สเป๊ก รุ่นนี้ ปกติ 2 โอห์มได้ แต่ถ้าต่อบริดจ์ ได้แค่ 4 โอห์ม ตระกูล xl ถ้าขับกลางเสียงจะนิ่ม ไม่สะใจเท่าตระกูล C เสียงกลางจัดจ้านมาก
ทำไมถึงจะใช้ 2 Ohm ครับส่วนใหญ่ ผมจะใช้แค่ต่ำสุด 2.6 Ohm คือ เอา ลำโพง 8 Ohm มาขนานกัน 3 ตัว เพราะว่าในสเป็ค 2 Ohm จริงอยู่ว่าในสเป็คของ Power Amp ที่มีมาตราฐานนั้นใช้ได้ แต่ถ้าดูในทางเทคนิคแล้ว ความต้านทานที่ 2 Ohm นั้น จะมีค่า Distortion กับ Damping Factor ไม่ค่อยดี ถ้าจะเลือกใช้ แบบดีๆ ก็อาจจะใช้เป็น Cass D ก็อาจจะได้ แต่แพงมากครับ แพงกว่า Cass AB ,Cass H ถึง 20-30% ถ้าไม่จำเป็น ก็ไม่น่าใช้ครับ แต่ถ้าถามว่าใช้ได้ไหมก็ต้องตอบว่าใช่ได้ครับ แต่ถ้าผมเลือกจะเลือกไม่ใช้ครับ
ทำไมเราถึงไม่ควรใช้ที่ค่าโอห์มต่ำสุด 2 โอห์ม หากพิจารณาถึงค่า Impedance ที่ลำโพงระบุมา 8 โอห์ม นั่นคือค่าปรกติแต่ในการใช้งานจริง ค่านี้จะไม่คงที่ขึ้นอยู่กับความถี่ ลำโพงบางยี่ห้อจะให้เป็นกราฟมา บางยี่ห้อจะระบุค่าต่ำสุดมา
... จากรูปตัวอย่างจะพบว่า Impedance ต่ำสุด อยู่ที่ 6.2 โอห์ม คิดเป็น 77.5 % ของค่าปรกติ หากเรานำลำโพงนี้มาต่อพ่วงกันที่ 2 โอห์ม ค่า Impedance ต่ำสุด ก็จะเหลือประมาณ 1.55 โอห์ม ซึ่งแน่นอนว่าสภาวะปรกติ ไม่มีแอมป์ตัวไหนออกแบบมาให้ขับที่ค่านี้แน่นอน
... หากมาดูที่การต่อ 2.6 โอห์ม เราจะได้ค่า Impedance ต่ำสุดอยู่ที่ 2 โอห์ม ซึ่งจะพอดีกับสเปคของเพาเวอร์แอมป์ และนี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไมเราจึงควรจะต่อที่ 2.6 โอห์ม (ลำโพง 8 โอห์ม พ่วง 3 ตู้)
งั้นก้อหมายความว่า ไม่ควรใช้ลำโพง 8 โอมห์ มาขนานกัน ให้เหลือ 2 โอมห์ เพราะในความเป็นจิงค่าความต้านทานต่ำสุดจะต่ำกว่า 8 โอมห์ในลำโพงแต่ละรุ่นใช่ป่าวครับ?
แล้วในกรณีที่ใช้ขนานกัน 4 ตู้ แล้ว โหลดต่ำสุดเหลือ 1.55 โอห์ม ในความเป็นจริงแอมป์ทนได้ แต่น้ำหนักเสียงจะไม่ดี อันนี้ผมเข้าใจถูกต้องป่าวครับ?
... ถูกต้องทั้ง 2 อย่างครับ คือ บางทีเราต้องคิดเผื่อให้เพาเวอร์แอมป์ไว้ด้วย อย่าไปใช้มันจนเต็มกำลัง
... ยกตัวอย่างมาให้ดูเพิ่มเติมครับ เป็นกราฟการตอบสนองความถี่ จะเห็นว่าที่โหลด 2 โอห์ม ความถี่สูงจะตกลง ซึ่งก็ต้องชั่งใจเอาระหว่างคุณภาพที่ลดลง (นิดหน่อย) กับความดังที่ได้มากขึ้น (มั๊ง)
... หรือจะดูในแง่ของความเพี้ยนกับกำลังขับก็ได้ครับ ที่ 2.6 โอห์ม กับ 2 โอห์ม จะได้วัตต์สูงสุด ใกล้เคียงกันคือประมาณ 4,000 วัตต์ แต่ถ้าโหลดลดลงเหลือ 1.6 โอห์ม ค่าวัตต์สูงสุดจะเหลือประมาณ 3,000 วัตต์ (เนื่องจากการป้องกันตัวเองของแอมป์)
เวลาดูสเป็ค ก็ดูแบบกลางๆนะครับ Power Amp ส่วนใหญ่ จะเขียนข้อดี เช่น มีกำลังสำรอง 30% , หรือ มี 2 dB Headroom ซึ่งก็จริงแต่ผมว่าเราไม่น่าจะใช้ ถึงจุดสุงสุดนะครับ และที่สำคัญ อย่าลืมดู กำลังขยายของเครื่องขยายเสียง กับ กำลังที่ลำโพงจะทนได้ด้วยนะครับ
ถ้าตามมาตรฐานจริงๆแล้ว จะต้องเท่ากับ กำลังขยายสูงสุด PEAK SPL
เช่น ลำโพงทนกำลังขยายได้ 400วัตต์ Continuous / 1600วัตต์ Peak ถ้าเลือก Power Amp ที่ถูกต้องก็ต้องเป็น 1600 วัตต์ ถึงจะดี ส่วนใหญ่เรามักจะคิดว่า ใช้เครื่องขยายเสียงต่ำกว่า กำลังขยายที่ลำโพงจะทนได้จะดี แต่จริงเป็นการทำลายลำโพง 90% ของลำโพงที่มีปํญหามา มักจะมาจากกำลังขยายของเครื่องขยายเสียงใช้จนเกินกำลังจนจน Clip ครับ
เคยออกกำลังกายหนักๆ จนเหนื่อยแทบขาดใจไหมครับ
หากจะใช้ 2.6 ohm ก็เลือก power ที่น่าเชื่อถือหน่อยละกันครับ
2 ohm อย่าใช้เลย ขาดใจตายได้ตลอดเวลาครับ
ใช่ครับ แบกน้ำหนักมากๆมันจะพินาศเอานะครับ เสียมากกว่าได้ไม่คุ้มครับ ไม่คุ้ม