หัวข้อ: Crossover กับ Active Sub Filter+ Mid/High Active Crossover

[boombeem_kitsada]

Crossover กับ  Active Sub Filter+ Mid/High Active Crossover

แตกต่างกันอย่างไร  ขอความกระจ่างด้วยครับ  

[ฅนราศีตุล]

Crossover กับ  Active Sub Filter+ Mid/High Active Crossover

แตกต่างกันอย่างไร  ขอความกระจ่างด้วยครับ  

[ฅนราศีตุล]

รอท่านต่อไป ผมอธิบายเป็นหลักวิชาการไม่ถูก
แต่พอทราบการใช้งานของมัน ถ้าได้เสียบ ก็จับมัน
หมุนๆ แล้วก็รู้

[boombeem_kitsada]

   ที่ช่วยขยาย รูป

[นพ สุพรรณ]

Crossover กับ  Active Sub Filter+ Mid/High Active Crossover

แตกต่างกันอย่างไร  ขอความกระจ่างด้วยครับ  

วัตถุประสงค์การใช้งานไม่ต่างครับ
แต่คุณลักษณะในการทำงานต่างกันนิดหน่อย

แอคทีฟซับมันบูสเบส   ปรับความถี่ซับอิสระ  ครอสของเมก้าเทคเป็นแบบสองทาง  เมื่อใช้ร่วมกัน  จะทำหน้าที่บูสเสียงต่ำเพิ่มให้กับครอส

[boombeem_kitsada]

น้านพ ครับ 
1. ตัว Active Sub Filter+ Mid/High Active Crossove  เป็นแบบ 2 ทาง  หรือ 3 ทาง

2. ระหว่าง Crossove ก็อป  กับ  Active Sub Filter+ Mid/High Active Crossove  ใช้ตัวไหนดี

[นพ สุพรรณ]

น้านพ ครับ 
1. ตัว Active Sub Filter+ Mid/High Active Crossove  เป็นแบบ 2 ทาง  หรือ 3 ทาง

2. ระหว่าง Crossove ก็อป  กับ  Active Sub Filter+ Mid/High Active Crossove  ใช้ตัวไหนดี

ข้อ 1    สองทาง+ซับ

ข้อ 2   แล้วแต่ความต้องกับความถนัดครับ



ผมเคยใช้  ใช้ได้ดีทั้งคู่  แต่ไม่เคยเอามาเทียบกัน   ตอนนี้ใช้ครอส 

[วรชัย23]

ของเมก้าเทคคือตัวละทางเดียว อย่าสับสนว่าเป็นสองทางนะครับ สองทางต้องใช้สองตัว ตัวซับ ตัดย่านที่สูงกว่าทิ้งไปหายไปเลยไม่ได้เอามาเป็น มิด+ไฮ เหมือนครอสสองทางนะครับ ส่วนตัวมิดไฮ ใช้ตัดความถี่ต่ำทิ้งไปให้หายไปเลยไม่ได้แยกออกมาเป็นซับเหมือนครอสสองทาง มันจะเป็นแค่ไฮพาสที่ปรับค่าได้เท่านั้นเอง และยิ่งถ้าสามทางไปกันใหญ่ต้องใช้สี่ตัวกันเลยทีเดียว เพราะเสียงกลางต้องเอาฟูลเร้นท์มาคัทโลว์ทิ้งไปและวนไปเข้าอีกอันเพื่อตัดไฮทิ้งไป(ตัดหัวตัดหาง) ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ทำครอสออกมาเลยให้จบ

[นพ สุพรรณ]

ของเมก้าเทคคือตัวละทางเดียว อย่าสับสนว่าเป็นสองทางนะครับ สองทางต้องใช้สองตัว ตัวซับ ตัดย่านที่สูงกว่าทิ้งไปหายไปเลยไม่ได้เอามาเป็น มิด+ไฮ เหมือนครอสสองทางนะครับ ส่วนตัวมิดไฮ ใช้ตัดความถี่ต่ำทิ้งไปให้หายไปเลยไม่ได้แยกออกมาเป็นซับเหมือนครอสสองทาง มันจะเป็นแค่ไฮพาสที่ปรับค่าได้เท่านั้นเอง และยิ่งถ้าสามทางไปกันใหญ่ต้องใช้สี่ตัวกันเลยทีเดียว เพราะเสียงกลางต้องเอาฟูลเร้นท์มาคัทโลว์ทิ้งไปและวนไปเข้าอีกอันเพื่อตัดไฮทิ้งไป(ตัดหัวตัดหาง) ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่ทำครอสออกมาเลยให้จบ

เข้าใจผิดอย่างรุนแรงเกี่ยวกับครอสเมก้าเทคครับ     

ใช่แอคทีฟซับเป็น โลวพาส  คือเลืกให้ผ่านเฉพาะเสียงความถี่ต่ำ   เลือกได้ตั้งแต่ 18-250เฮิร์ส  โดยบูสระดับเสียงให้อีก สิบกว่าดีบี  สำหรับขับลำโพงเบสโดยตรง

ส่วนครอสเป็นแบบสองทางใช้กับตู้กลางแหลม  ตอบสนองความถิ่ได้เต็มตลอดย่าน  มีปุ่มให้เลื่อนจุดตัดระหว่าง  ทุ้มกับแหลม  ถ้าเลือกจุดตัดที่ 2.5 เค    ดอกทุ้มจะทำงานตั้งแต่ 2.5 เค   ลงมา   ส่วนเกินกว่านั้นเป็นหน้าที่แหลม 

ใช้แค่สองตัว มันก็เท่ากับเป็นสามทางุแล้วครับ   ข้อดีของมันคือ
1 เพิ่มเสียงเบส
2 เลือกจุดตัดให้เบสจากตู้เบส  เสริมกับตู้สองทางได้   เบสจะดีกว่าใช้ระบบแยกสามทาง   
3 ครอสทั่วไปทำแบบนี้ไม่ได้  ยกเว้นยี่ห้อเรน   ที่ปรับความถี่แต่ละย่านได้อิสระ

[มะละกอ]

ผมคงตอบยาวๆ  ตามสไตล์นะครับ

จากคำถามดังกล่าว  ถ้าคนไม่เคยใช้  หรือถ้าคนที่ไม่รู้สเปคของเครื่อง  คงตอบไม่ได้แน่นอน
ผู้ที่ตอบได้ตรงที่สุดคือผู้ผลิตครับ

Crossover  แปลตรงๆ  คือ  สี่แยก  แต่ในเรื่องของ  Sound  คงหมายถึง  “จุดตัด”

Network  คุ้นหู  คือเครือข่าย  เหมือนเครือขาย  ไดเร็คเซล  

นั่นหมายถึงจะเป็นเครือข่ายได้  ต้องมีตั้งแต่  สองส่วน  หรือสองจำนวนขึ้นไป   Crossover Network  ในเรื่องของเสียงจึงหมายถึง  จุดตัด  หรือ  จุดแบ่ง

ที่แบ่งย่านความถี่เสียงออกเป็นสองส่วนขึ้นไป

ทีนี้ย่านความถี่เสียงตามหลักวิทยาศาสตร์สอนมาว่า  

หูมนุษย์ได้ยินเสียงในช่วง   20 -20000 Hz  ซึ่งผู้ใหญ่อย่างเราท่านทั้งหลายเอาเข้าจริงได้ยินไม่ถึงหรอกนะครับ
แต่สมมุติว่าหูมนุษย์นี้ได้ยินละกัน
ปัญหาที่ตามมาคือ  เสียงที่คนเราได้ยินนั้น  เมื่อคลื่นเสียงเดินทางฝ่าอากาศเข้ามา

หูคนเราจะได้ยินย่านเสียงกลางชัดที่สุดและดังที่สุด
ส่วนเสียงสูงและเสียงต่ำจะค่อยๆ เบาลงไปมากตามระยะทางระหว่างต้นเสียง(ลำโพง)กับหูคนเรา
ทว่าในเรื่องของเสียงดนตรี  เสียงที่ดีและเสียงที่สมบูรณ์นั้น
  หมายถึง  หูคนเราต้องได้ยิน  ย่านเสียงต่ำ  ย่านเสียงกลาง และย่านเสียงสูง
ด้วยความดังเท่าทัดเทียมกันทุกย่าน  ที่เรียกว่า  เสียงสมดุล  แฟลททุกความถี่

นั่นคือในทางปฏิบัติ  เราต้องยกหรือเร่งความดังเป็นการเฉพาะย่านความถี่ต่ำ  กับ  ย่านความถี่สูงขึ้นมา  
พูดให้ง่ายขึ้นคือหาวงจรกรองเอาเฉพาะความถี่ย่านต่ำ  และย่านสูงออกมาตะหาก
แล้วเอาแอมป์มาขับตรงเข้ากับดอกลำโพง  ขับให้ย่านควาทถี่ต่ำและย่านความถี่สูงดังขึ้นมาจนหูเราได้ยินชัดเจนครบทุกย่านโดยเท่าทัดเทียมกัน  
เพลงและดนตรีจึงฟังเพราะขึ้นครับ

วงจรที่กรองหรือตัวกรองที่ว่า  เราเรียกว่า  Filter
Filter  ดังกล่าวยังแบ่งออกเป็น  Passive  คือไม่มีไฟฟ้าเลี้ยงวงจร
กับ Active  คือมีไฟฟ้าเลี้ยงวงจร  
ซึ่งจะให้คุณสมบัติทางเสียงเด่นด้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับการออกแบบและการนำไปใช้งาน

Sub Filter  ที่เราซื้อมาใช้กันทั่วไปที่ต้องเสียบปลั๊กไฟ  จึงเข้าข่าย  Active ครับ  
และ  Sub Filter  นั้นจึงหมายถึง  วงจรที่กรองเอาเฉพาะย่านความถี่ที่ต่ำลึกออกมา  
ซึ่งโดยทั่วไป  มักจะเริ่มที่  80  Hz  ลงมา  เดี่ยวๆ  โดดๆ  อย่างนี้  ไม่เรียกว่า  Network  นะครับ

ต่ออีกหน่อยเพื่อให้เข้าใจขึ้นนะครับ  

ในระบบเสียงเพื่อใช้งานกลางแจ้งซึ่งมีเสียงรบกวนเยอะ  แต่เพื่อให้ระบบเสียงที่สมบูรณ์ที่สุด
เราจึงต้องการย่านความถี่ซึ่งเมื่อปรับแต่งแล้วได้ยินเสียงทุกย่านความถี่  ที่สมดุล
เราได้ความถี่ต่ำลึกแล้วจาก  Sub Filter  ยังขาด  ย่านเสียงต่ำ  ย่านเสียงกลาง  ย่านเสียงสูง

ย่านเสียงกลางนั้นไม่มีปัญหาเพราะหูได้ยินชัดกว่าเสียงอื่น  (เพราะหูคนเราไวต่อเสียงย่านนี้อยู่แล้ว)  
ที่ขาดคือย่านเสียงต่ำ  และย่านเสียงสูง  
( ซึ่งความจริงมันก็มี  แต่มันดังเบา จึงจำเป็นต้องหาวงจรกรองเอาย่านที่ว่าออกมา เพื่อส่งให้แอมป์ขับให้เสียงดังขึ้น เหมือนกับการเปิด  Loundness     ในแอมป์ราคาประหยัดไงครับ )

และเพื่อให้การควบคุมระบบเสียงเป็นไปโดยราบรื่นและง่าย  จึงต้องออกแบบวงจรกรองความถี่ออกมาเพิ่ม  
ซึ่งอีกนั่นแหละ  จะเอาแบบที่มีจุดตัด  สองทาง  ไม่แพงไม่เปลืองแอมป์  
หรือจะเอาแบบสามทางให้เด็ดขาดไปเลย  ไม่มีปัญหา  อยู่ที่กำลังทุนทรัพย์ที่จะซื้อมาใช้งาน
และเจ้าตัวที่ว่ามานี้  มันก็คือ  Active Crossover Network  มีหน้ากรองย่านความถี่ตั้งแต่สองส่วนหรือสองทางขึ้นไปครับ

คำตอบสำหรับท่านเจ้าของกระทู้  จึงต้องหาสะเปค  เครื่อง  Mid / High  ที่ว่ามาดูครับ  
ออกแบบมาอย่างไรความสามารถมันใช้ได้ตามนั้น  มันจะมีความเหมือนหรือความต่างกับ Crossover  ที่เราๆ เข้าใจกัน  หรืออย่างไร  ถึงนาทีนี้คงไม่ยากกระมังครับ

[นพ สุพรรณ]

ผมคงตอบยาวๆ  ตามสไตล์นะครับ

จากคำถามดังกล่าว  ถ้าคนไม่เคยใช้  หรือถ้าคนที่ไม่รู้สเปคของเครื่อง  คงตอบไม่ได้แน่นอน
ผู้ที่ตอบได้ตรงที่สุดคือผู้ผลิตครับ

Crossover  แปลตรงๆ  คือ  สี่แยก  แต่ในเรื่องของ  Sound  คงหมายถึง  “จุดตัด”

Network  คุ้นหู  คือเครือข่าย  เหมือนเครือขาย  ไดเร็คเซล  

นั่นหมายถึงจะเป็นเครือข่ายได้  ต้องมีตั้งแต่  สองส่วน  หรือสองจำนวนขึ้นไป   Crossover Network  ในเรื่องของเสียงจึงหมายถึง  จุดตัด  หรือ  จุดแบ่ง

ที่แบ่งย่านความถี่เสียงออกเป็นสองส่วนขึ้นไป

ทีนี้ย่านความถี่เสียงตามหลักวิทยาศาสตร์สอนมาว่า  

หูมนุษย์ได้ยินเสียงในช่วง   20 -20000 Hz  ซึ่งผู้ใหญ่อย่างเราท่านทั้งหลายเอาเข้าจริงได้ยินไม่ถึงหรอกนะครับ
แต่สมมุติว่าหูมนุษย์นี้ได้ยินละกัน
ปัญหาที่ตามมาคือ  เสียงที่คนเราได้ยินนั้น  เมื่อคลื่นเสียงเดินทางฝ่าอากาศเข้ามา

หูคนเราจะได้ยินย่านเสียงกลางชัดที่สุดและดังที่สุด
ส่วนเสียงสูงและเสียงต่ำจะค่อยๆ เบาลงไปมากตามระยะทางระหว่างต้นเสียง(ลำโพง)กับหูคนเรา
ทว่าในเรื่องของเสียงดนตรี  เสียงที่ดีและเสียงที่สมบูรณ์นั้น
  หมายถึง  หูคนเราต้องได้ยิน  ย่านเสียงต่ำ  ย่านเสียงกลาง และย่านเสียงสูง
ด้วยความดังเท่าทัดเทียมกันทุกย่าน  ที่เรียกว่า  เสียงสมดุล  แฟลททุกความถี่

นั่นคือในทางปฏิบัติ  เราต้องยกหรือเร่งความดังเป็นการเฉพาะย่านความถี่ต่ำ  กับ  ย่านความถี่สูงขึ้นมา  
พูดให้ง่ายขึ้นคือหาวงจรกรองเอาเฉพาะความถี่ย่านต่ำ  และย่านสูงออกมาตะหาก
แล้วเอาแอมป์มาขับตรงเข้ากับดอกลำโพง  ขับให้ย่านควาทถี่ต่ำและย่านความถี่สูงดังขึ้นมาจนหูเราได้ยินชัดเจนครบทุกย่านโดยเท่าทัดเทียมกัน  
เพลงและดนตรีจึงฟังเพราะขึ้นครับ

วงจรที่กรองหรือตัวกรองที่ว่า  เราเรียกว่า  Filter
Filter  ดังกล่าวยังแบ่งออกเป็น  Passive  คือไม่มีไฟฟ้าเลี้ยงวงจร
กับ Active  คือมีไฟฟ้าเลี้ยงวงจร  
ซึ่งจะให้คุณสมบัติทางเสียงเด่นด้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับการออกแบบและการนำไปใช้งาน

Sub Filter  ที่เราซื้อมาใช้กันทั่วไปที่ต้องเสียบปลั๊กไฟ  จึงเข้าข่าย  Active ครับ  
และ  Sub Filter  นั้นจึงหมายถึง  วงจรที่กรองเอาเฉพาะย่านความถี่ที่ต่ำลึกออกมา  
ซึ่งโดยทั่วไป  มักจะเริ่มที่  80  Hz  ลงมา  เดี่ยวๆ  โดดๆ  อย่างนี้  ไม่เรียกว่า  Network  นะครับ

ต่ออีกหน่อยเพื่อให้เข้าใจขึ้นนะครับ  

ในระบบเสียงเพื่อใช้งานกลางแจ้งซึ่งมีเสียงรบกวนเยอะ  แต่เพื่อให้ระบบเสียงที่สมบูรณ์ที่สุด
เราจึงต้องการย่านความถี่ซึ่งเมื่อปรับแต่งแล้วได้ยินเสียงทุกย่านความถี่  ที่สมดุล
เราได้ความถี่ต่ำลึกแล้วจาก  Sub Filter  ยังขาด  ย่านเสียงต่ำ  ย่านเสียงกลาง  ย่านเสียงสูง

ย่านเสียงกลางนั้นไม่มีปัญหาเพราะหูได้ยินชัดกว่าเสียงอื่น  (เพราะหูคนเราไวต่อเสียงย่านนี้อยู่แล้ว)  
ที่ขาดคือย่านเสียงต่ำ  และย่านเสียงสูง  
( ซึ่งความจริงมันก็มี  แต่มันดังเบา จึงจำเป็นต้องหาวงจรกรองเอาย่านที่ว่าออกมา เพื่อส่งให้แอมป์ขับให้เสียงดังขึ้น เหมือนกับการเปิด  Loundness     ในแอมป์ราคาประหยัดไงครับ )

และเพื่อให้การควบคุมระบบเสียงเป็นไปโดยราบรื่นและง่าย  จึงต้องออกแบบวงจรกรองความถี่ออกมาเพิ่ม  
ซึ่งอีกนั่นแหละ  จะเอาแบบที่มีจุดตัด  สองทาง  ไม่แพงไม่เปลืองแอมป์  
หรือจะเอาแบบสามทางให้เด็ดขาดไปเลย  ไม่มีปัญหา  อยู่ที่กำลังทุนทรัพย์ที่จะซื้อมาใช้งาน
และเจ้าตัวที่ว่ามานี้  มันก็คือ  Active Crossover Network  มีหน้ากรองย่านความถี่ตั้งแต่สองส่วนหรือสองทางขึ้นไปครับ

คำตอบสำหรับท่านเจ้าของกระทู้  จึงต้องหาสะเปค  เครื่อง  Mid / High  ที่ว่ามาดูครับ  
ออกแบบมาอย่างไรความสามารถมันใช้ได้ตามนั้น  มันจะมีความเหมือนหรือความต่างกับ Crossover  ที่เราๆ เข้าใจกัน  หรืออย่างไร  ถึงนาทีนี้คงไม่ยากกระมังครับ

ชัดเจนและได้สาระมาก  ถึงมากที่สุด

ป๋าผมสุดยอดครับ

[นันทเรศ]

ผมคงตอบยาวๆ  ตามสไตล์นะครับ

จากคำถามดังกล่าว  ถ้าคนไม่เคยใช้  หรือถ้าคนที่ไม่รู้สเปคของเครื่อง  คงตอบไม่ได้แน่นอน
ผู้ที่ตอบได้ตรงที่สุดคือผู้ผลิตครับ

Crossover  แปลตรงๆ  คือ  สี่แยก  แต่ในเรื่องของ  Sound  คงหมายถึง  “จุดตัด”

Network  คุ้นหู  คือเครือข่าย  เหมือนเครือขาย  ไดเร็คเซล  

นั่นหมายถึงจะเป็นเครือข่ายได้  ต้องมีตั้งแต่  สองส่วน  หรือสองจำนวนขึ้นไป   Crossover Network  ในเรื่องของเสียงจึงหมายถึง  จุดตัด  หรือ  จุดแบ่ง

ที่แบ่งย่านความถี่เสียงออกเป็นสองส่วนขึ้นไป

ทีนี้ย่านความถี่เสียงตามหลักวิทยาศาสตร์สอนมาว่า  

หูมนุษย์ได้ยินเสียงในช่วง   20 -20000 Hz  ซึ่งผู้ใหญ่อย่างเราท่านทั้งหลายเอาเข้าจริงได้ยินไม่ถึงหรอกนะครับ
แต่สมมุติว่าหูมนุษย์นี้ได้ยินละกัน
ปัญหาที่ตามมาคือ  เสียงที่คนเราได้ยินนั้น  เมื่อคลื่นเสียงเดินทางฝ่าอากาศเข้ามา

หูคนเราจะได้ยินย่านเสียงกลางชัดที่สุดและดังที่สุด
ส่วนเสียงสูงและเสียงต่ำจะค่อยๆ เบาลงไปมากตามระยะทางระหว่างต้นเสียง(ลำโพง)กับหูคนเรา
ทว่าในเรื่องของเสียงดนตรี  เสียงที่ดีและเสียงที่สมบูรณ์นั้น
  หมายถึง  หูคนเราต้องได้ยิน  ย่านเสียงต่ำ  ย่านเสียงกลาง และย่านเสียงสูง
ด้วยความดังเท่าทัดเทียมกันทุกย่าน  ที่เรียกว่า  เสียงสมดุล  แฟลททุกความถี่

นั่นคือในทางปฏิบัติ  เราต้องยกหรือเร่งความดังเป็นการเฉพาะย่านความถี่ต่ำ  กับ  ย่านความถี่สูงขึ้นมา  
พูดให้ง่ายขึ้นคือหาวงจรกรองเอาเฉพาะความถี่ย่านต่ำ  และย่านสูงออกมาตะหาก
แล้วเอาแอมป์มาขับตรงเข้ากับดอกลำโพง  ขับให้ย่านควาทถี่ต่ำและย่านความถี่สูงดังขึ้นมาจนหูเราได้ยินชัดเจนครบทุกย่านโดยเท่าทัดเทียมกัน  
เพลงและดนตรีจึงฟังเพราะขึ้นครับ

วงจรที่กรองหรือตัวกรองที่ว่า  เราเรียกว่า  Filter
Filter  ดังกล่าวยังแบ่งออกเป็น  Passive  คือไม่มีไฟฟ้าเลี้ยงวงจร
กับ Active  คือมีไฟฟ้าเลี้ยงวงจร  
ซึ่งจะให้คุณสมบัติทางเสียงเด่นด้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับการออกแบบและการนำไปใช้งาน

Sub Filter  ที่เราซื้อมาใช้กันทั่วไปที่ต้องเสียบปลั๊กไฟ  จึงเข้าข่าย  Active ครับ  
และ  Sub Filter  นั้นจึงหมายถึง  วงจรที่กรองเอาเฉพาะย่านความถี่ที่ต่ำลึกออกมา  
ซึ่งโดยทั่วไป  มักจะเริ่มที่  80  Hz  ลงมา  เดี่ยวๆ  โดดๆ  อย่างนี้  ไม่เรียกว่า  Network  นะครับ

ต่ออีกหน่อยเพื่อให้เข้าใจขึ้นนะครับ  

ในระบบเสียงเพื่อใช้งานกลางแจ้งซึ่งมีเสียงรบกวนเยอะ  แต่เพื่อให้ระบบเสียงที่สมบูรณ์ที่สุด
เราจึงต้องการย่านความถี่ซึ่งเมื่อปรับแต่งแล้วได้ยินเสียงทุกย่านความถี่  ที่สมดุล
เราได้ความถี่ต่ำลึกแล้วจาก  Sub Filter  ยังขาด  ย่านเสียงต่ำ  ย่านเสียงกลาง  ย่านเสียงสูง

ย่านเสียงกลางนั้นไม่มีปัญหาเพราะหูได้ยินชัดกว่าเสียงอื่น  (เพราะหูคนเราไวต่อเสียงย่านนี้อยู่แล้ว)  
ที่ขาดคือย่านเสียงต่ำ  และย่านเสียงสูง  
( ซึ่งความจริงมันก็มี  แต่มันดังเบา จึงจำเป็นต้องหาวงจรกรองเอาย่านที่ว่าออกมา เพื่อส่งให้แอมป์ขับให้เสียงดังขึ้น เหมือนกับการเปิด  Loundness     ในแอมป์ราคาประหยัดไงครับ )

และเพื่อให้การควบคุมระบบเสียงเป็นไปโดยราบรื่นและง่าย  จึงต้องออกแบบวงจรกรองความถี่ออกมาเพิ่ม  
ซึ่งอีกนั่นแหละ  จะเอาแบบที่มีจุดตัด  สองทาง  ไม่แพงไม่เปลืองแอมป์  
หรือจะเอาแบบสามทางให้เด็ดขาดไปเลย  ไม่มีปัญหา  อยู่ที่กำลังทุนทรัพย์ที่จะซื้อมาใช้งาน
และเจ้าตัวที่ว่ามานี้  มันก็คือ  Active Crossover Network  มีหน้ากรองย่านความถี่ตั้งแต่สองส่วนหรือสองทางขึ้นไปครับ

คำตอบสำหรับท่านเจ้าของกระทู้  จึงต้องหาสะเปค  เครื่อง  Mid / High  ที่ว่ามาดูครับ  
ออกแบบมาอย่างไรความสามารถมันใช้ได้ตามนั้น  มันจะมีความเหมือนหรือความต่างกับ Crossover  ที่เราๆ เข้าใจกัน  หรืออย่างไร  ถึงนาทีนี้คงไม่ยากกระมังครับ

ขอบคุณมากครับสำหรับความรู้ดีๆๆๆๆ

 

[boombeem_kitsada]

ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความรู้ ครับ   

[kittiphan]

หาความรู้คราบขอบคุณมากคราบ 

[+ ค ลิ นิ ก พ ร ร ณี]

นั้นไงผมว่าแล้ว ป๋าหมากก้วยเตดผมตอบได้เนื้อได้น้ำเป็นที่สุด

[papan579]

ผมคงตอบยาวๆ  ตามสไตล์นะครับ

จากคำถามดังกล่าว  ถ้าคนไม่เคยใช้  หรือถ้าคนที่ไม่รู้สเปคของเครื่อง  คงตอบไม่ได้แน่นอน
ผู้ที่ตอบได้ตรงที่สุดคือผู้ผลิตครับ

Crossover  แปลตรงๆ  คือ  สี่แยก  แต่ในเรื่องของ  Sound  คงหมายถึง  “จุดตัด”

Network  คุ้นหู  คือเครือข่าย  เหมือนเครือขาย  ไดเร็คเซล 

นั่นหมายถึงจะเป็นเครือข่ายได้  ต้องมีตั้งแต่  สองส่วน  หรือสองจำนวนขึ้นไป   Crossover Network  ในเรื่องของเสียงจึงหมายถึง  จุดตัด  หรือ  จุดแบ่ง

ที่แบ่งย่านความถี่เสียงออกเป็นสองส่วนขึ้นไป

ทีนี้ย่านความถี่เสียงตามหลักวิทยาศาสตร์สอนมาว่า 

หูมนุษย์ได้ยินเสียงในช่วง   20 -20000 Hz  ซึ่งผู้ใหญ่อย่างเราท่านทั้งหลายเอาเข้าจริงได้ยินไม่ถึงหรอกนะครับ
แต่สมมุติว่าหูมนุษย์นี้ได้ยินละกัน
ปัญหาที่ตามมาคือ  เสียงที่คนเราได้ยินนั้น  เมื่อคลื่นเสียงเดินทางฝ่าอากาศเข้ามา

หูคนเราจะได้ยินย่านเสียงกลางชัดที่สุดและดังที่สุด
ส่วนเสียงสูงและเสียงต่ำจะค่อยๆ เบาลงไปมากตามระยะทางระหว่างต้นเสียง(ลำโพง)กับหูคนเรา
ทว่าในเรื่องของเสียงดนตรี  เสียงที่ดีและเสียงที่สมบูรณ์นั้น
  หมายถึง  หูคนเราต้องได้ยิน  ย่านเสียงต่ำ  ย่านเสียงกลาง และย่านเสียงสูง
ด้วยความดังเท่าทัดเทียมกันทุกย่าน  ที่เรียกว่า  เสียงสมดุล  แฟลททุกความถี่

นั่นคือในทางปฏิบัติ  เราต้องยกหรือเร่งความดังเป็นการเฉพาะย่านความถี่ต่ำ  กับ  ย่านความถี่สูงขึ้นมา 
พูดให้ง่ายขึ้นคือหาวงจรกรองเอาเฉพาะความถี่ย่านต่ำ  และย่านสูงออกมาตะหาก
แล้วเอาแอมป์มาขับตรงเข้ากับดอกลำโพง  ขับให้ย่านควาทถี่ต่ำและย่านความถี่สูงดังขึ้นมาจนหูเราได้ยินชัดเจนครบทุกย่านโดยเท่าทัดเทียมกัน 
เพลงและดนตรีจึงฟังเพราะขึ้นครับ

วงจรที่กรองหรือตัวกรองที่ว่า  เราเรียกว่า  Filter
Filter  ดังกล่าวยังแบ่งออกเป็น  Passive  คือไม่มีไฟฟ้าเลี้ยงวงจร
กับ Active  คือมีไฟฟ้าเลี้ยงวงจร 
ซึ่งจะให้คุณสมบัติทางเสียงเด่นด้อยต่างกัน ขึ้นอยู่กับการออกแบบและการนำไปใช้งาน

Sub Filter  ที่เราซื้อมาใช้กันทั่วไปที่ต้องเสียบปลั๊กไฟ  จึงเข้าข่าย  Active ครับ 
และ  Sub Filter  นั้นจึงหมายถึง  วงจรที่กรองเอาเฉพาะย่านความถี่ที่ต่ำลึกออกมา 
ซึ่งโดยทั่วไป  มักจะเริ่มที่  80  Hz  ลงมา  เดี่ยวๆ  โดดๆ  อย่างนี้  ไม่เรียกว่า  Network  นะครับ

ต่ออีกหน่อยเพื่อให้เข้าใจขึ้นนะครับ 

ในระบบเสียงเพื่อใช้งานกลางแจ้งซึ่งมีเสียงรบกวนเยอะ  แต่เพื่อให้ระบบเสียงที่สมบูรณ์ที่สุด
เราจึงต้องการย่านความถี่ซึ่งเมื่อปรับแต่งแล้วได้ยินเสียงทุกย่านความถี่  ที่สมดุล
เราได้ความถี่ต่ำลึกแล้วจาก  Sub Filter  ยังขาด  ย่านเสียงต่ำ  ย่านเสียงกลาง  ย่านเสียงสูง

ย่านเสียงกลางนั้นไม่มีปัญหาเพราะหูได้ยินชัดกว่าเสียงอื่น  (เพราะหูคนเราไวต่อเสียงย่านนี้อยู่แล้ว) 
ที่ขาดคือย่านเสียงต่ำ  และย่านเสียงสูง 
( ซึ่งความจริงมันก็มี  แต่มันดังเบา จึงจำเป็นต้องหาวงจรกรองเอาย่านที่ว่าออกมา เพื่อส่งให้แอมป์ขับให้เสียงดังขึ้น เหมือนกับการเปิด  Loundness     ในแอมป์ราคาประหยัดไงครับ )

และเพื่อให้การควบคุมระบบเสียงเป็นไปโดยราบรื่นและง่าย  จึงต้องออกแบบวงจรกรองความถี่ออกมาเพิ่ม 
ซึ่งอีกนั่นแหละ  จะเอาแบบที่มีจุดตัด  สองทาง  ไม่แพงไม่เปลืองแอมป์ 
หรือจะเอาแบบสามทางให้เด็ดขาดไปเลย  ไม่มีปัญหา  อยู่ที่กำลังทุนทรัพย์ที่จะซื้อมาใช้งาน
และเจ้าตัวที่ว่ามานี้  มันก็คือ  Active Crossover Network  มีหน้ากรองย่านความถี่ตั้งแต่สองส่วนหรือสองทางขึ้นไปครับ

คำตอบสำหรับท่านเจ้าของกระทู้  จึงต้องหาสะเปค  เครื่อง  Mid / High  ที่ว่ามาดูครับ 
ออกแบบมาอย่างไรความสามารถมันใช้ได้ตามนั้น  มันจะมีความเหมือนหรือความต่างกับ Crossover  ที่เราๆ เข้าใจกัน  หรืออย่างไร  ถึงนาทีนี้คงไม่ยากกระมังครับ

[สองไม้ไทย]

....หูคนเราจะได้ยินย่านเสียงกลางชัดที่สุดและดังที่สุด
ส่วนเสียงสูงและเสียงต่ำจะค่อยๆ เบาลงไปมากตามระยะทางระหว่างต้นเสียง(ลำโพง)กับหูคนเรา
ทว่าในเรื่องของเสียงดนตรี  เสียงที่ดีและเสียงที่สมบูรณ์นั้น
  หมายถึง  หูคนเราต้องได้ยิน  ย่านเสียงต่ำ  ย่านเสียงกลาง และย่านเสียงสูง
ด้วยความดังเท่าทัดเทียมกันทุกย่าน  ที่เรียกว่า  เสียงสมดุล  แฟลททุกความถี่

นั่นคือในทางปฏิบัติ  เราต้องยกหรือเร่งความดังเป็นการเฉพาะย่านความถี่ต่ำ  กับ  ย่านความถี่สูงขึ้นมา  
พูดให้ง่ายขึ้นคือหาวงจรกรองเอาเฉพาะความถี่ย่านต่ำ  และย่านสูงออกมาตะหาก
แล้วเอาแอมป์มาขับตรงเข้ากับดอกลำโพง  ขับให้ย่านควาทถี่ต่ำและย่านความถี่สูงดังขึ้นมาจนหูเราได้ยินชัดเจนครบทุกย่านโดยเท่าทัดเทียมกัน  
เพลงและดนตรีจึงฟังเพราะขึ้นครับ...

เป็นคำอธิบายที่ดีมากรู้ถึงที่มา รู้หลักรู้เหตุรู้ผลแล้ว  จะCrossอย่างไร?แค่ไหน?ก็เป็นแค่เรื่องเทคนิคเท่านั้น เพราะรู้ชัดเจนแล้วว่าจะทำอะไร เพื่ออะไร 

[วรชัย23]

เข้าใจผิดอย่างรุนแรงเกี่ยวกับครอสเมก้าเทคครับ     

ใช่แอคทีฟซับเป็น โลวพาส  คือเลืกให้ผ่านเฉพาะเสียงความถี่ต่ำ   เลือกได้ตั้งแต่ 18-250เฮิร์ส  โดยบูสระดับเสียงให้อีก สิบกว่าดีบี  สำหรับขับลำโพงเบสโดยตรง

ส่วนครอสเป็นแบบสองทางใช้กับตู้กลางแหลม  ตอบสนองความถิ่ได้เต็มตลอดย่าน  มีปุ่มให้เลื่อนจุดตัดระหว่าง  ทุ้มกับแหลม  ถ้าเลือกจุดตัดที่ 2.5 เค    ดอกทุ้มจะทำงานตั้งแต่ 2.5 เค   ลงมา   ส่วนเกินกว่านั้นเป็นหน้าที่แหลม 

ใช้แค่สองตัว มันก็เท่ากับเป็นสามทางุแล้วครับ   ข้อดีของมันคือ
1 เพิ่มเสียงเบส
2 เลือกจุดตัดให้เบสจากตู้เบส  เสริมกับตู้สองทางได้   เบสจะดีกว่าใช้ระบบแยกสามทาง   
3 ครอสทั่วไปทำแบบนี้ไม่ได้  ยกเว้นยี่ห้อเรน   ที่ปรับความถี่แต่ละย่านได้อิสระ

ผมคงเข้าใจผิดไปเองครับ ที่ผมเข้าใจมาตลอดนะครับ
  ผมเข้าใจว่าตัวซับฟิลเตอร์ใช้ตัดซับอย่างเดียวและต่อไปแอมป์ขับซับได้อย่างเดียวไม่มีรูออกไปหาแอมป์ขับ มิด+ไฮ การใช้งาน=ฟูลเร้นท์+Sub
  ตัวตัด มิด+ไฮ ใช้ลูปฟูลเร้นท์โยนเข้าไปเพื่อตัดต่ำทิ้ง และมีช่องต่อไปแอมป์ขับ มิด+ไฮ อย่างเดียวโดยโยนภาระให้พาสทีพในตู้ตัดแหลมเอาเอง การใช้งาน=LowCut
อันนี้ผมคงผิดเข้าใจผิดอย่างแรงครับที่เข้าใจว่ามันคัทต่ำทิ้ง ตามจริงโยนฟูลเร้นท์เข้าไปและแยกออกเป็น มิดและไฮอิสระจากกัน(เข้าสองออกสี่)แล้วแต่จุดตัดใช่ไหมครับ
เดินเล่นผ่านร้านเมก้าเทคตั้งหลายรอบที่บ้านหม้อไม่เคยดูตูดมันชัดชัดเลยครับ ขอบคุณครับพี่ที่ทักท้วง
 

[นพ สุพรรณ]

ผมคงเข้าใจผิดไปเองครับ ที่ผมเข้าใจมาตลอดนะครับ
  ผมเข้าใจว่าตัวซับฟิลเตอร์ใช้ตัดซับอย่างเดียวและต่อไปแอมป์ขับซับได้อย่างเดียวไม่มีรูออกไปหาแอมป์ขับ มิด+ไฮ การใช้งาน=ฟูลเร้นท์+Sub
  ตัวตัด มิด+ไฮ ใช้ลูปฟูลเร้นท์โยนเข้าไปเพื่อตัดต่ำทิ้ง และมีช่องต่อไปแอมป์ขับ มิด+ไฮ อย่างเดียวโดยโยนภาระให้พาสทีพในตู้ตัดแหลมเอาเอง การใช้งาน=LowCut
อันนี้ผมคงผิดเข้าใจผิดอย่างแรงครับที่เข้าใจว่ามันคัทต่ำทิ้ง ตามจริงโยนฟูลเร้นท์เข้าไปและแยกออกเป็น มิดและไฮอิสระจากกัน(เข้าสองออกสี่)แล้วแต่จุดตัดใช่ไหมครับ
เดินเล่นผ่านร้านเมก้าเทคตั้งหลายรอบที่บ้านหม้อไม่เคยดูตูดมันชัดชัดเลยครับ ขอบคุณครับพี่ที่ทักท้วง
 

น้องคมสันต์เจ้าของเมก้าเทคให้ผมมาลองใช้คู่หนึ่งนานแล้วตั้งแต่ออกใหม่ๆ
แต่หลังจากพบว่า  มันเข้ากับตู้เบสแบนพาสต์ ออร์เด้อ 6 ผมไม่ได้ ก็เลยคืนไป เนื่องจากออร์เด้อร์ 6 มันบูสเบสขึ้นมาโด่งอยู่แล้ว
เจอตัวนี้เข้าไป   เบสล้นๆเลย  แต่พอลดระดับเสียง ก็บางไป  เลยต้องกลับไปใช้ครอสตามเดิม  แล้วคืนสองตัวนี้ไปก่อนมันจะเก่า

แต่ตอนนี้เปลี่ยนมาใช้ตู้เทอร์โบที่เบสมันหนึบๆไม่ค่อยโด่ง  ไม่ค่อยคราง ก็อยากได้ขึ้นมาอีกแล้ว   คนเรานี่เนาะ   :hap3: :hap3: :hap3: :hap3: