เมื่อจับมาอธิบาย ด้วยหลักการทางอิเล็กทรอนิกส์ ที่จะทำให้ งง มากขึ้นได้ดังนี้ครับ
1.แบบที่นิยมกันมากที่สุดคือ การต่อแบบ ขนาน แบบนี้ ความต้านทาน(ค่าของโอห์ม) จะลดลงตามจำนวนของดอกที่เอามาต่อทั้งหมด
จากภาพสมมุติว่า ทุกดอก มีค่าความต้านทาน 8 โอห์ม และดอกลำโพงรองรับกำลังขับได้ 500 watt และ poweramp มีกำลังขับดังนี้
2* 800 wat 8 omh(ข้างละ 800 watt จำนวน 2 ข้าง)
2* 1200 wat 4 omh(ข้างละ 1200 watt จำนวน 2 ข้าง)
2* 1500 wat 2 omh(ข้างละ 1500 watt จำนวน 2 ข้าง)
อธิบายได้ดังนี้
1.1.เมื่อเราใช้ ลำโพงดอกเดียว มีค่าความต้านทาน 8 โอห์ม ก็ให้ต่อเข้าที่ขั้ว 8 โอห์ม ของ poweramp ดอกลำโพงจะได้รับกำลังขับที่ 800 watt เมื่อ poweramp ทำงานเต็มที่
1.2.เมื่อเราใช้ ลำโพง 2 ดอกต่อขนานกัน มีค่าความต้านทานรวมเท่ากับ 4 โอห์ม(8 หาร 2) ก็ให้ต่อเข้าที่ขั้ว 4 โอห์ม ของ poweramp ดอกลำโพงแต่ละดอกก็จะได้รับกำลังขับที่ดอกละ 600 watt เมื่อ poweramp ทำงานเต็มที่
1.3.เมื่อเราใช้ ลำโพง 3 ดอกต่อขนานกัน มีค่าความต้านทานรวมเท่ากับ 2.66 โอห์ม(8 หาร 3) ก็ให้ต่อเข้าที่ขั้ว 2.66 โอห์ม (ตามสเปค ไม่ได้บอกจึงขอข้าม ขี้เกียจพิมพ์)
1.4.เมื่อเราใช้ ลำโพง 4 ดอกต่อขนานกัน มีค่าความต้านทานรวมเท่ากับ 2 โอห์ม(8 หาร 4) ก็ให้ต่อเข้าที่ขั้ว 2 โอห์ม ของ poweramp ดอกลำโพงแต่ละดอกก็จะได้รับกำลังขับที่ดอกละ 375 watt เมื่อ poweramp ทำงานเต็มที่
2. การต่อแบบ อนุกรม แบบนี้ ความต้านทานจะเพิ่มขึ้น และเมื่อดอกใดขาดก็จะเงียบ ยกพวง
ต่อตามภาพ
แบบที่ 3 แบบ ผสม คือการเอาทั้งแบบ อนุกรม และ ขนาน มาต่อกัน เพื่อให้ได้ตามสิ่งที่เราต้องการ (ไม่ขออธิบาย)