จากรูปด้านบน เป็นการทำครอสโอเวอร์ที่ความถี่เดียวกัน (เหมือนครอสอนาล็อกที่จุดตัดความถี่ HPF กับ LPF เป็นจุดเดียวกัน)
โดยใช้ฟิลเตอร์ทั้งสามแบบโดยมีค่าความลาดชันเดียวกัน ท่านจะเห็นได้ว่าฟิลเตอร์แต่ละแบบจะตอบสนองได้แตกต่างกัน
เส้นสีเขียว เป็นกราฟความถี่ที่เกิดขึ้นจากฟิลเตอร์แบบ Butterworth ซึ่งจะมีความคมมากที่สุดที่จุดตัดแต่ก็เกิดเส้นกราฟเป็นหัวคลื่น
เมื่อนำความถี่ทั้งสองด้านมารวมกัน
เส้นสีน้ำเงิน เป็นกราฟความถี่ที่เกิดขึ้นจากฟิลเตอร์แบบ Bessel ซึ่งจะมีความคมน้อยที่สุดที่จุดตัดแต่ก็เกิดเส้นกราฟเป็นแอ่งกระทะ
เมื่อนำความถี่ทั้งสองด้านมารวมกัน
ในขณะที่เส้นสีแดง เป็นกราฟความถี่ที่เกิดขึ้นจากฟิลเตอร์แบบ Linkwiz-Riley ซึ่งจะมีความคมปานกลางที่จุดตัดแต่เมื่อนำความถี่
ทั้งสองด้านมารวมกันจะได้เส้นกราฟที่ลิเนียร์กว่าทั้งสองแบบแรก
ทั้งนี้ท่านต้องเข้าใจว่ารูปกราฟที่แสดงเป็นการทำฟิลเตอร์กับสัญญาณแบบเชิงเส้นที่สัญญาณมีความลิเนียร์ตอลอดความถี่ แต่ดอก
ลำโพงที่เราใช้งานไม่ได้ตอบสนองต่อความถี่เป็นเชิงเส้นเหมือนในรูป ดังนั้นการเลือกใช้ฟิลเตอร์จึงต้องดูการตอบสนองของดอก
ลำโพง ณ จุดตัดความถี่เป็นหลัก โดยการทำจุดตัดความถี่แล้วเลือกใช้ฟิลเตอร์แต่ละแบบเพื่อฟังเปรียบเทียบเอาเอง
จึงไม่มีสูตรสำเร็จที่จะบอกได้ว่าฟิลเตอร์แบบไหนดีกว่าแบบไหน ? ตลอดจนค่าความลาดชันที่เหมาะสมควรอยู่ที่เท่าไหร่ ? ทั้งหมด
ท่านต้องลองกับตู้ลำโพงที่ท่านใช้งาน และหาจุดที่ดีที่สุดของตู้ลำโพงนั้น ๆ เองครับ
ในตู้ลำโพงระดับโลกที่ราคาเรือนแสน มักจะทำคอนโทรลเลอร์ (ขายแยกต่างหาก) ที่กำหนดค่าพารามิเตอร์ต่าง ๆ มาให้เสร็จโดยที่
เราไม่ต้องไปทดสอบ ทดลองเองให้ยุ่งยาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยค่าตัวที่สูงลิบลิ่วเช่นกัน