ผู้เขียน หัวข้อ: วันไหว้ครู  (อ่าน 4373 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ เด็กเมืองน่าน

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 846
  • HL#8C0CFE98 ชายเสรี
วันไหว้ครู
« เมื่อ: วันที่ 5 มิถุนายน 2009, 21:14:56 น. »

 ครู  หมายถึง ผู้อบรมสั่งสอน ผู้ถ่ายทอดความรู้ ผู้สร้างสรรค์ ภูมิปัญญา และพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เพื่อนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรือง ของสังคมและประเทศชาติ

ความเป็นมาของวันไหว้ครู
วันไหว้ครูประจำปี ซึ่งทุกสถาบันมักจะเลือกเอาช่วงเปิดภาคเรียนใหม่ๆไปแล้วประมาณสัปดาห์ 3-4

 คนเราทุกคนที่เกิดมาในโลก จะต้องเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ มากมายตั้งแต่เกิดจนวาระสุดท้ายของชีวิตในวัยเด็ก ต้องได้รับการอบรมสั่งสอนจากมารดาบิดา ครั้นเติบโตขึ้นก็รับการศึกษาจากครูอาจารย์ การศึกษาในระยะแรกนี้จะเป็น พื้นฐานในการดำรงชีวิตและเป็นรากฐานของการศึกษาในขั้นสูงต่อไป เมื่อสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนหรือสถาบันต่างๆ แล้ว ก็มิได้หมายความว่าการศึกษาเสร็จสิ้นสมบูรณ์ลงเพียงเท่านั้น เรายังจะต้องศึกษาชีวิตและการงานต่าง ๆ ต่อไปอีก ตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่โดยอาศัยพื้นฐานความรู้ที่ได้รับจากมารดา บิดาและครูอาจารย์ จึงเป็นบุคคลสำคัญ และเป็นผู้มีอุปการะคุณ
ของเราทุกคนการเคารพเชื่อฟังปฏิบัติตามคำสอนและยกย่องท่านในฐานะปูชนียบุคคลจึงก่อให้เกิดสิริมงคลและความเจริญก้าวหน้าในการดำรงชีวิต
ดังที่มีพระบาลีกล่าวไว้ในมงคลสูตรว่า "ปูชา จ ปูชนียานํ เอตมฺมงฺคลมุตฺตมํ" แปลว่า "การบูชาผู้ควรบูชา เป็นมงคลอันอุดม"
        สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ตรัสสอนไว้ในเรื่องทิศ 6 ว่า ครูคือผู้อนุเคราะห์ศิษย์ด้วยการปฏิบัติ 5 ประการ คือ แนะนำดี ได้แก่ การสอนให้ศิษย์ตั้งตนอยู่ในทำนองคลองธรรม รู้จักเหตุ รู้จักผล รู้จักผิดชอบชั่วดี  ให้เรียนดี คือให้ศิษย์ได้รับการศึกษาด้วยดี ไม่มีอุปสรรคขัดข้อง ได้รับความรู้อย่างเต็มที่ สอนศิลปวิทยา โดยไม่ปิดบังอำพราง คือ สอนหรือให้ความรู้จนเต็มความสามารถของตน ยกย่องศิษย์ที่มีความรู้ ความสามารถและมีความประพฤติดีให้ปรากฏ ทำความป้องกันในทิศทั้งหลาย หมายถึง ป้องกันมิให้ศิษย์ประสบความวิบัติตกต่ำในทุก ๆ ด้าน เช่น ป้องกัน มิให้ถูกใส่ร้ายป้องกันมิให้ประพฤติชั่ว ป้องกันมิให้ได้รับอันตราย เป็นต้น

        บุคคลที่ปฏิบัติตนต่อผู้อื่นด้วยความประพฤติดังกล่าวอย่างครบถ้วน ย่อมถือได้ว่าเป็นครูอย่างแท้จริง แม้ผู้เป็นครูจะมีความประพฤติปฏิบัติตรงตามคำสอนของพระบรมศาสดาเพียงข้อใดข้อหนึ่งก็สมควรที่ผู้เป็นศิษย์จะต้องเคารพ ยกย่อง และการเคารพยกย่องครูนั้น ต้องเคารพยกย่องโดยความ
รู้ความเข้าใจที่ถูกต้อง ย่อมถือได้ว่า เป็นความเคารพ ยกย่องที่ไม่งมงายและไม่เกิดโทษดังนั้นผู้เป็นศิษย์พึงแยกบุคคลและสภาพธรรมะหรือ
ความประพฤติออกจากกัน เป็นคนละส่วนจึงจะมองเห็นความน่าเคารพในครูอาจารย์ของตนและพึงระลึกได้เสมอว่าเราจะต้องเคารพในความเป็น ครูมิใช่เคารพบุคคลที่เป็นครู จึงจะถูกต้องตรงตามคำสอนของพระบรมศาสดา
        ด้วยเหตุที่ครูเป็นบุคคลสำคัญ และพระคุณต่อศิษย์ดังกล่าวมาแล้ว ดังนั้น เมื่อจะมีการเรียนการสอนศิลปวิทยา แขนงใด ๆ ก็ตามคนไทยเราซึ่งนับถื่อพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติจึงมีการไหว้ครู เป็นการมอบตัวเข้าเป็น ศิษย์ของครูผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชา พิธีไหว้ครูที่ทำกันมาแต่โบราณ นิยมทำกันในวันพฤหัสบดี (คติพราหมณ์ถือว่า พระพฤหัสบดีเป็นครูของเทวดาทั้งหลาย) โดยผู้เป็นศิษย์จะนำเครื่องสักการะ อันประกอบด้วย ธูป เทียน
ข้าวตอก ดอกมะเขือ และหญ้าแพรก ใส่พานและนำเข้าไปให้ครู แสดงความเคารพ (โดยการกราบ) แล้วส่งเครื่องสักการะให้ ครู และกล่าววาจามอบตนเข้าเป็นศิษย์ของครู (หากเป็นเด็กเล็ก ๆ มารดาบิดาจะเป็นผู้นำไปมอบและกล่าววาจาฝากฝัง บุตรของตนต่อครู) ครูจะรับเครื่องสักการะแล้วแนะนำสั่ง
สอนเป็นเบื้องต้น พร้อมทั้งให้พรแก่ศิษย์ หลังจากนั้นครูก็เริ่มสอนศิลปวิทยาแก่ศิษย์ต่อไปเป็นลำดับจนศิษย์มีความรู้ สามารถประกอบอาชีพได้ ครูก็จะส่งกลับคืนให้แก่มารดา บิดาเป็นอันว่าสำเร็จการศึกษา ในสมัยโบราณ ในระหว่างรับการศึกษานั้น ศิษย์จะต้องพักอยู่ในบ้านของครูช่วยทำ กิจกรรมงานต่าง ๆ ควบคู่ไปกับการเรียนส่วนครูก็จะเลี้ยงดูศิษย์ไปด้วย ดังนั้นศิษย์ในสมัยโบราณจึงเคารพนับถือครูเสมอด้วยมารดาบิดาเพราะเหตุที่ท่านให้ความอุปการะเลี้ยงดู ดุจมารดาบิดาผู้ให้กำเนิด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 5 มิถุนายน 2009, 21:25:09 น. โดย เด็กเมืองน่าน »

ออฟไลน์ เด็กเมืองน่าน

  • ลงทะเบียน HL
  • ระดับ 5
  • *
  • กระทู้: 846
  • HL#8C0CFE98 ชายเสรี
Re: วันไหว้ครู
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: วันที่ 5 มิถุนายน 2009, 21:19:07 น. »
ความหมายของ"การไหว้ครู"
        "การไหว้ครู" คือ การแสดงถึงความเคารพกตเวทีแด่ท่านบูรพาจารย์ และครูบาอาจารย์ ผู้ซึ่งประสิทธิ์ประสาทวิชาให้ เพื่อจะได้เป็นความรู้ติดตัวนำไปประกอบอาชีพ เพื่อสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้แก่ตนเองในภายภาคหน้า
        "การไหว้ครู" คือ การที่ศิษย์แสดงความเคารพ ยอมรับนับถือครูบาอาจารย์อย่างจริงใจว่า ท่านเพียบพร้อมด้วยคุณธรรมความรู้ ศิษย์ในฐานะผู้สืบทอดมรดกทางวิชาการ จึงพร้อมใจกันปวารณาตัวรับการถ่ายทอดวิชาความรู้ด้วยความวิริยะอุตสาหะมานะอดทน เพื่อให้บรรลุจุดมุ่งหมายปลายทาง
ของการศึกษาตามที่ได้ตั้งใจไว้
          "การไหว้ครู" คือ การแสดงถึงความสำนึกที่ดีงาม โดยเฉพาะเรามักจะกระทำแก่สิ่งของหรือบุคคลที่มีความสำคัญแทบทั้งสิ้น เช่น นักเรียน
ประกอบพิธีไหว้ครู ก็เพราะนักเรียนเห็นว่าครูเป็นบุคคลที่สำคัญในชีวิตของเขา คือ เป็นผู้ประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้ และเป็นปูชนียบุคคล ครูอาจารย์จึงเป็นบุคคลที่คู่ควรแก่การไหว้เป็นอย่างยิ่ง

     ความสำคัญของการไหว้ครู          
        ไทยเรามีประเพณีการไหว้ครูมาแต่โบราณ เราไหว้ครูเพราะเราเคารพในความเป็นผู้รู้ และความเป็นผู้มีคุณธรรมของท่าน คุณสมบัติทั้ง 2 ประการของครูต้องสอดคล้องสัมพันธ์กับคุณธรรมของศิษย์ การเรียนการสอนจึงจะดำเนินไปได้ด้วยดี ถ้าจะเปรียบการเรียนการสอนเป็นต้นไม้ คุณธรรมของครู นับตั้งแต่ปัญญา ความเมตตากรุณา และความบริสุทธิ์ใจซึ่งเป็นฐานรองรับให้ต้นไม้คงอยู่ได้ ในขณะเดียวกันคุณธรรมของศิษย์ไม่ว่าจะเป็นความเคารพ ความอดทน หรือความมีระเบียบวินัยก็เปรียบเสมือนน้ำหล่อเลี้ยงให้ต้นไม้เจริญเติบโต ออกดอกออกผลอย่างงดงาม        

            จะเห็นว่าพิธีไหว้ครูแต่โบราณไม่มีพิธีรีตรองมากนักแต่มีความหมายแฝงไว้มากมายคนโบราณ เป็นนักคิดจะ ทำอะไรก็มักจะผูกเป็นปริศนาที่ลึกซึ้งเอาไว้เสมอในพิธีไหว้ครูก็เช่นเดียวกันเครื่องสักการะที่ใช้ในการไหว้ครูนั้น นอกจากธูป เทียน แล้วยังมีข้าวตอก ดอกมะเขือ ดอกเข็ม และหญ้าแพรก ซึ่งเป็นของหาง่ายและมีความหมาย ดังจะ กล่าวต่อไปนี้

ข้าวตอก ทำมาจากข้าวเปลือกโดยนำข้าวเปลือกไปแช่น้ำให้นิมแล้วนำไปคั่วด้วยความร้อนจนเม็ดข้าวแตกและ บานออกมีสีขาวบริสุทธิ์มีความหมายว่า
 ครูย่อมสอนศิษย์ทั้งด้วยวิธีปลอบโยนเปรียบได้กับน้ำที่ทำให้ข้าวเปลือกนิ่ม และวิธีการเคี่ยวเข็ญที่เข้มงวด มีการลงโทษเมื่อศิษย์ ไม่ประพฤติปฏิบัติตาม เปรียบได้กับความร้อนที่คั่วข้าวเปลือก ทั้งนี้เพื่อให้ศิษย์มีความขยันขันแข็งและเอาใจใส่ในการเล่าเรียนจะได้เป็นผู้มีชีวิตที่สมบูรณ์ปราศจากความประพฤติ ชั่วทั้งปวง เปรียบได้กับสีขาวของข้าวตอกและมีความเจริญเฟื่องฟูในการประกอบสัมมาอาชีพเปรียบได้กับการแตก บาน ของข้าวตอก

ดอกมะเขือ เป็นดอกไม้ชนิดเดียวที่บานแล้วคว่ำดอกลงสู่พื้นดิน ไม่หงายขึ้นรับแสงอาทิตย์เช่นดอกไม้ชนิด อื่น ๆ เป็นเครื่อง สักการะที่เตือนให้ศิษย์ระลึกได้อยู่เสมอว่า ศิษย์จักต้องก้มหน้าและน้อมรับคำสั่งสอนของครูเสมอ การโต้เถียงครูด้วยความโกรธ เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง
 
ดอกเข็ม มีลักษณะแหลม มีความหมายว่า ศิษย์จะมีสติปัญญาเฉียบแหลมและฉลาดรอบรู้ได้ ก็ด้วยอาศัยครูเป็นผู้ ฝึกฝนเช่นเดียวกับการทำของที่แหลมคม ย่อมต้องมีการฝนหรือลับซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ครูเป็นบุคคลที่มี ความพยายามและอดทนในการให้การฝึกฝนศิษย์ จึงสมควรที่ศิษย์จะ
ต้องบูชาและเคารพยกย่อง

หญ้าแพรก เป็นพืชที่ทนต่อความแห้งแล้งและการเหยียบย่ำและขยายพันธุ์ได้ดีในพื้นที่ทุกชนิดหญ้าชนิดนี้ จึงมี อยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง แม้ถูกเหยียบย่ำก็ไม่ตาย ได้รับน้ำฝนก็จะแตกใบขยายพันธุ์ขึ้นอีก มีความหมายว่า ศิษย์จะต้อง อดทนต่อการเคี่ยวเข็ญดุว่า เฆี่ยนตีของครูโดยไม่ถือโกรธ ดุจดังหญ้าแพรกที่ถูกเหยียบย่ำ ฉะนั้น การมีความอดทนต่อ การเคี่ยวเข็ญดุว่า เฆี่ยนตีของครูนั้น จะทำให้ศิษย์เป็นคนมีมานะอดทน รู้จักปรับตัว และแก้ไข ความประพฤติ
ที่บกพร่องให้ดีขึ้นเมื่อเติบโตขึ้นย่อมสามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยดีในทุกหมู่ชนและทุกสถานที่ดุจดังหญ้าแพรกที่สามารถ เจริญและขยายพันธุ์ได้ในพื้นที่ทุกแห่ง
        
       ใน ปัจจุบันนี้เราจะสังเกตเห็นว่าเครื่องสักการะที่นักเรียนนำมาไหว้ครูนั้นนับ วันจะหมดความหมายลงไปทุกทีนักเรียนมักซื้อดอกไม้ที่สวยงามจากตลาดแทนการใช้เครื่องสักการะที่มีความหมายซึ่งใช้กันมาแต่โบราณและมักไม่ใช้ ความสามารถของตนในการจัดพานเครื่องสักการะครูส่วนใหญ่จะจ้างผู้มีฝีมือในทางด้านนี้ เป็นผู้จัดให้ข้อนี้อาจเป็นลาง บอกเหตุของความเสื่อมทางการศึกษาก็ได้ เพราะปัจจุบันนักเรียนมักนิยม ให้ผู้อื่นทำแบบฝึกหัดหรืองานที่จะส่งครู มากกว่าจะพยายามทำด้วยความสามารถของตนเอง การที่นักเรียนใช้ดอกไม้สวยงามอื่น ๆ แทนเครื่องสักการะที่มีความหมายเป็นนิมิต
หมายให้เราทราบว่านักเรียนในปัจจุบันมองเห็นว่าความสวยงามมีความสำคัญ มากกว่าความดีและความถูกต้องการจ้างคนอื่นให้จัดเครื่องสักการะในการไหว้ครูเป็นนิมิตให้เราทราบว่านักเรียนมิได้ระลึกถึงพระคุณของ ครูด้วยใจจริง แต่การกระทำไปตามประเพณีโดยปราศจากความเข้าใจ
      สิริมงคลซึ่งเกิดจาก การปฏิบัติอย่างถูกต้องจึง ไม่เกิดขึ้นแก่นักเรียนความไม่มีศรัทธาในพระคุณของครูทำให้การเรียนรู้ ของนักเรียนเป็นไปอย่างไม่มีความมั่นใจ การ จดจำและการปฏิบัติตามคำสอนของครูจึงไม่เกิดขึ้นความรู้ความสามารถ ที่พึงมีพึงได้ก็ไม่เกิดขึ้นแก่นักเรียน นอกจากนี้ นักเรียนยังมีความประพฤติต่อครูผิดไปจากธรรมเนียมที่เคยมีมาแต่ก่อน เครื่องสักการะทั้ง 4 อย่างดังกล่าวแล้วย่อม แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนเครื่องสักการะที่ขาดข้าวตอกนั้นเป็นนิมิตว่าในโรงเรียนทั่ว ๆ เริ่มจะขาดการชักจูง และการ เคี่ยวเข็ญลงโทษนักเรียนด้วยพากันเห็นว่าการทำโทษดุว่าเป็นพฤติกรรมที่น่ารังเกียจเป็นการแสดงความไม่เมตตาต่อ นักเรียนดังนั้นส่วนใหญ่ของนักเรียนที่มีความประพฤติบกพร่องจึงไม่ได้รับการแก้ไข เราจึงพบเห็นนักเรียนมีความ ประพฤติเลวทรามและหยาบคายอยู่ทั่วไปส่วนเครื่องสักการะที่ขาดดอกมะเขือนั้น เป็นนิมิตอย่างชัดเจนว่า  ปัจจุบันนักเรียนส่วนใหญ่ไม่ใคร่น้อมรับคำสอนของครูด้วยความเคารพ มักจะมีการโต้เถียงและล่วงเกินครูด้วยวาจาไม่สุภาพ หรือบางทีก็ใช้ถ้อยคำรุนแรงหยาบคายต่อครูก็มีไม่น้อย
 
         สำหรับเครื่องสักการะที่ขาดหญ้าแพรกนั้น ก็เป็นนิมิตหมายว่า นักเรียนจะไม่มีความอดทนต่อคำดุว่า และการ ทำโทษของครู และมองเห็นไปว่าครูชิงชัง ริษยา และพยาบาทตนความคิดเช่นนี้ทำให้นักเรียนมีนิสัยมองคนในแง่ร้าย ใครว่ากล่าวตักเตือนก็ไม่ได้ครั้นเติบโตขึ้นอยู่กับใครก็อยู่ยาก เอาแต่ใจของตน ไม่มีความเห็นใจคนอื่น เป็นเหตุให้ไม่มี ความเจริญก้าวหน้า เพราะคนเราแม้จะเก่งกล้าสามารถและมีความรู้มากมายเพียงใดก็ตาม หากไม่มีความ ประพฤติที่ดีงามเป็นที่ยอมรับของบุคคลอื่นที่แวดล้อมเกี่ยวข้องแล้ว ย่อมจะไม่ประสบความสำเร็จในชีวิตได้ ดังโคลงโลกนิติที่สอนไว้ว่า

แม้มีความรู้ดั่ง สัพพัญญู
ผิบ่มีคนชู ห่อนขึ้น
หัวแหวนค่าเมืองตรู ตราโลก
ทองบ่รองรับพื้น ห่อนแก้วมีศรี

      ส่วนดอกเข็มนั้น เป็นดอกไม้ที่หาง่ายแม้จะไม่ใคร่ขาดก็ตาม นักเรียนก็พึงระลึกอยู่เสมอว่าความฉลาดเฉียบแหลม ของคน เรานั้นมีไว้สำหรับสร้าง ความเจริญให้แก่ตนเองในทางที่ชอบธรรมมิได้มีไว้ใช้ทิ่มแทงหรือทำลายคนอื่นและการที่จะมีความเฉลียวฉลาดได้นั้น จะต้องเป็นคนช่างจดจำ
และช่างคิดนึกตรึกตรองพิจารณาอย่างถี่ถ้วน จึงจะทำให้มีความ รู้เฉลียวฉลาดขึ้นได้  

      พิธีการไหว้ครูเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์และแฝงไว้ด้วยคติธรรมมากมายหลาย อย่างจึงควรดำรงรักษาไว้และพยายามศึกษาให้เข้าใจถ่องแท้ อย่าสักแต่ว่าทำไปตามประเพณีต้องทำอย่างเข้าใจในเหตุและผล หากทุกคน (ทั้งครูและ นักเรียน)มีความเข้าใจถูกต้องตรงกันพิธีไหว้ครูที่จัดทำขึ้นจะก่อให้เกิดสามัคคีในหมู่คณะเกิดความมั่นใจในการศึกษา ศิลปวิทยาแขนงต่าง ๆ และส่งผลให้ผู้ปฏิบัติประสบความเจริญก้าวหน้าในการประกอบอาชีพนำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าของบ้านเมืองในที่สุด
อาจารย์จึงเป็นบุคคลที่คู่ควรแก่การไหว้เป็นอย่างยิ่ง

****************
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: วันที่ 23 พฤษภาคม 2010, 15:37:27 น. โดย เด็กเมืองน่าน »