้ว
-แฟนทอม (Phantom)
ทำหน้าที่จ่ายไฟให้กับไมโครโฟนที่เป็นแบบ คอนเดนเซอร์ ไฟที่ออกมาจะเป็นไฟแบบดีศี (DC) ซึ่งมีแรงดันระหว่าง 12-48 โวลต์
-เฟส (Phase)
ทำหน้าที่ปรับแก้ไขเฟสที่ไม่ถูกต้องที่อาจเกิดจากการต่อขั้วสายที่ผิดพลาด หรือจากการวางไมค์หลายๆตัวที่อาจก่อให้เกิดการกลับเฟส (มักเกิดจากการวางไมค์มากกว่าสองตัวขึ้นไป) ให้คืนอยู่ในสภาพปกติ สวิทช์เฟสนี้จะพบในเฉพาะมิกเซอร์ราคาแพงเท่านั้น ซึ่งใช้สัญลักษณ์(ø)
-แพด (Pad)
จะพบสวิทช์นี้ในมิกเวอร์ที่มีราคาแพงขึ้นมา ทำหน้าที่ลดความแรงของสัญญาณที่เข้ามาลง -20dB และในมิกเซอร์บางยี่ห้อจะใช้คำว่า MIC ATT (microphone attenuation) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกัน
-สวิทช์เลือกไมค์,ไลน์,เทปอินพุท (Mic/Line/Tape Input Select)
ทำหน้าที่เป็นตัวเลือกแหล่งสัญญาณที่เข้ามาเพื่อให้ความเหมาะสมของระดับสัญญาณ ก่อนที่จะป้อนเข้าสู่ภาคปรีแอมป์ในมิกเซอร์ โดยไม่ก่อให้เกิดความผิดเพี้ยนของระดับสัญญาณ
-เกน (Gain) หรือ อินพุททริม (Input Trim)
ทำหน้าที่ปรับแต่งความแรงของสัญญาณที่เข้ามาหลังจากภาครับ (input) เพื่อเร่งหรือลดความแรงสัญญาณที่เข้ามาให้เหมาะสมต่อภาคปรีแอมป์ (pre-amp) มากที่สุด แลพเพื่อเลี่ยงการเกิดอาการแตกพร่า (distortion) ในขณะใช้งานเราสามารถปรับระดับสัญญาณได้ด้วยการดูที่มิเตอร์ (VU meter)
-พีคมิเตอร์ (Peak Meter)
ทำหน้าที่คอยเตือนระวังความแรงของสัญญาณที่เข้ามาในแชลเนลนั้นๆ ของมิกเซอร์ input เพื่อไม่ให้มีค่าที่กำหนดไว้โดยไฟจะสว่างขึ้น เมื่อไฟสว่างให้ปรับลดที่เกน (gian)
วิธีการดูสัญญาณที่ขึ้นพีคนั้นสามารถช่วยให้สามารถเร่งความแรงของสัญญาณที่เข้ามาได้เต็มขณะที่เราวัดจาก VU meter และทำให้เราทราบได้ว่ามีช่วงไหนของสัญญาณที่มีความแรงสูงสุด
-โลว์พาสฟิลเตอร์ (Lowpass-Filter)
ทำหน้าที่ตัดสัญญาณความถี่สูงระหว่าง 8-10kHz เพื่อไม่ให้ผ่านไปได้ แต่ยอมให้ความถี่ต่ำผ่านไปได้โดยสะดวก ซึ่งในเครื่องมิกเซอร์ราคาแพงๆสามารถตั้งค่าความถี่สูงที่ต้องการตัดไม่ให้ผ่านได้อีกด้วย
-ไฮพาสฟิลเตอร์ (Highpass-Filter)
ทำหน้าที่ตัดสัญญาณเฉพาะย่านความถี่ต่ำประมาณ 80Hz ไม่ให้ผ่านไปได้แต่ยอมให้ความถี่สูงผ่านไปได้ซึ่งในเครื่องมิกเซอร์ราคาแพงๆ สามารถตั้งค่าความถี่สูงที่ต้องการให้ผ่านได้อีกด้วย
-แชลเนลมิว (Channel Mute)
ทำหน้าที่ปิด-เปิดสัญญาณเฉพาะที่เข้ามาในแต่ล่ะแชนเนลของมิกเซอร์ ประโยชน์ของปุ่มนี้ช่วยให้กำหนดการปิด-เปิด ของสัญญาณในแต่ล่ะช่องที่ได้เป็นอิสระ
-อินเสิดแจ๊ค (Insert Jack)
ทำหน้าที่เสหมือนสวิทช์ร่วมที่เชื่อมอุปกรณ์จากภายนอกเพื่อให้เข้ามาผสมกับสัญญาณที่อยู่ในแต่แชนเนลของมิกเซอร์ ทำให้สามารถแยกสัญญาณจากแชนเนลเพื่อส่งไปเข้าเครื่องมือช่วยปรุงเสียงต่าง เช่นคอมเพรสเซอร์ หรือดีเลย์ ได้เป็นอิสระของแต่ล่ะช่องเสียง
-อีควอไลเซอร์ (Equalizer)
ทำหน้าที่ปรับความถี่ของสัญญาณที่เข้ามาเพื่อปรับแต่งหาความถูกต้องตามที่ต้องการ เรานิยมเรียกย่อว่า อีคิว(EQ) ลักษณะการทำงานของอีควนั้นจะมีแบบตั้งแต่แบบง่ายๆ สองย่านความถี่คือเสียงสูง (treble) และความถี่ต่ำ (bass) ไปจนถึงแบบละเอียดที่มีครบทุกความถี่ (สูง กลาง ต่ำ) ซึ่งจะเป็นอีคิวแบบที่เรียกว่า พาราเมทริกอีคิว (parametric EQ)
-อีคิวบายพาส (EQ bypass)
ทำหน้าที่ปิดหรือเปิดในการใช้อีคิวหรือจะไม่ใช้ ทั้งนี้เพื่อการฟังเปรียบเทียบการใช้อีคิวและไม่ใช้ว่า สัญญาณเสียงก่อนใช้อีคิวและหลังใช้จะเป็นอย่างไร
-เฟดเดอร์ (Fader)
ทำหน้าที่ปรับเพิ่มลดระดับสัญญาณที่เข้าและออกไปจากมิกเซอร์ output เพื่อป้อนเข้าสู่เครื่องบันทึกเทปหรือเครื่องขยายเสียง บางครั้งเรานิยมเรียกกันทั่วไปว่า วอลลุ่ม (volume)
-สตูดิโอเลฟเวล (Studio Level)
ทำหน้าที่ควบคุมความดังเบาของเสียงที่ส่งออกมาจากมิกเซอร์เพื่อส่งเข้าไปยังห้องที่บันทึกเสียงเครื่องดนตรีก็คือห้อง Studio นั่นเอง
-
-คอนโทรลรูมเลฟเวล (Control Room Level)
ทำหน้าที่ควบคุมความดังเบาของเสียงที่ได้ยินทั้งหมดจากมิเซอร์ สำหรับภายในห้องควบคุมเสียง (control room)
-โซโล (Solo) หรือ PFL
ทำหน้าที่ตัดสัญญาณในแต่ล่ะช่องเสียงออมาเพื่อการฟังโดยอิสระโดยเราจะได้ยินเฉพาะช่องเสียงที่เรากดปุ่มโซโลใช้งานอยู่เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องปิดร่องเสียงอื่นๆเช่น ในขณะที่กำลังฟังเสียงที่เข้ามาในมิกเซอร์สี่ช่องเสียงพร้อมๆกัน และเราต้องการฟังตรวจสอบเสียงจากช่องเสียงที่สองเพียงช่องเดียวเราก็กดปุ่มโซโลลงไป เราก็จะได้ยินเสียงจากช่องเสียงสองเท่านั้นซึ่งมันจะทำหน้าที่ตัดเสียงแยกในช่องเสียงอื่นๆให้เงียบโดยอัตโนมัติ
-โซโลเลฟเวล (Solo Level) หรือ PFL Level
ทำหน้าที่ควบคุมสัญญาณดังเบาเสียงของโซโลในช่องเสียงต่างๆ บนมิกเซอร์ทั้งหมดว่าให้อยู่ในระดับความดังเบาเท่าไหร่ตามความต้องการของเฮ้นจิเนียร์เพื่อความสมดุลของเสียงเมื่อกดออก เพื่อฟังรวมกับระดับเสียงปกติ จะได้ไม่ต่างในเรื่องของความดังเบาเสียงมากจนเกินไป
-อ๊อซิเลียอะรี (Auxiliary)
เรียกย่อๆว่า ออกเซนด์ (aux send) ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณที่เข้ามาในแต่ล่ะช่องเสียงเพื่องส่งออกไปยังอุปกรณ์ปรุงแต่งเสียงต่างๆ หรือแหล่งรับสัญญาณอื่นๆตามที่เราต้องการ ออกเซนด์ จะมีมาสเตอร์ออก (master aux ) ซึ่งควบคุมความแรงของสัญญาณ AUX ทั้งหมดในทุกช่องเสียงบนมิกเซอร์อีกต่อหนึ่ง
-พรี (Pre)
หมายถึงสัญญาณที่เข้ามาในแชนเนลเสียงของมิกเซอร์ จะถูกดักออกมาก่อนจะเข้าสู่เฟดเดอร์หลักที่เครือ่งมิกเซอร์ ซึ่งเมื่อดึงเฟดเดอร์หลักลงมาเพื่องลดสัญญาณเสียงลง สัญญาณเสียงก็จะไม่เบาตามไปด้วยแต่กจะไปดังออกที่ภาคพรี (pre) ซึ่งอาจจะพ่วงต่อไปยังเอฟเฟ็คต่างๆ เช่น รีเวอร์บ เป็นต้น ดังนั้นเสียงที่ยังคงได้ยินก็จะเป็นเสียงที่มากจากรีเวิร์บนั่นเอง ผลคือสัญญาณที่เข้ามาจะเป็นอิสระไม่ขึ้นกับเฟดเดอร์หลักทำให้สามารถนำสัญญาณนั้นๆไปใช้เพื่อผลได้ตามแต่ต้องการ
-โฟสต์ (Post)
หมายถึงสัญญาณที่เข้ามาในแชนเนลเสียงของมิกเซอร์ จะมีผลดังเบาตามเฟดเดอร์หลัก คือเมื่อเราลดเฟดเดอร์ลงสัญญาณที่เข้ามาก็จะลดลงตามไปด้วย แม้ว่าสัญญาณจะถูกแยกส่งออกไปยังเอฟเฟคอื่นๆก็ตาม
-แพน (Pan)
ทำหน้าทราเคลื่อนย้ายตำแหน่งสัญญาณให้ไปทางซ้ายหรือขวาและยังทำหน้าที่เป็นตัวถ่ายโอนสัญญาณร่องเสียง (track) เพื่อป้อนเข้าสู่เครื่องบันทึกเทปอีกด้วย
-กรุ๊ป หรือ บัส (Group or Bus)
ทำหน้าที่รวมสัญญาณที่เข้ามาจากหลายช่องเสียง (channel) เพื่อรวมสัญญาณให้ออกที่ output เดียวเพื่อส่งต่อไปยังเครื่องขยายเสียงหรือช่องเสียงภายในมิกเซอร์เอง เช่น เราสามารถกรุ๊ป หรือ บัสเสียงของกลุ่มนักร้องประมานเสียงจากหลายๆช่องเสียงบนมิกเซอร์ ให้ออกเป็นช่องเสียงเดียวกันได้ ด้วยการควบคุมเฟดเดอร์เพียงตัวเดียวเพื่อสดวกต่อการควบคุมดังเบาของสัญญาณเสียงทั้งหมด
-เลือกแทรคเสียง (Track Selected)
ในมิกเซอร์ที่มีราคาแพงนั้นจะอยู่ด้านบนสุดเป็นส่วนใหญ่ ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณว่าจะให้ออกไปสู่ช่องเสียงใดที่เครื่องบันทึกเทปแบบมัลตีแทรค ซึ่งอาจเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า ไดเร็คแอสไซน์ (direct assign)
-ไดเร็ค เอ๊าพุท (Direct Output)
ทำหน้าที่ดักสัญญาณที่เข้ามาโดยไม่ผ่านปุ่มต่างๆบนมิกเซอร์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำสัญญาณสดๆนี้ ไปต่อพวกกับอุปกรณ์แต่งเสียง (effects) หรือเครื่องบันทึกเสียงได้โดยตรง ตามแต่วัตถุประสงค์ และในขณะใช้งานฟังชันต่างๆเช่น อีคิว ก็ไม่มีผลต่อสัญญาณต้นฉบับโดยไม่โดนปรุงแต่งเสียก่อน
-เอฟเฟค เซนด์ (Effect Send)
ทำหน้าที่จ่ายสัญญาณออกมาจากตัวมิกเซอร์ในแต่ล่ะช่องเสียงไปสู่เอฟเฟคต่างไเช่น รีเวิร์บ (reverb) หรือดีเลย์ซึ่งมักใช้ปุ่ม aux เป็นตัวส่งสัญญาณ
-เอฟเฟค รีเทอร์น (Effect Return)
ทำหน้าที่รับสัญญาณที่ผ่านมาจากอุปกรณ์ต่างๆที่ถูกป้อนมาจาก ffect send อีกทีหนึ่งเพื่อการได้ยินเสียงที่ส่งออกมาจากเครื่องเอฟเฟค
-สเตอริโอ มาสเตอร์ เฟดเดอร์ (Stero Master Fader)
มีอยู่สองลักษณะคือแบบ สไลด์โวลุ่ม (slide volume) และแบบหมุน (rotary pot) ทำหน้าที่เป็นปรับความดังเบาของสัญญาณทั้งหมดบนมิกเซอร์ทั้งซ้ายขวาก่อนที่จะออกไปสู่เครื่องมือต่างๆ
-กรุ๊ปหรือบัสเอาต์พุตเฟดเดอร์ (Group or Buss Out Faders)
หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า ซับกรุ๊ป เฟดเดอร์ (subgroup faders) ควบคุมการส่งออกของสัญญาณที่มาจากกรุ๊ป หรือบัสอินพุทเฟดเดอร์ (buss input fader) โดยจะแยกเป็นสเตอริโอซึ่งทีแพน (pan) ทำหน้าที่ควบคุมการส่งสัญญาณไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อให้ผลของการมิกซ์เสียง หรือการจัดตำแหน่งสัญญาณ
-สเตอริโอบัส อินพุท (Stero Buss Input)
ทำหน้าที่รองรับสัญญาณจากเเหล่งสัญญาณอื่นๆ เพื่อให้สามารถนำสัญญาณมาใช้สัญญาณร่วมกัน เช่นกรณีที่ใช้มิกเซอร์สองตัวโดยตัวแรกใช้สำหรับรองรับสัญญาณจากเครื่องดนตรีและเสียงร้อง ส่วนมิกเซอร์ตัวที่สองใช้สำหรับกลุ่มคีย์บอร์ด แต่เราต้องการควบคุมสัญญาณทั้งหมดจากมิกเซอร์ตัวแรก เรามารถทำได้ด้วยการส่งสัญญาณจากมิกเซอร์ในตัวที่สองจากภาคเอาต์พุตสเตอรืฃิโอ (output stero) แล้วต่อเข้าที่สเตอริโอบัส (stereo buss) ที่ว่านี้ในมิกเซอร์ตัวแรกซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมความแรงของสัญญาณจากมิกเซอร์ตัวที่สอง ได้ที่มิกเซอร์ตัวแรกในภาคสเตอริโอบัสของมิกเซอร์ตัวแรก
-ออกซิเลียรี เซนด์ มาสเตอร์ (Auxiliary Send Masters)
ทำหน้าที่ควบคุมความดังเบาของสัญญาณทั้งหมดที่มาจาก aux จากแต่ล่ะช่องเสียงในมิกเซอร์ หากเราปิด aux send master ถึงแม่เราจะส่งสัญญาณจาก aux ในแต่ละแชนเนลก็จะไม่มีเสียงดัง ในทางตรงข้าม หากเราเพิ่มระดับความแรงของ aux send master ความแรงของสัญญาณจาก aux ในแต่ละช่องเสียงบนมิกเซอร์ก็จะดังทั้งหมด
-ทอร์คแบ็ค (Talk Back)
ทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารกันระหว่างห้องควบคุมและห้องบันทึกเสียง ซึ่งจะมีไมโครโฟนเล็กๆ (condencer mic) ที่อยู่บนมิกเซอร์ทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารระหว่างเอ็นจิเนียร์และนักดนตรี
-เฮดโฟน (Headphone Control)
เฮดโฟนคอนโทรลจะทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณจากมิกเซอร์ไปให้หูฟัง
-โทนออสซิเลเทอร์ (Tone Oscillator)
มักใช้อักษรย่อๆ คือ OSR ทำหน้าทีท่สัญญาณความถี่เสียงสูงกลางต่ำเพื่อใช้สำหรับตรวจสอบและอ้างการทำงานต่างๆของมิกเซอร์ เช่น วัดตรวจสอบความสมดุลซ้ายขวาของมิกเซอร์ เป็นต้น ส่วนใหญ่จะสร้างความถี่ที่ 40Hz ,400Hz,1kHz,4kHz,10kHz,15kHz
-
เผื่อมีประโยชน์ครับ..
-
ดูไปเรื่อยๆครับ
-
อีกครับ.
-
สุดท้ายครับ..
-
ขอบคุณครับ มีประโยชน์สูงสุดเลยครับ ขออนุญาต ติดหมุดนะครับ
-
+1 ครับท่าน แคม
-
ขอบคุณค่ะ :em10:
-
:em01:
-
ผมอยากให้ต่อสาย ffect mx-200 เข้ากับ alto L12 ดูหน่อยครับ ว่าเอาเข้า ออก ช่องไหนของมิกซ์
-
สุดยอดครับ อ่านจนตาลายเลย เดี่ยวยืมโตมาปรับให้โลด อ่านบ่ไหวมันวิงๆๆ :em22: :em22: :em22:
-
ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ เยี่ยมเลย +1 :em01:
-
ผมอยากให้ต่อสาย ffect mx-200 เข้ากับ alto L12 ดูหน่อยครับ ว่าเอาเข้า ออก ช่องไหนของมิกซ์
อ่าน..กระทู้นี้ให้เข้าใจก่อนนะพี่ แล้วค่อยหันไปลูบๆคลำๆ เดี๋ยวก็เสร็จเราพี่
http://www.karaoke-soft.com/smf/index.php?topic=12604.msg135725#msg135725 (http://www.karaoke-soft.com/smf/index.php?topic=12604.msg135725#msg135725)
-
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณมากครับ
ผมกำลังหัดเล่นดนตรีอยู่
:em10: :em01:
-
เป็นพระคุณอย่างสูงครับ
-
ขอบคุณครับ ได้สาระความรู้อีกเพียบ
-
เป็นความรู้เลยครับผมเพิ่งจะเริ่มเล่นครับกะว่าจะซื้อแบบเคลื่อนที่เร็วก่อนง่ะ Berringerแบบมีเพาวเวอร์และeqในตัว14000บาทน่าใช้หรือเปล่าคร้าบบบ
-
ขอบใจหลายๆเด้ออ้าย
-
ขออนุญาตท่านแคมเมอร์ ขอบคุณจริงๆที่ให้ความรู้เรื่องมิกซ์สมัยใช้มิกซ์รุ่นเก่าเมดอินไทยแลนด์ก็พอทำเนาเข้าใจบ้างแต่มาเจอร์รุ่นใหม่ดิจิตอล24/46 bit นี่งงเป็นไก่ตาแตกใช้มาตั้งแต่ปี 46 ก็ยังงงเหมือนเดิมแค่ต่อสายจากมิกซ์เข้าแอมป์ก็ใช้แค่นั้นสายเมนก็ยังงงครับ(จากมิกซ์เข้าแอมป์)ต่อแบบไหนดี บาลานส์หรือ อันบาลานส์ผมลองดูทั้งสองแบบก็ใช้ได้ แต่งงหนักเข้าไปอีกเจอมาสองงานเสียบสายใช้งานตามปรกติเปิดเพลงดังซ้ายขวาแต่พอเสียบคอมพิวเตอร์แชนแนลซ้ายค่อยๆหายแชนแนลขวาปรกติกถอดออกเสียบช่องใหม่ดังเท่ากันแล้วช่องซ้ายก็ค่อยๆหายเหมือนเดิม เสียบไปเสียบมาก็ใช้ได้เมื่อวานว่างเอาเครื่องมาลองเป็นอีกข้างซ้ายมาเปิดเวปเจอท่านแคมเมอร์ให้ความรู้เรื่องมิกซ์ดีใจมากครับจะรู้เรื่องและเข้าใจก็ครั้งนี้แหละดีที่เราได้เป็นสมาชิกเอกซ์ทรีม มิกซ์ที่ใช้ยี่ห้อ เบอร์ริงเกอร์ 1832 เขาบอกว่า 18 อินพุท 2/3 อะไรจำไม่ได้ถ้าเป็นไปได้ช่วยแนะนำวิธีใช้ด้วยครับการต่อสายเมนและยี่ห้อสายด้วยครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าอย่างมากๆครับผม
-
มาช้าไปหน่อย ขอSAVE ไว้ก่อนครับ ขอบคุณครับ ........ :thank1: :party:
-
ถามผู้รู้ครับ :kiss: กรณีใช้แจ๊คไมค์ เข้าช่องแชลแนลใดๆ บนมิกเซอร์ ทำไมไม่ค่อยดัง ครับ ขอบคุณครับ :thank1:
-
ขอถามด้วย เสียงลำโพงแต่ละข้างดังไม่เท่ากัน ทั้งๆที่เปิดวอลลุมเท่ากัน เป็นที่อะไรครับหรือต้องลองเช็คแหล่งที่มาของสัญญาณครับ ขอบคุณ
-
ขอถามด้วย เสียงลำโพงแต่ละข้างดังไม่เท่ากัน ทั้งๆที่เปิดวอลลุมเท่ากัน เป็นที่อะไรครับหรือต้องลองเช็คแหล่งที่มาของสัญญาณครับ ขอบคุณ
จริงๆแล้วหากเราฟังเพลงต้นฉนับ ที่เป็นไฟล์wave เราจะสังเกตเห็นว่า
สัญญานมันไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ
-
จริงๆแล้วหากเราฟังเพลงต้นฉนับ ที่เป็นไฟล์wave เราจะสังเกตเห็นว่า
สัญญานมันไม่เท่ากันอยู่แล้วครับ
ถูกต้องที่สุดครับน้ายอด
ถ้าเท่ากันก็เป็นโมโน ครับ
สเตริโอ ก็ต้องมีการเอียงซ้ายที่ เอียงขวาที่ ครับท่าน
ส่วนน้ายอดเอียงซ้ายใช่ไหม อิอิ
เย็นนี้เชิญที่ ชมรม สมุทรปราการ นะครับ
:cheer: :cheer: :cheer:
-
ถูกต้องที่สุดครับน้ายอด
ถ้าเท่ากันก็เป็นโมโน ครับ
สเตริโอ ก็ต้องมีการเอียงซ้ายที่ เอียงขวาที่ ครับท่าน
ส่วนน้ายอดเอียงซ้ายใช่ไหม อิอิ
เย็นนี้เชิญที่ ชมรม สมุทรปราการ นะครับ
:cheer: :cheer: :cheer:
อยู่ตรงไหนครับที่ตั้งชมรม :cheer1: :cheer1: นะครับ
-
อยู่ตรงไหนครับที่ตั้งชมรม :cheer1: :cheer1: นะครับ
ตั้งอยู่ที่หมู่บ้านตรงข้ามบ้านพี่ตุ๋ย ครับ
เรียนเชิญนะครับ
:cheer: :cheer:
-
ถูกต้องที่สุดครับน้ายอด
ถ้าเท่ากันก็เป็นโมโน ครับ
สเตริโอ ก็ต้องมีการเอียงซ้ายที่ เอียงขวาที่ ครับท่าน
ส่วนน้ายอดเอียงซ้ายใช่ไหม อิอิ
เย็นนี้เชิญที่ ชมรม สมุทรปราการ นะครับ
:cheer: :cheer: :cheer:
วันนี้ไม่สะดวกครับ หลังวันที่ 23 แล้วกันนะน้องเอช่วงนี้หากินไกลอิอิ
-
ขอบคุณครับ สำหรับความรู้...สุยอด :th2: :th2: :D :D
-
วันนี้ไม่สะดวกครับ หลังวันที่ 23 แล้วกันนะน้องเอช่วงนี้หากินไกลอิอิ
ตอนนี้เมาแล้วครับ
เอบางปู รายงาน ครับ
:cheer: :cheer:
-
ตอนนี้เมาแล้วครับ
เอบางปู รายงาน ครับ
:cheer: :cheer:
555+ :cheer:
-
ปุ่มต่างๆบนมิกซ์ครับ...
-อินพุทแจ๊ค (Input Jacks)
ทำหน้าที่รับสัญญาณจากไมโครโฟน หรือจากเครื่องดนตรีต่างๆ ที่เป็นไลน์ (line) ตำแหน่งมักอยู่ด้านบนสุดของเมิกเซอร์ลักษณะของเต้ารับสัญญาณ (jack) จะมีอยู่สามแบบคือ RCA (-10dB) , 1/4 นิ้ว (balance & unbalance) และ XLR การใช้เต้ารับสัญญาณนั้นขึ้นอยู่กับราคาของเครื่องมิกเซอร์นั้นหากมีราคาแพงเต้ารับสัญญาณจะเป็นแบบ XLR ส่วนมิกเซอร์แบบกึ่งโปรจะใช้เต้าแบบ RCA และขั้วต่อแบบ TS 1/4 นิ้ว
-แฟนทอม (Phantom)
ทำหน้าที่จ่ายไฟให้กับไมโครโฟนที่เป็นแบบ คอนเดนเซอร์ ไฟที่ออกมาจะเป็นไฟแบบดีศี (DC) ซึ่งมีแรงดันระหว่าง 12-48 โวลต์
-เฟส (Phase)
ทำหน้าที่ปรับแก้ไขเฟสที่ไม่ถูกต้องที่อาจเกิดจากการต่อขั้วสายที่ผิดพลาด หรือจากการวางไมค์หลายๆตัวที่อาจก่อให้เกิดการกลับเฟส (มักเกิดจากการวางไมค์มากกว่าสองตัวขึ้นไป) ให้คืนอยู่ในสภาพปกติ สวิทช์เฟสนี้จะพบในเฉพาะมิกเซอร์ราคาแพงเท่านั้น ซึ่งใช้สัญลักษณ์(ø)
-แพด (Pad)
จะพบสวิทช์นี้ในมิกเวอร์ที่มีราคาแพงขึ้นมา ทำหน้าที่ลดความแรงของสัญญาณที่เข้ามาลง -20dB และในมิกเซอร์บางยี่ห้อจะใช้คำว่า MIC ATT (microphone attenuation) ซึ่งทำหน้าที่เหมือนกัน
-สวิทช์เลือกไมค์,ไลน์,เทปอินพุท (Mic/Line/Tape Input Select)
ทำหน้าที่เป็นตัวเลือกแหล่งสัญญาณที่เข้ามาเพื่อให้ความเหมาะสมของระดับสัญญาณ ก่อนที่จะป้อนเข้าสู่ภาคปรีแอมป์ในมิกเซอร์ โดยไม่ก่อให้เกิดความผิดเพี้ยนของระดับสัญญาณ
-เกน (Gain) หรือ อินพุททริม (Input Trim)
ทำหน้าที่ปรับแต่งความแรงของสัญญาณที่เข้ามาหลังจากภาครับ (input) เพื่อเร่งหรือลดความแรงสัญญาณที่เข้ามาให้เหมาะสมต่อภาคปรีแอมป์ (pre-amp) มากที่สุด แลพเพื่อเลี่ยงการเกิดอาการแตกพร่า (distortion) ในขณะใช้งานเราสามารถปรับระดับสัญญาณได้ด้วยการดูที่มิเตอร์ (VU meter)
-พีคมิเตอร์ (Peak Meter)
ทำหน้าที่คอยเตือนระวังความแรงของสัญญาณที่เข้ามาในแชลเนลนั้นๆ ของมิกเซอร์ input เพื่อไม่ให้มีค่าที่กำหนดไว้โดยไฟจะสว่างขึ้น เมื่อไฟสว่างให้ปรับลดที่เกน (gian)
วิธีการดูสัญญาณที่ขึ้นพีคนั้นสามารถช่วยให้สามารถเร่งความแรงของสัญญาณที่เข้ามาได้เต็มขณะที่เราวัดจาก VU meter และทำให้เราทราบได้ว่ามีช่วงไหนของสัญญาณที่มีความแรงสูงสุด
-โลว์พาสฟิลเตอร์ (Lowpass-Filter)
ทำหน้าที่ตัดสัญญาณความถี่สูงระหว่าง 8-10kHz เพื่อไม่ให้ผ่านไปได้ แต่ยอมให้ความถี่ต่ำผ่านไปได้โดยสะดวก ซึ่งในเครื่องมิกเซอร์ราคาแพงๆสามารถตั้งค่าความถี่สูงที่ต้องการตัดไม่ให้ผ่านได้อีกด้วย
-ไฮพาสฟิลเตอร์ (Highpass-Filter)
ทำหน้าที่ตัดสัญญาณเฉพาะย่านความถี่ต่ำประมาณ 80Hz ไม่ให้ผ่านไปได้แต่ยอมให้ความถี่สูงผ่านไปได้ซึ่งในเครื่องมิกเซอร์ราคาแพงๆ สามารถตั้งค่าความถี่สูงที่ต้องการให้ผ่านได้อีกด้วย
-แชลเนลมิว (Channel Mute)
ทำหน้าที่ปิด-เปิดสัญญาณเฉพาะที่เข้ามาในแต่ล่ะแชนเนลของมิกเซอร์ ประโยชน์ของปุ่มนี้ช่วยให้กำหนดการปิด-เปิด ของสัญญาณในแต่ล่ะช่องที่ได้เป็นอิสระ
-อินเสิดแจ๊ค (Insert Jack)
ทำหน้าที่เสหมือนสวิทช์ร่วมที่เชื่อมอุปกรณ์จากภายนอกเพื่อให้เข้ามาผสมกับสัญญาณที่อยู่ในแต่แชนเนลของมิกเซอร์ ทำให้สามารถแยกสัญญาณจากแชนเนลเพื่อส่งไปเข้าเครื่องมือช่วยปรุงเสียงต่าง เช่นคอมเพรสเซอร์ หรือดีเลย์ ได้เป็นอิสระของแต่ล่ะช่องเสียง
-อีควอไลเซอร์ (Equalizer)
ทำหน้าที่ปรับความถี่ของสัญญาณที่เข้ามาเพื่อปรับแต่งหาความถูกต้องตามที่ต้องการ เรานิยมเรียกย่อว่า อีคิว(EQ) ลักษณะการทำงานของอีควนั้นจะมีแบบตั้งแต่แบบง่ายๆ สองย่านความถี่คือเสียงสูง (treble) และความถี่ต่ำ (bass) ไปจนถึงแบบละเอียดที่มีครบทุกความถี่ (สูง กลาง ต่ำ) ซึ่งจะเป็นอีคิวแบบที่เรียกว่า พาราเมทริกอีคิว (parametric EQ)
-อีคิวบายพาส (EQ bypass)
ทำหน้าที่ปิดหรือเปิดในการใช้อีคิวหรือจะไม่ใช้ ทั้งนี้เพื่อการฟังเปรียบเทียบการใช้อีคิวและไม่ใช้ว่า สัญญาณเสียงก่อนใช้อีคิวและหลังใช้จะเป็นอย่างไร
-เฟดเดอร์ (Fader)
ทำหน้าที่ปรับเพิ่มลดระดับสัญญาณที่เข้าและออกไปจากมิกเซอร์ output เพื่อป้อนเข้าสู่เครื่องบันทึกเทปหรือเครื่องขยายเสียง บางครั้งเรานิยมเรียกกันทั่วไปว่า วอลลุ่ม (volume)
-สตูดิโอเลฟเวล (Studio Level)
ทำหน้าที่ควบคุมความดังเบาของเสียงที่ส่งออกมาจากมิกเซอร์เพื่อส่งเข้าไปยังห้องที่บันทึกเสียงเครื่องดนตรีก็คือห้อง Studio นั่นเอง
-
-คอนโทรลรูมเลฟเวล (Control Room Level)
ทำหน้าที่ควบคุมความดังเบาของเสียงที่ได้ยินทั้งหมดจากมิเซอร์ สำหรับภายในห้องควบคุมเสียง (control room)
-โซโล (Solo) หรือ PFL
ทำหน้าที่ตัดสัญญาณในแต่ล่ะช่องเสียงออมาเพื่อการฟังโดยอิสระโดยเราจะได้ยินเฉพาะช่องเสียงที่เรากดปุ่มโซโลใช้งานอยู่เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องปิดร่องเสียงอื่นๆเช่น ในขณะที่กำลังฟังเสียงที่เข้ามาในมิกเซอร์สี่ช่องเสียงพร้อมๆกัน และเราต้องการฟังตรวจสอบเสียงจากช่องเสียงที่สองเพียงช่องเดียวเราก็กดปุ่มโซโลลงไป เราก็จะได้ยินเสียงจากช่องเสียงสองเท่านั้นซึ่งมันจะทำหน้าที่ตัดเสียงแยกในช่องเสียงอื่นๆให้เงียบโดยอัตโนมัติ
-โซโลเลฟเวล (Solo Level) หรือ PFL Level
ทำหน้าที่ควบคุมสัญญาณดังเบาเสียงของโซโลในช่องเสียงต่างๆ บนมิกเซอร์ทั้งหมดว่าให้อยู่ในระดับความดังเบาเท่าไหร่ตามความต้องการของเฮ้นจิเนียร์เพื่อความสมดุลของเสียงเมื่อกดออก เพื่อฟังรวมกับระดับเสียงปกติ จะได้ไม่ต่างในเรื่องของความดังเบาเสียงมากจนเกินไป
-อ๊อซิเลียอะรี (Auxiliary)
เรียกย่อๆว่า ออกเซนด์ (aux send) ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณที่เข้ามาในแต่ล่ะช่องเสียงเพื่องส่งออกไปยังอุปกรณ์ปรุงแต่งเสียงต่างๆ หรือแหล่งรับสัญญาณอื่นๆตามที่เราต้องการ ออกเซนด์ จะมีมาสเตอร์ออก (master aux ) ซึ่งควบคุมความแรงของสัญญาณ AUX ทั้งหมดในทุกช่องเสียงบนมิกเซอร์อีกต่อหนึ่ง
-พรี (Pre)
หมายถึงสัญญาณที่เข้ามาในแชนเนลเสียงของมิกเซอร์ จะถูกดักออกมาก่อนจะเข้าสู่เฟดเดอร์หลักที่เครือ่งมิกเซอร์ ซึ่งเมื่อดึงเฟดเดอร์หลักลงมาเพื่องลดสัญญาณเสียงลง สัญญาณเสียงก็จะไม่เบาตามไปด้วยแต่กจะไปดังออกที่ภาคพรี (pre) ซึ่งอาจจะพ่วงต่อไปยังเอฟเฟ็คต่างๆ เช่น รีเวอร์บ เป็นต้น ดังนั้นเสียงที่ยังคงได้ยินก็จะเป็นเสียงที่มากจากรีเวิร์บนั่นเอง ผลคือสัญญาณที่เข้ามาจะเป็นอิสระไม่ขึ้นกับเฟดเดอร์หลักทำให้สามารถนำสัญญาณนั้นๆไปใช้เพื่อผลได้ตามแต่ต้องการ
-โฟสต์ (Post)
หมายถึงสัญญาณที่เข้ามาในแชนเนลเสียงของมิกเซอร์ จะมีผลดังเบาตามเฟดเดอร์หลัก คือเมื่อเราลดเฟดเดอร์ลงสัญญาณที่เข้ามาก็จะลดลงตามไปด้วย แม้ว่าสัญญาณจะถูกแยกส่งออกไปยังเอฟเฟคอื่นๆก็ตาม
-แพน (Pan)
ทำหน้าทราเคลื่อนย้ายตำแหน่งสัญญาณให้ไปทางซ้ายหรือขวาและยังทำหน้าที่เป็นตัวถ่ายโอนสัญญาณร่องเสียง (track) เพื่อป้อนเข้าสู่เครื่องบันทึกเทปอีกด้วย
-กรุ๊ป หรือ บัส (Group or Bus)
ทำหน้าที่รวมสัญญาณที่เข้ามาจากหลายช่องเสียง (channel) เพื่อรวมสัญญาณให้ออกที่ output เดียวเพื่อส่งต่อไปยังเครื่องขยายเสียงหรือช่องเสียงภายในมิกเซอร์เอง เช่น เราสามารถกรุ๊ป หรือ บัสเสียงของกลุ่มนักร้องประมานเสียงจากหลายๆช่องเสียงบนมิกเซอร์ ให้ออกเป็นช่องเสียงเดียวกันได้ ด้วยการควบคุมเฟดเดอร์เพียงตัวเดียวเพื่อสดวกต่อการควบคุมดังเบาของสัญญาณเสียงทั้งหมด
-เลือกแทรคเสียง (Track Selected)
ในมิกเซอร์ที่มีราคาแพงนั้นจะอยู่ด้านบนสุดเป็นส่วนใหญ่ ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณว่าจะให้ออกไปสู่ช่องเสียงใดที่เครื่องบันทึกเทปแบบมัลตีแทรค ซึ่งอาจเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า ไดเร็คแอสไซน์ (direct assign)
-ไดเร็ค เอ๊าพุท (Direct Output)
ทำหน้าที่ดักสัญญาณที่เข้ามาโดยไม่ผ่านปุ่มต่างๆบนมิกเซอร์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำสัญญาณสดๆนี้ ไปต่อพวกกับอุปกรณ์แต่งเสียง (effects) หรือเครื่องบันทึกเสียงได้โดยตรง ตามแต่วัตถุประสงค์ และในขณะใช้งานฟังชันต่างๆเช่น อีคิว ก็ไม่มีผลต่อสัญญาณต้นฉบับโดยไม่โดนปรุงแต่งเสียก่อน
-เอฟเฟค เซนด์ (Effect Send)
ทำหน้าที่จ่ายสัญญาณออกมาจากตัวมิกเซอร์ในแต่ล่ะช่องเสียงไปสู่เอฟเฟคต่างไเช่น รีเวิร์บ (reverb) หรือดีเลย์ซึ่งมักใช้ปุ่ม aux เป็นตัวส่งสัญญาณ
-เอฟเฟค รีเทอร์น (Effect Return)
ทำหน้าที่รับสัญญาณที่ผ่านมาจากอุปกรณ์ต่างๆที่ถูกป้อนมาจาก ffect send อีกทีหนึ่งเพื่อการได้ยินเสียงที่ส่งออกมาจากเครื่องเอฟเฟค
-สเตอริโอ มาสเตอร์ เฟดเดอร์ (Stero Master Fader)
มีอยู่สองลักษณะคือแบบ สไลด์โวลุ่ม (slide volume) และแบบหมุน (rotary pot) ทำหน้าที่เป็นปรับความดังเบาของสัญญาณทั้งหมดบนมิกเซอร์ทั้งซ้ายขวาก่อนที่จะออกไปสู่เครื่องมือต่างๆ
-กรุ๊ปหรือบัสเอาต์พุตเฟดเดอร์ (Group or Buss Out Faders)
หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า ซับกรุ๊ป เฟดเดอร์ (subgroup faders) ควบคุมการส่งออกของสัญญาณที่มาจากกรุ๊ป หรือบัสอินพุทเฟดเดอร์ (buss input fader) โดยจะแยกเป็นสเตอริโอซึ่งทีแพน (pan) ทำหน้าที่ควบคุมการส่งสัญญาณไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อให้ผลของการมิกซ์เสียง หรือการจัดตำแหน่งสัญญาณ
-สเตอริโอบัส อินพุท (Stero Buss Input)
ทำหน้าที่รองรับสัญญาณจากเเหล่งสัญญาณอื่นๆ เพื่อให้สามารถนำสัญญาณมาใช้สัญญาณร่วมกัน เช่นกรณีที่ใช้มิกเซอร์สองตัวโดยตัวแรกใช้สำหรับรองรับสัญญาณจากเครื่องดนตรีและเสียงร้อง ส่วนมิกเซอร์ตัวที่สองใช้สำหรับกลุ่มคีย์บอร์ด แต่เราต้องการควบคุมสัญญาณทั้งหมดจากมิกเซอร์ตัวแรก เรามารถทำได้ด้วยการส่งสัญญาณจากมิกเซอร์ในตัวที่สองจากภาคเอาต์พุตสเตอรืฃิโอ (output stero) แล้วต่อเข้าที่สเตอริโอบัส (stereo buss) ที่ว่านี้ในมิกเซอร์ตัวแรกซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมความแรงของสัญญาณจากมิกเซอร์ตัวที่สอง ได้ที่มิกเซอร์ตัวแรกในภาคสเตอริโอบัสของมิกเซอร์ตัวแรก
-ออกซิเลียรี เซนด์ มาสเตอร์ (Auxiliary Send Masters)
ทำหน้าที่ควบคุมความดังเบาของสัญญาณทั้งหมดที่มาจาก aux จากแต่ล่ะช่องเสียงในมิกเซอร์ หากเราปิด aux send master ถึงแม่เราจะส่งสัญญาณจาก aux ในแต่ละแชนเนลก็จะไม่มีเสียงดัง ในทางตรงข้าม หากเราเพิ่มระดับความแรงของ aux send master ความแรงของสัญญาณจาก aux ในแต่ละช่องเสียงบนมิกเซอร์ก็จะดังทั้งหมด
-ทอร์คแบ็ค (Talk Back)
ทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารกันระหว่างห้องควบคุมและห้องบันทึกเสียง ซึ่งจะมีไมโครโฟนเล็กๆ (condencer mic) ที่อยู่บนมิกเซอร์ทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารระหว่างเอ็นจิเนียร์และนักดนตรี
-เฮดโฟน (Headphone Control)
เฮดโฟนคอนโทรลจะทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณจากมิกเซอร์ไปให้หูฟัง
-โทนออสซิเลเทอร์ (Tone Oscillator)
มักใช้อักษรย่อๆ คือ OSR ทำหน้าทีท่สัญญาณความถี่เสียงสูงกลางต่ำเพื่อใช้สำหรับตรวจสอบและอ้างการทำงานต่างๆของมิกเซอร์ เช่น วัดตรวจสอบความสมดุลซ้ายขวาของมิกเซอร์ เป็นต้น ส่วนใหญ่จะสร้างความถี่ที่ 40Hz ,400Hz,1kHz,4kHz,10kHz,15kHz
-
มีประโยชน์มากคับผมสำหรับเด็กฝึกหัดคับผม ขอบคุณมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
-
ขออนุญาตท่านแคมเมอร์ ขอบคุณจริงๆที่ให้ความรู้เรื่องมิกซ์สมัยใช้มิกซ์รุ่นเก่าเมดอินไทยแลนด์ก็พอทำเนาเข้าใจบ้างแต่มาเจอร์รุ่นใหม่ดิจิตอล24/46 bit นี่งงเป็นไก่ตาแตกใช้มาตั้งแต่ปี 46 ก็ยังงงเหมือนเดิมแค่ต่อสายจากมิกซ์เข้าแอมป์ก็ใช้แค่นั้นสายเมนก็ยังงงครับ(จากมิกซ์เข้าแอมป์)ต่อแบบไหนดี บาลานส์หรือ อันบาลานส์ผมลองดูทั้งสองแบบก็ใช้ได้ แต่งงหนักเข้าไปอีกเจอมาสองงานเสียบสายใช้งานตามปรกติเปิดเพลงดังซ้ายขวาแต่พอเสียบคอมพิวเตอร์แชนแนลซ้ายค่อยๆหายแชนแนลขวาปรกติกถอดออกเสียบช่องใหม่ดังเท่ากันแล้วช่องซ้ายก็ค่อยๆหายเหมือนเดิม เสียบไปเสียบมาก็ใช้ได้เมื่อวานว่างเอาเครื่องมาลองเป็นอีกข้างซ้ายมาเปิดเวปเจอท่านแคมเมอร์ให้ความรู้เรื่องมิกซ์ดีใจมากครับจะรู้เรื่องและเข้าใจก็ครั้งนี้แหละดีที่เราได้เป็นสมาชิกเอกซ์ทรีม มิกซ์ที่ใช้ยี่ห้อ เบอร์ริงเกอร์ 1832 เขาบอกว่า 18 อินพุท 2/3 อะไรจำไม่ได้ถ้าเป็นไปได้ช่วยแนะนำวิธีใช้ด้วยครับการต่อสายเมนและยี่ห้อสายด้วยครับ ขอบพระคุณล่วงหน้าอย่างมากๆครับผม
ขอโทษด้วยครับ...ที่มาตอบช้าไปหน่อย...เนื่องด้วยไม่สะดวกด้วยปัญหาหลายประการ เอาเป็นว่าตอบตอนนี้คงไม่ว่ากันนะครับ...หลักการของมิกซ์โดยพื้นฐานก็คล้ายๆกันนะครับ..ตัวบีริงเจอร์ 1832 มันก็อยู่ในซีรี่เดียวกับรุ่น2442 รุ่นทีผมขายให้พี่ตุ้มไป ฟังชั่นมันเยอะมาก แต่การใช้งานสำหรับผม ผมว่ามันก็ไม่ยุ่งยากเท่าไหร่อะครับ แต่ด้วยที่ฟังชั่นมันเยอะเลยอาจจะดูสับสนไปหน่อยเท่านั้นเอง แต่ถ้าจะให้ผมอธิบายการใช้งานผมก็ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหน เอาเป็นว่าถ้าสงสัยตรงถามมาแล้วกันครับ....ส่วนอาการที่ท่านบอกว่าเสียบคอมพ์แล้วมีปัญหาเสียงดังข้างไม่ดังข้าง...ท่านลองถอดคอมพ์ออกแล้ว ลองต่อเครืองเล่นซีดีเข้าไปแทนเปิดเพลงดูแล้วเป็นไหม...ถ้าไม่เป็นก็ปัญหาอยู่ที่คอมพ์หรือสายสัญญาณละครับ...เพราะเท่าที่ใช้มาก็ยังไม่เคยเจอปัญหานี้....ส่วนการต่อสายสัญญาณไปหาเพาเวอร์ถ้าจะให้ดีแนะนำใช้ใช้แบบบาล้านส์ ส่วนยี่ห้อสายสัญญาณผมจะไม่ซีรีสเท่าไหร่แต่จะผมไปเน้นที่แจ็คมากกว่า ถ้าพอมีงบก็ซื้อของแท้ไปเลยครับมั่นใจกว่า..ส่วนเรื่องราคาลองสอบถามกับท่าน..เด็กชายโสดดู...รู้สึกว่าท่านจะรู้แหล่งที่ซื้อได้ถูกกว่าทั่วๆไป...
ถามผู้รู้ครับ :kiss: กรณีใช้แจ๊คไมค์ เข้าช่องแชลแนลใดๆ บนมิกเซอร์ ทำไมไม่ค่อยดัง ครับ ขอบคุณครับ :thank1:
ขอรายละเอียดยี่ห้อและรุ่นของมิกซ์ด้วยครับ มีภาพประกอบด้วยยิ่งดี ปรกติแล้วไลย์มิกซ์มันไม่เบานะครับมันปรับเกนได้... ;D
-
เป็นความรู้เลยครับผมเพิ่งจะเริ่มเล่นครับกะว่าจะซื้อแบบเคลื่อนที่เร็วก่อนง่ะ Berringerแบบมีเพาวเวอร์และeqในตัว14000บาทน่าใช้หรือเปล่าคร้าบบบ
อันนี้ก็ช้าอีกแหละ...เพาเวอร์มิกซ์ของแบนด์ดังพวกนี้โดยมากแล้วผมว่าเสียงดีนะครับ...คือเราไม่เน้นตูมตาม...งานสังสรรค์เล็กๆไม่ผิดหวังแต่มันมีข้อจำกัดอัดมากไม่ได้ ...อันนี้ต้องเข้าใจ.. :zzz:
-
ขอบคุณครับผม
-
ขอบคุณมากครับ
-
ขอบคุณมากครับ ความรู้ทั้งนั้น :happy: :beer:
-
รบกวนผู้รู้ครับ จะซื้อมิกซ์ไว้ใช้งานคาราโอเกะ มีงบอยู่ 1o,ooo บาท จะซื้อของอะไรดีครับ
-
รบกวนผู้รู้ครับ จะซื้อมิกซ์ไว้ใช้งานคาราโอเกะ มีงบอยู่ 1o,ooo บาท จะซื้อของอะไรดีครับ
YAMAHA & ALTO ครับ
-
YAMAHA & ALTO ครับ
ตามนั้นครับ ยามาฮ่าน่าเล่นมากครับเสียงร้องดีใช้งานง่าย นี่ว่าจะหาอีกสักตัวให้ครบหกตัวครับ ;D
-
สุดยอด...ได้ความรู้มากจริง ๆ
-
หวัดดีค่ะ..มีมิกซ์ บีริงเจอร์ vb2222fx-pro หาช่องต่อมอนิเตอร์หน้าเวทีควรใช้ต่อแบบไหนค่ะ :thank2:
-
หวัดดีค่ะ..มีมิกซ์ บีริงเจอร์ vb2222fx-pro หาช่องต่อมอนิเตอร์หน้าเวทีควรใช้ต่อแบบไหนค่ะ :thank2:
AUX1-2
-
ขอถามด้วย เสียงลำโพงแต่ละข้างดังไม่เท่ากัน ทั้งๆที่เปิดวอลลุมเท่ากัน เป็นที่อะไรครับหรือต้องลองเช็คแหล่งที่มาของสัญญาณครับ ขอบคุณ
ผมก็เคยเจอปัญหาแบบนี้เหมือนกันครับ เช็คไปเช็คมาเป็นเพราะสายสัญญาณตัวเองแท้ๆ ดูข้างนอกดีๆนะครับแต่ข้างในใครจะไปรู้ วัดโอห์มก็ปกติ การการวิ่งของเสียงไม่เหมือนการใช้มิเตอร์วัด สายสัญญาณซื้อจากตลาดอย่าไว้ใจครับ ทุกชนิด ขอบคุณครับ
-
AUX1-2
ขอบคุณค่ะเดี๋ยวจะไปลองต่อดูค่ะ :thank2:
-
ขอบคูณนะครับ สำหรับข้อมูลดีๆแบบนี้ :happy: :happy: :happy:
-
ขอบคุณท่าน แคมเมอร์มากๆครับ :thank1:
:th1:มีประโยชน์มากๆเลยครับสำหรับผู้ที่ยังไม่รู้ :thank1:
-
:D ดีใจจัง ผมใช้ soudcraft LX7II ยังไม่เป็นเลยได้ประโยชน์ ก็คราวนี้แหละยอดเยี่ยมมากๆเลย
ขอบพระคุณ
-
สุดยอดเลยครับผม บทความนี้มีประโยชน์มากสำหรับเด็กใหม่อย่างผมครับ ขอบคุณมากครับผม :th2: :th1: :D
-
ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เรื่องมิกซ์เพิ่มขึ้นเยอะ
-
ได้ความรู้อีกมากขอบพระคุณจริงๆ :th2:
-
ขอบคุณมากครับ ที่ชี้ทางสว่าง
-
ยัง งง ๆ กับ Mackie CFX20 MarkII พึ่งซื้อมา ลองต่อ ดู Mix => Crossover =>3 Power Amp (เล่น 3 ทาง) ลองไมค์ ไม่มีเสียง แสดงว่าต่อไม่ถูก หาคู่มือ ไม่ว่ามีหรือไม่ หรือวางไว้ที่ใหนหาไม่เจอ อยากถาม ผู้รู้ หรือมี คู่มือ ช่วยอนุเคราะ์ห์ด้วยdownload video (http://www.savetubevideo.com)
-
:happy:ขอบคุณมากที่ให้ความรู้ :thank1:
-
ยัง งง ๆ กับ Mackie CFX20 MarkII พึ่งซื้อมา ลองต่อ ดู Mix => Crossover =>3 Power Amp (เล่น 3 ทาง) ลองไมค์ ไม่มีเสียง แสดงว่าต่อไม่ถูก หาคู่มือ ไม่ว่ามีหรือไม่ หรือวางไว้ที่ใหนหาไม่เจอ อยากถาม ผู้รู้ หรือมี คู่มือ ช่วยอนุเคราะ์ห์ด้วยdownload video (http://www.savetubevideo.com)
ลองดูที่นี่ครับ >> http://th.diplodocs.com/jim/MACKIE/CFX%2020%20MIXER%20-_E
-
:happy: :happy: Thank You :happy: :happy:
-
ได้รับความรู้กี่ยวกับการปรับแต่ง Mixer อีกเยอะเลยครับครับ ขอบคุณครับ
lek
-
พอดีต้องการใช้โปรแกรมคาราโอเกะด่วนครับ แต่ว่าพอโหลดโปรแกรมคาราโอเกะแล้วขึ้นว่า hardlock not found ไม่รู้เป็นเพราะอะไรครับ ช่วยตอบปัญหาหน่อยครับ :thank1: :thank1: :thank1:
-
-คอนโทรลรูมเลฟเวล (Control Room Level)
ทำหน้าที่ควบคุมความดังเบาของเสียงที่ได้ยินทั้งหมดจากมิเซอร์ สำหรับภายในห้องควบคุมเสียง (control room)
-โซโล (Solo) หรือ PFL
ทำหน้าที่ตัดสัญญาณในแต่ล่ะช่องเสียงออมาเพื่อการฟังโดยอิสระโดยเราจะได้ยินเฉพาะช่องเสียงที่เรากดปุ่มโซโลใช้งานอยู่เท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องปิดร่องเสียงอื่นๆเช่น ในขณะที่กำลังฟังเสียงที่เข้ามาในมิกเซอร์สี่ช่องเสียงพร้อมๆกัน และเราต้องการฟังตรวจสอบเสียงจากช่องเสียงที่สองเพียงช่องเดียวเราก็กดปุ่มโซโลลงไป เราก็จะได้ยินเสียงจากช่องเสียงสองเท่านั้นซึ่งมันจะทำหน้าที่ตัดเสียงแยกในช่องเสียงอื่นๆให้เงียบโดยอัตโนมัติ
-โซโลเลฟเวล (Solo Level) หรือ PFL Level
ทำหน้าที่ควบคุมสัญญาณดังเบาเสียงของโซโลในช่องเสียงต่างๆ บนมิกเซอร์ทั้งหมดว่าให้อยู่ในระดับความดังเบาเท่าไหร่ตามความต้องการของเฮ้นจิเนียร์เพื่อความสมดุลของเสียงเมื่อกดออก เพื่อฟังรวมกับระดับเสียงปกติ จะได้ไม่ต่างในเรื่องของความดังเบาเสียงมากจนเกินไป
-อ๊อซิเลียอะรี (Auxiliary)
เรียกย่อๆว่า ออกเซนด์ (aux send) ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณที่เข้ามาในแต่ล่ะช่องเสียงเพื่องส่งออกไปยังอุปกรณ์ปรุงแต่งเสียงต่างๆ หรือแหล่งรับสัญญาณอื่นๆตามที่เราต้องการ ออกเซนด์ จะมีมาสเตอร์ออก (master aux ) ซึ่งควบคุมความแรงของสัญญาณ AUX ทั้งหมดในทุกช่องเสียงบนมิกเซอร์อีกต่อหนึ่ง
-พรี (Pre)
หมายถึงสัญญาณที่เข้ามาในแชนเนลเสียงของมิกเซอร์ จะถูกดักออกมาก่อนจะเข้าสู่เฟดเดอร์หลักที่เครือ่งมิกเซอร์ ซึ่งเมื่อดึงเฟดเดอร์หลักลงมาเพื่องลดสัญญาณเสียงลง สัญญาณเสียงก็จะไม่เบาตามไปด้วยแต่กจะไปดังออกที่ภาคพรี (pre) ซึ่งอาจจะพ่วงต่อไปยังเอฟเฟ็คต่างๆ เช่น รีเวอร์บ เป็นต้น ดังนั้นเสียงที่ยังคงได้ยินก็จะเป็นเสียงที่มากจากรีเวิร์บนั่นเอง ผลคือสัญญาณที่เข้ามาจะเป็นอิสระไม่ขึ้นกับเฟดเดอร์หลักทำให้สามารถนำสัญญาณนั้นๆไปใช้เพื่อผลได้ตามแต่ต้องการ
-โฟสต์ (Post)
หมายถึงสัญญาณที่เข้ามาในแชนเนลเสียงของมิกเซอร์ จะมีผลดังเบาตามเฟดเดอร์หลัก คือเมื่อเราลดเฟดเดอร์ลงสัญญาณที่เข้ามาก็จะลดลงตามไปด้วย แม้ว่าสัญญาณจะถูกแยกส่งออกไปยังเอฟเฟคอื่นๆก็ตาม
-แพน (Pan)
ทำหน้าทราเคลื่อนย้ายตำแหน่งสัญญาณให้ไปทางซ้ายหรือขวาและยังทำหน้าที่เป็นตัวถ่ายโอนสัญญาณร่องเสียง (track) เพื่อป้อนเข้าสู่เครื่องบันทึกเทปอีกด้วย
-กรุ๊ป หรือ บัส (Group or Bus)
ทำหน้าที่รวมสัญญาณที่เข้ามาจากหลายช่องเสียง (channel) เพื่อรวมสัญญาณให้ออกที่ output เดียวเพื่อส่งต่อไปยังเครื่องขยายเสียงหรือช่องเสียงภายในมิกเซอร์เอง เช่น เราสามารถกรุ๊ป หรือ บัสเสียงของกลุ่มนักร้องประมานเสียงจากหลายๆช่องเสียงบนมิกเซอร์ ให้ออกเป็นช่องเสียงเดียวกันได้ ด้วยการควบคุมเฟดเดอร์เพียงตัวเดียวเพื่อสดวกต่อการควบคุมดังเบาของสัญญาณเสียงทั้งหมด
-เลือกแทรคเสียง (Track Selected)
ในมิกเซอร์ที่มีราคาแพงนั้นจะอยู่ด้านบนสุดเป็นส่วนใหญ่ ทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณว่าจะให้ออกไปสู่ช่องเสียงใดที่เครื่องบันทึกเทปแบบมัลตีแทรค ซึ่งอาจเรียกได้อีกชื่อหนึ่งว่า ไดเร็คแอสไซน์ (direct assign)
-ไดเร็ค เอ๊าพุท (Direct Output)
ทำหน้าที่ดักสัญญาณที่เข้ามาโดยไม่ผ่านปุ่มต่างๆบนมิกเซอร์ เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถนำสัญญาณสดๆนี้ ไปต่อพวกกับอุปกรณ์แต่งเสียง (effects) หรือเครื่องบันทึกเสียงได้โดยตรง ตามแต่วัตถุประสงค์ และในขณะใช้งานฟังชันต่างๆเช่น อีคิว ก็ไม่มีผลต่อสัญญาณต้นฉบับโดยไม่โดนปรุงแต่งเสียก่อน
-เอฟเฟค เซนด์ (Effect Send)
ทำหน้าที่จ่ายสัญญาณออกมาจากตัวมิกเซอร์ในแต่ล่ะช่องเสียงไปสู่เอฟเฟคต่างไเช่น รีเวิร์บ (reverb) หรือดีเลย์ซึ่งมักใช้ปุ่ม aux เป็นตัวส่งสัญญาณ
-เอฟเฟค รีเทอร์น (Effect Return)
ทำหน้าที่รับสัญญาณที่ผ่านมาจากอุปกรณ์ต่างๆที่ถูกป้อนมาจาก ffect send อีกทีหนึ่งเพื่อการได้ยินเสียงที่ส่งออกมาจากเครื่องเอฟเฟค
-สเตอริโอ มาสเตอร์ เฟดเดอร์ (Stero Master Fader)
มีอยู่สองลักษณะคือแบบ สไลด์โวลุ่ม (slide volume) และแบบหมุน (rotary pot) ทำหน้าที่เป็นปรับความดังเบาของสัญญาณทั้งหมดบนมิกเซอร์ทั้งซ้ายขวาก่อนที่จะออกไปสู่เครื่องมือต่างๆ
-กรุ๊ปหรือบัสเอาต์พุตเฟดเดอร์ (Group or Buss Out Faders)
หรือในอีกชื่อหนึ่งว่า ซับกรุ๊ป เฟดเดอร์ (subgroup faders) ควบคุมการส่งออกของสัญญาณที่มาจากกรุ๊ป หรือบัสอินพุทเฟดเดอร์ (buss input fader) โดยจะแยกเป็นสเตอริโอซึ่งทีแพน (pan) ทำหน้าที่ควบคุมการส่งสัญญาณไปทางซ้ายหรือขวา เพื่อให้ผลของการมิกซ์เสียง หรือการจัดตำแหน่งสัญญาณ
-สเตอริโอบัส อินพุท (Stero Buss Input)
ทำหน้าที่รองรับสัญญาณจากเเหล่งสัญญาณอื่นๆ เพื่อให้สามารถนำสัญญาณมาใช้สัญญาณร่วมกัน เช่นกรณีที่ใช้มิกเซอร์สองตัวโดยตัวแรกใช้สำหรับรองรับสัญญาณจากเครื่องดนตรีและเสียงร้อง ส่วนมิกเซอร์ตัวที่สองใช้สำหรับกลุ่มคีย์บอร์ด แต่เราต้องการควบคุมสัญญาณทั้งหมดจากมิกเซอร์ตัวแรก เรามารถทำได้ด้วยการส่งสัญญาณจากมิกเซอร์ในตัวที่สองจากภาคเอาต์พุตสเตอรืฃิโอ (output stero) แล้วต่อเข้าที่สเตอริโอบัส (stereo buss) ที่ว่านี้ในมิกเซอร์ตัวแรกซึ่งจะทำให้สามารถควบคุมความแรงของสัญญาณจากมิกเซอร์ตัวที่สอง ได้ที่มิกเซอร์ตัวแรกในภาคสเตอริโอบัสของมิกเซอร์ตัวแรก
-ออกซิเลียรี เซนด์ มาสเตอร์ (Auxiliary Send Masters)
ทำหน้าที่ควบคุมความดังเบาของสัญญาณทั้งหมดที่มาจาก aux จากแต่ล่ะช่องเสียงในมิกเซอร์ หากเราปิด aux send master ถึงแม่เราจะส่งสัญญาณจาก aux ในแต่ละแชนเนลก็จะไม่มีเสียงดัง ในทางตรงข้าม หากเราเพิ่มระดับความแรงของ aux send master ความแรงของสัญญาณจาก aux ในแต่ละช่องเสียงบนมิกเซอร์ก็จะดังทั้งหมด
-ทอร์คแบ็ค (Talk Back)
ทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารกันระหว่างห้องควบคุมและห้องบันทึกเสียง ซึ่งจะมีไมโครโฟนเล็กๆ (condencer mic) ที่อยู่บนมิกเซอร์ทำหน้าที่ติดต่อสื่อสารระหว่างเอ็นจิเนียร์และนักดนตรี
-เฮดโฟน (Headphone Control)
เฮดโฟนคอนโทรลจะทำหน้าที่เป็นตัวจ่ายสัญญาณจากมิกเซอร์ไปให้หูฟัง
-โทนออสซิเลเทอร์ (Tone Oscillator)
มักใช้อักษรย่อๆ คือ OSR ทำหน้าทีท่สัญญาณความถี่เสียงสูงกลางต่ำเพื่อใช้สำหรับตรวจสอบและอ้างการทำงานต่างๆของมิกเซอร์ เช่น วัดตรวจสอบความสมดุลซ้ายขวาของมิกเซอร์ เป็นต้น ส่วนใหญ่จะสร้างความถี่ที่ 40Hz ,400Hz,1kHz,4kHz,10kHz,15kHz
-
แจ่มมากครับท่านแคมเมอร์ :th2:
-
:thank1: :happy:
-
ขอบคุณมากๆครับ... :thank1: :th2: :th2:
ผมก็พึ่งถอย NTS E1832FXออกมาเมื่อปีใหม่นี้เอง
พร้อมกับ Crossover NTS เหมือนกับอาจารย์สมศรีเลยครับ....
ก็เสียงดีพอใช้ได้ครับ...
-
ขอบคุณมากครับ ความรู้ทั้งนั้น
-
ใครมีคู่มือ Alen&HEATH GL2 บ้างครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ
-
เข้าใจมากขึ้นเยอะเลยครับ :thank1:
-
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆ (ก๊อปไว้ก่อน) :happy:
-
ขอบคุณครับที่แบ่งปันความรู้
-
รบกวนถามหน่อยครับปุ่ม SEND1,SEND2FX,แล้วก็ RETURN1,RETURN2,มีความหมายว่าอะไรและใช้งานยังงัยครับ
MiX ของ Proeuro Tech รุ่น MG-1200 USB เพิ่งหัดเล่นนะครับ หรือถ้ามีคู่มือเป็นภาษาไทยก็ดีครับ ขอบคุณครับ
-
รบกวนถามหน่อยครับปุ่ม SEND1,SEND2FX,แล้วก็ RETURN1,RETURN2,มีความหมายว่าอะไรและใช้งานยังงัยครับ
MiX ของ Proeuro Tech รุ่น MG-1200 USB เพิ่งหัดเล่นนะครับ หรือถ้ามีคู่มือเป็นภาษาไทยก็ดีครับ ขอบคุณครับ
send ทั้ง1 และ 2 เป็นช่องส่งสัญญานออก แยกต่างหากเป็นอิสระจากโวลลุ่มหลักครับ
โดยปกติมักใช้ส่งสัญญานออกไปหาอุปกรณ์แต่งเสียงภายนอก เช่น เอฟเฟค คอมเพรสเซอร์ แล้ววนกลับมาทางช่องรีเทอร์น
การใช่ช่องนี้เราจะสามารถเร่ง หรือลดระดับสัญญานที่ส่งออกไปได้โดยการเร่ง หรือลด ที่ปุ่ม send ทั้งสองปุ่มแยกในแต่ละช่องสัญญาน
โดยที่จะไม่ไปมีผลกับระดับเสียงในโวลลุ่มหลัก
-
send ทั้ง1 และ 2 เป็นช่องส่งสัญญานออก แยกต่างหากเป็นอิสระจากโวลลุ่มหลักครับ
โดยปกติมักใช้ส่งสัญญานออกไปหาอุปกรณ์แต่งเสียงภายนอก เช่น เอฟเฟค คอมเพรสเซอร์ แล้ววนกลับมาทางช่องรีเทอร์น
การใช่ช่องนี้เราจะสามารถเร่ง หรือลดระดับสัญญานที่ส่งออกไปได้โดยการเร่ง หรือลด ที่ปุ่ม send ทั้งสองปุ่มแยกในแต่ละช่องสัญญาน
โดยที่จะไม่ไปมีผลกับระดับเสียงในโวลลุ่มหลัก
:D
ขอบคุณมากครับ
:happy:
-
ได้ความรู้เกี่ยวกับปุ่มปรับแต่งต่างๆของ Mixer อีกมากเลยทีเดียวเชียว :thank1: :zzz:
-
ได้เพิ่มความรู้ใส่หัวอีกแล้ว
ขอบคุณครับ
-
ขอบคุณครับ ได้ความรู้มาก ๆๆๆๆ
-
ขอบคุณมากครับ
-
ได้ความรู้ใหม่ เพิ่มเติมอีกแล้ว ขอบคุณครับ :thank1:
-
ขอบคุณสำหรับ ความรู้เพิ่มเติมครับ
-
มีคำถามครับ ไฟ 48 v จาก pantom นี่ใช้ยังไงครับ เพื่อจ่ายให้ไมค์สาย หรือ คอนเดนเซอร์ไมค์
อีกข้อ ครับ มือโปร สว่นใหญ่ เอาสัญญาณจากจุดไหนของมิกซ์ ไปขับแอมป์ มอนิเตอร์ หน้าเวที
รอคำตอบจากท่านผู้รู้ ผู้มีประสพการณ์มาก่อนครับ
-
ได้ความรู้มากมาย ขอบคุณสำหรับกูรูมากครับ :D
-
:happy: จากไม่รู้อะไรเลยตอนนี้ได้ความรู้มากเลยครับ ขอขอบคุณมากมากครับ :th2:
-
มีคำถามครับ ไฟ 48 v จาก pantom นี่ใช้ยังไงครับ เพื่อจ่ายให้ไมค์สาย หรือ คอนเดนเซอร์ไมค์
อีกข้อ ครับ มือโปร สว่นใหญ่ เอาสัญญาณจากจุดไหนของมิกซ์ ไปขับแอมป์ มอนิเตอร์ หน้าเวที
รอคำตอบจากท่านผู้รู้ ผู้มีประสพการณ์มาก่อนครับ
1 ใช้เฉพาะกับไมค์คอนเดนเซอร์
2 ต่อจากช่อง AUX SEND
-
ถามผู้รู้ครับ :kiss: กรณีใช้แจ๊คไมค์ เข้าช่องแชลแนลใดๆ บนมิกเซอร์ ทำไมไม่ค่อยดัง ครับ ขอบคุณครับ :thank1:
ไมค์สายใช่ไหมครับ ถ้ายี่ห้อไม่ค่อยดัง (ราคาถูกๆ) เสียงที่ออกมาจะเบากว่าไมค์ราคาแพงครับ ถ้าเป็นไมค์ลอยก็จะมีปุ่มเร่งสัญญาณที่ตัวเครื่องรับช่วยอีกที ทำให้เสียงที่ได้ดังกว่าไมค์สายครับ
-
ขอบคุณครับพี่
-
ใครมีคู่มือ Alen&HEATH GL2 บ้างครับ ขอคำแนะนำด้วยครับ
ลองดูครับ
http://mediaseiten.de/gl2/gl2_user_guide.pdf (http://mediaseiten.de/gl2/gl2_user_guide.pdf)
-
ยัง งงๆ กะเรื่องเครื่องเสียง แต่ขอบคุณสำหรับข้อมูลมากๆเลยครับ :love2:
-
ครอส 234xl 2100
EQ 966 5000
คอมเพรสเซอร์166xl 4000
เอ็ฟเฟ็ค M-350 5000
แอมป์ Mx-1400i ราคา 19000
แอมป์ Mx-800i ราคา 12500
มิกซ์ MFX-8 ราคา 4500
ไมค์ลอย 999 ราคา 6100 กำลังใช้เซตนี้อยู่มีวิธีปรับไมค์ร้องยังไงให้ดูดเสียงหน่อยเร่งโวลุ่มมากก็หอนถ้าเบาต้องตะเบงเสียงมากไม่ดูด เบื้องต้นน่าจะเป็นที่
มิกซ์ MFX-8 น่าคล่อมงานล๊ะมั้ง
๊ง
-
ขอบคุณมากที่ให้ความรู้ :happy:
-
ขอบคุณครับ ขออนุญาตคัดลอกครับ
-
:thank1: :th2:
-
เก็บความรู้ครับ
-
ไมค์ลอยควรเข้าช่องไหนของmixระหว่าง mic กับ line
-
mic
-
ถามผู้รู้ทุกท่านครับ ช่องสัญญาณต่าง ๆ เหล่านี้ทำหน้าที่อย่างไรบ้างครับ
ช่อง MiX O/P
ช่อง MIX TNS
ช่อง AUX O/P
ช่อง 2TRK RET
ขอบคุณครับ
-
ได้รับความรู้มาก..ขออนุญาติเก็บข้อมูลดีๆไว้คงไม่ว่านะครับ
-
:thank1: :th2: :th2:
-
ขอบคุณครับ :thank1:
-
ความรู้เพียบเลย ขอบคุณคราฟฟ :thank1: :th2:
-
ผมอยากทราบปุ่มการทำงานของมิกซ์ ALTO LIVE 2404 ครับ ใครพอจะมีความรู้บ้างครับ
-
ผมอยากทราบปุ่มการทำงานของมิกซ์ ALTO LIVE 2404 ครับ ใครพอจะมีความรู้บ้างครับ
2404 ปุ่มและฟังค์ชั่นเยอะแยะ
คู่มือไม่มีมาหรือครับ ถ้ามีอ่านคู่มือ ถ้าอ่านหรือเดาไม่ออกก็ต้องหาคนช่วยแปล
-
เคยมีคนยกรุ่นนี้มาหา ให้ช่วยปรับ ก็โอเคอยู่ ลูบๆคำๆบิดๆหมุน ในที่สุดแฮปปี่
-
พอสังเขปครับ https://www.youtube.com/watch?v=h1OaJdGtJIY (https://www.youtube.com/watch?v=h1OaJdGtJIY)
-
อยากได้ฉบับภาษาไทย มากกว่าครับ
-
ขอบคุณทุกท่านที่แนะนำมา มากครับ
-
เก็บความรู้ครับ :cheer1:
-
ผมอยากของควาามรู้เรื่อง MIX ALTO รุ่น LIVE 2404 หน่อยครับ