หัวข้อ: การต่อลำโพงแบบ 8 olm 4 olm

[ตุ๊กมิวสิค]

 ไม่เข้าใจเรื่องการต่อลำโพง แบบ 8 olm กับ 4 olm ผมมีตู้ซับ 2ตู้(เทอร์โบว์)ถ้าเพิ่มอีก 2ตู้จะต่อแบบไหนครับ

[ยอดดอยมิวสิค อิอิ]

ไม่เข้าใจเรื่องการต่อลำโพง แบบ 8 olm กับ 4 olm ผมมีตู้ซับ 2ตู้(เทอร์โบว์)ถ้าเพิ่มอีก 2ตู้จะต่อแบบไหนครับ

ไม่ว่าต่อแบบขนาน หรือ  อนุกรม ค่า watt ของลำโพงก็เท่าเดิมครับ

เอา ลำโพง 100 watt มาสองตัว ต่อขนาน กัน ได้ 200 watt
เอา ลำโพง 100 watt มาสองตัว ต่อ อนุกรม กัน ได้ 200 watt ครับ
จำไว้ครับ เอา watt มาบวกกันตลอดครับ

แต่ผลจากการต่อ แบบขนาน หรือ อนุกรม สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ Impedance ของลำโพงครับ
ถ้ามาขนานกัน Impedance จะลดลงครับ
ถ้ามาอนุกรมกัน Impedance จะเพิ่มขึ้นครับ

เอา ลำโพง 100 watt 8 ohm มาสองตัว ต่อขนาน กัน ได้ 200 watt  4 ohm
เอา ลำโพง 100 watt 8 ohm มาสองตัว ต่อ อนุกรม กัน ได้ 200 watt 16 ohm ครับ

ที่มา : http://www.soundkrub.com/webnew/rec_topic.php?categoryid=3&topicid=2346&bpage=1&page=1

[มะละกอ]

เป็นคำถามที่ดีมากคำถามหนึ่ง  ซึ่งน่าจะมีการพูดคุยกันได้ยาวพอควร  แม้ว่าอาจมองดูเป็นคำถามที่ซิมเปิ้ลๆ 
แต่ลึกลงไปแล้วมันมีผลและเหตุที่ตามมาไม่น้อยต่อระบบเสียงทั้งหมดครับ  อย่าลืมว่าที่สุดแล้ว ลำโพงคือส่วนที่สำคัญที่สุดในระบบเสียง

ถ้าตอบแบบตรงไปตรงมา  ก็ต้องดูว่าซับตัวเดิม มีค่าความต้านทานเป็นกี่โอห์ม ถ้าเป็น 8 โอห์ม ก็สามารถนำมาต่อแบบขนานได้เลย
จะกลายเป็นซับข้างละ 2 ตู้  และความต้านทานใหม่ก็จะเป็นไปตามสูตรการขนานคือ 
                                                         
                                                         1/R    =    1/ R1 +  1/R2 
                                                         1/R    =    1/8   + 1/8   
                                                         R       =     4 

ถ้าลำโพงเดิมมีค่าความต้านทาน 4 โอห์ม ก็ควรต่อแบบอนุกรม ความต้านทานรวมก็จะตรงข้ามกับการต่อแบบขนานตามสูตร
                                       
                                                              R     =  R1  +   R2
                                                                     =  4   +  4
                                                                     =   8

อนึ่งค่าความต้านทานของลำโพงในเวลาที่ใช้งานจะไม่คงที่ตามที่ระบุมีขึ้นและลง ถึงได้เรียกว่า อิมพีแด๊นซ์ 
และยังมีค่าของขดลวดว๊อยคอยล์ ผมจำชื่อเรียกไม่ได้ ไม่แน่ใจว่าเป็น อินดั๊กแต้นซ์ หรือเปล่า 
การต่อลำโพงให้เหลือข้างละ 2 โอห์ม ในงานดนตรีไม่แนะนำครับ  แม้ว่าผู้ผลิตแอมป์จะนั่งยัน ยืนยันก็ตาม 
เมื่อความต้านทานมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะลงมาเหลือ 0 โอห์ม เมื่อไรและแช่อยู่นานขนาดไหน ซึ่งอันตรายมาก 
แต่ถ้านำไปใช้ในงานประกาศหรือพูด นั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่งเพราะไม่ต้องการคุณภาพของเสียงและการสวิงขึ้นลงก็มีไม่มากนักเหมือนงานดนตรี

มาแถมอีกหน่อย  เดี๋ยวนี้การใช้ซับ ได้มีการทดสอบแล้วว่า การติดตั้งซับ 3 จุด จะให้คุณภาพดีที่สุด นั่นคือเราต้องมีซับในระบบ 3 ตู้ 
ส่วนจะติดตั้งตรงไหนอย่างไรเป็นงานท้าทายให้ทดลองกันต่อไปนะครับ

[หนุ่มเมืองนคร (ไทย)]

ไม่ว่าต่อแบบขนาน หรือ  อนุกรม ค่า watt ของลำโพงก็เท่าเดิมครับ

เอา ลำโพง 100 watt มาสองตัว ต่อขนาน กัน ได้ 200 watt
เอา ลำโพง 100 watt มาสองตัว ต่อ อนุกรม กัน ได้ 200 watt ครับ
จำไว้ครับ เอา watt มาบวกกันตลอดครับ

แต่ผลจากการต่อ แบบขนาน หรือ อนุกรม สิ่งที่เปลี่ยนไป คือ Impedance ของลำโพงครับ
ถ้ามาขนานกัน Impedance จะลดลงครับ
ถ้ามาอนุกรมกัน Impedance จะเพิ่มขึ้นครับ

เอา ลำโพง 100 watt 8 ohm มาสองตัว ต่อขนาน กัน ได้ 200 watt  4 ohm
เอา ลำโพง 100 watt 8 ohm มาสองตัว ต่อ อนุกรม กัน ได้ 200 watt 16 ohm ครับ

ที่มา : http://www.soundkrub.com/webnew/rec_topic.php?categoryid=3&topicid=2346&bpage=1&page=1

น้าๆ แบบนี้ ถ้าต่อรวมกัน มันจะได้กี่วัตต์กี่โอมห์ กันหนอ?

[ยอดดอยมิวสิค อิอิ]

น้าๆ แบบนี้ ถ้าต่อรวมกัน มันจะได้กี่วัตต์กี่โอมห์ กันหนอ?

(....)

อ.พี่ปู่ นับดอกให้ผมก่อนสิ...ผมไม่ว่างจะนับครับ...เดี๋ยวคำนวณให้...อิอิ

[กฤษฎานคร]

น้าๆ แบบนี้ ถ้าต่อรวมกัน มันจะได้กี่วัตต์กี่โอมห์ กันหนอ?

(....)

ดอกนับไม่ถ้วน .. ข้างหลังยังมีอีกหลายดอก ....คิก ๆๆ

[veenus]

ผมมารับสารภาพด้วยคนครับ 2/4/8 Ohm มีความเป็นมาอย่างไร  

[วิเชียร]

รอฟังว่าการต่อลำโพงแบบ
Bridge (8Ω)   : 1 x 
Bridge (4Ω)   : 1 x
จะได้ค่าอย่างไร..สมมุติว่า 100 watt เหมือนกัน

[บ้านเก๋มิวสิคจ.ตรัง]

ขอบคุณเจ้าของภาพ

[ ]

[อนันตชัย ระยอง]

ผมมารับสารภาพด้วยคนครับ 2/4/8 Ohm มีความเป็นมาอย่างไร  

ตามรูปครับพี่ สมมติ ลำโพงมีความต้านทานดอกละ 8 ohm

[กฤษฎานคร]

รอฟังว่าการต่อลำโพงแบบ
Bridge (8Ω)   : 1 x  
Bridge (4Ω)   : 1 x
จะได้ค่าอย่างไร..สมมุติว่า 100 watt เหมือนกัน

ค่าความต้านทาน น้อยลง กำลังงาน พลังเสียงก็มากขึ้นเพราะกระแสไหลได้มากขึ้น
แต่ทั้งนี้ กำลังขับจากเพาเวอร์แอมป์ต้องจ่ายได้เต็มที่ จากระบบจ่ายไฟที่แอมป์ นั้น ๆ จ่ายได้มากน้อยเพียงใดด้วย
เขาจึงกำหนดกำลังขับ บอกมาว่า แอมป์ นั้น ๆ ต่อ Bridge (8Ω)   ได้กำลังกี่วัตต์ (ที่ความเพี้ยนระดับหนึ่ง)
และ Bridge (4Ω) ได้กำลังกี่วัตต์ (ที่ความเพี้ยนอีกระดับหนึ่ง)

และถ้าว่ากันที่เสียงต้องทดสอบลองฟังดู  แอมป์ต่อ  Bridge (8Ω)  เสียงจะอิ่มได้ (ส่วนใหญ่)
แต่ถ้า Bridge (4Ω)  เสียงก็อาจฟังไม่ได้เรื่องก็มี  เผลอ ๆ บางแท่นไปไม่รอด แอมป์ ตัดการทำงาน
เช่น LPS2500  Bridge (4Ω)  สักพักก็จะตัด  ในคู่มือเขาก็ไม่แนะนำว่าให้ใช้ Bridge (4Ω)  อย่างนี้ ครับ

ส่วนที่ว่าจะได้ค่าอย่างไร  ก็ตามที่ท่านเอกบอกไว้ ถ้าดอกลำโพง 100w   มาต่อ Bridge (8Ω)  ดอกก็ทนได้ 100W
ถ้าสองดอกขนานกันได้เป็น 4Ω  ก็ทนรวมได้ 200W   ครับ (แต่ละดอกก็ 100W เท่าเดิม)

และถ้ากำลังจากแอมป์ เมื่อ Bridge  จะได้กำลังขับเป็น 4 เท่า  เช่น กำลังเมื่อขับสเตอฯ ได้ 100W   (8Ω)
พอ Bridge  ก็จะได้ 400  (8Ω)   แต่ทั้งนี้ ระบบจ่ายไฟต้องจ่ายให้ได้ให้พอ การระบายความร้อนก็ต้องถึงต้องพอ ด้วย ครับ

[สุระชาติ]

ได้ความรู้เพิ่ม ขอบคุณครับ

[บิ๊กอ๊อด]

ขอบคุณเช่นกันครับ

[kick-ass]

ได้ความรู้เพิ่ม ขอบคุณครับ

รับแซ่บครับ! เยี่ยมจริงๆ

[ตุ๊กมิวสิค]

ตามรูปครับพี่ สมมติ ลำโพงมีความต้านทานดอกละ 8 ohm

การต่อแบบนี้ 4 ดอกแล้วความดังของเสียงจะดังกว่า 2 ดอกไหมครับ โดยใช้เพาเวอร์ตัวเดียวกัน

[วิเชียร]

ค่าความต้านทาน น้อยลง กำลังงาน พลังเสียงก็มากขึ้นเพราะกระแสไหลได้มากขึ้น
แต่ทั้งนี้ กำลังขับจากเพาเวอร์แอมป์ต้องจ่ายได้เต็มที่ จากระบบจ่ายไฟที่แอมป์ นั้น ๆ จ่ายได้มากน้อยเพียงใดด้วย
เขาจึงกำหนดกำลังขับ บอกมาว่า แอมป์ นั้น ๆ ต่อ Bridge (8Ω)   ได้กำลังกี่วัตต์ (ที่ความเพี้ยนระดับหนึ่ง)
และ Bridge (4Ω) ได้กำลังกี่วัตต์ (ที่ความเพี้ยนอีกระดับหนึ่ง)

และถ้าว่ากันที่เสียงต้องทดสอบลองฟังดู  แอมป์ต่อ  Bridge (8Ω)  เสียงจะอิ่มได้ (ส่วนใหญ่)
แต่ถ้า Bridge (4Ω)  เสียงก็อาจฟังไม่ได้เรื่องก็มี  เผลอ ๆ บางแท่นไปไม่รอด แอมป์ ตัดการทำงาน
เช่น LPS2500  Bridge (4Ω)  สักพักก็จะตัด  ในคู่มือเขาก็ไม่แนะนำว่าให้ใช้ Bridge (4Ω)  อย่างนี้ ครับ

ส่วนที่ว่าจะได้ค่าอย่างไร  ก็ตามที่ท่านเอกบอกไว้ ถ้าดอกลำโพง 100w   มาต่อ Bridge (8Ω)  ดอกก็ทนได้ 100W
ถ้าสองดอกขนานกันได้เป็น 4Ω  ก็ทนรวมได้ 200W   ครับ (แต่ละดอกก็ 100W เท่าเดิม)

และถ้ากำลังจากแอมป์ เมื่อ Bridge  จะได้กำลังขับเป็น 4 เท่า  เช่น กำลังเมื่อขับสเตอฯ ได้ 100W   (8Ω)
พอ Bridge  ก็จะได้ 400  (8Ω)   แต่ทั้งนี้ ระบบจ่ายไฟต้องจ่ายให้ได้ให้พอ การระบายความร้อนก็ต้องถึงต้องพอ ด้วย ครับ

ขอบพระคุณมากครับ
น้องใหม่ขออีกนิดวิธีการต่อลำโพงแบบ Bridge นี้ ต่ออย่างไรครับ..
ส่วนการต่อขนาน ต่ออนุกรมมีตำราข้างบนบอกให้แล้วแล้ว..

[กฤษฎานคร]

ขอบพระคุณมากครับ
น้องใหม่ขออีกนิดวิธีการต่อลำโพงแบบ Bridge นี้ ต่ออย่างไรครับ..
ส่วนการต่อขนาน ต่ออนุกรมมีตำราข้างบนบอกให้แล้วแล้ว..

แอมป์ที่ต่อ Bridge Mono ได้ก็สับสวิทช์ไปที่ Bridge
Input เสียบรูที่บอกไว้ (ปกติจะเป็น CH 1 >>>> INPUT A)  
สายลำโพงจับมาเสียบที่ขั้วบวกทั้งสองเส้น จะมีบอกแดงไหน + แดง ไหน - ก็เสียบให้ถูก
ไม่นั้นลำโพงมันจะหายใจสวนทางจากสูตรที่ออกแบบตู้ซับมา  เดี๋ยวเบสไม่อิ่มอีก ..
หากจะต่อแจ๊คสปีคค่อนเอง  แท่นที่รองรับจะจ่ายออกมาที่ CH1 ด้วย  โดยต่อ 1+  กับ 2+
(กรณีนี้ 1+ คือขั้ว +   และ 2+ คือ ขั้ว -  ที่ไปต่อใส่ที่ตู้ )

ส่วนบางแท่น ที่เสียบสปีคค่อนแยกอีกรูได้ ก็มีบอกไว้ว่าเสียบรูไหนคือ Bridge  ครับ





ตัวอย่างแอมป์ที่มีรูสปีคค่อนเสียบที่รูกลาง   ได้เลย NPE  C  ซีรี่  

[พชรมิวสิค กรุ๊ป]

ผมว่าอ่านดูน่ะครับ..ผู้ที่ยังไม่เข้าใจระบบเท่าที่ควร..

[วิเชียร]

ท่านกฤษฎานคร
ขอบพระคุณเป็นอย่างสูงครับ...

[บ้านเก๋มิวสิคจ.ตรัง]

อย่างนี้..ของช่างอ๊อด

[นัท นครนายก]

ความรู้ทั้งนั้นจัดเก็บให้หมด อิอิ

[ไก่ต๊อก]

มีงานหนึ่ง คอนวอยพาเพื่อน มาช่วยยก และช่วยต่อสายลำโพง
ดันเอาซับ 18 นิ้ว ข้างหนึ่งไปเสียบรูกลางเข้า พอเปิด ดังปั๊บ แล้วก็เงียบสนิท ขาดทันทีครับ 2 ข้าง
งานนั้นเลยใช้ 15 นิ้วกลางแหลมคู่เดียว พอแก้ขัดได้
ดีที่เป็นงานช่วยไม่คิดตังค์  ทุกวันนี้ใช้เทปกาวปิดไว้ตลอดเวลา

[วิเชียร]

ขอบคุณครับ
อ่านแล้วยังมึนๆ พอมีภาพจากบ้านเก๋ พอเห็นลางๆ เพื่อความชัวร์ขอชัดๆ อีกนิดจะได้เก็บ
ไว้เป็นตำรา และลำโพงต้องมี Watt เท่ากันไหม ถ้า  Watt ต่างกันจะเป็นอย่างไร

[sakchai2005]

ได้ความรู้เยอะครับ ขอบคุณมาๆรคับ

[thanit7]

เปิดอ่านทบทวนความรู้ทั้งนั้นเลย :shoots: :fireting2: