กระเดื่องสด อยู่ที่คุณภาพกลองชุดด้วยครับ การปรับเสียงทำได้ยาก เพราะการจูนหนังกลองก็ไม่ได้มีมาตรฐานแล้วแต่ใจคนชอบ
กรณีเล่นคารา แล้วถูกใจเพราะว่าเสียงกระเดื่องถูกปรับจูนมาลงตัวแล้ว เห็นทีงานนี้ต้องมองหา D4 แล้วละครับ
หรือไม่ก็ ลองดูแบบดิบๆครับ ไม่ต้องผ่านเครื่องมือใด เข้ามิกซ์ออกครอสเลยลองดูความแตกต่างครับ บางทีอาจฟลุ๊คก็ได้ครับ
ถูกต้องครับ คุณภาพของกลอง หนังกลอง ไมค์จ่อ ล้วนมีผลต่อคุณภาพเสียงที่ได้ และที่สำคัญการปรับ EQ ที่ชาแนลมิกซ์ หรือที่เรียกว่าการปั้นเสียงชิ้นดนตรี ก็มีความสำคัญไม่น้อยเช่นกัน คนทำซาวด์จะต้องรู้ว่าเสียงชิ้นดนตรีแต่ละชิ้นนั้น จะต้องเน้นที่ความถี่ไหนบ้าง แค่ไหน และจะต้องลดทอนความถี่ที่ไม่ต้องการลงไปแค่ไหน
ผมขอนำเสนอภาพการปรับ EQ ของกลองกระเดื่องแบบเบื้องต้นพอสังเขปมาให้ดูเพื่อทำความเข้าใจ (ขอเน้นว่าเพื่อทำความเข้าใจเท่านั้นไม่ใช่ใช้เพื่อเป็นสิ่งอ้างอิงแต่ประการใด) ส่วนในการทำงานจริง อาจจะปรับแตกต่างไปจากภาพ ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยที่ได้กล่าวมาเบื้องต้น
จากภาพจะเห็นได้ว่าที่ชาแนลของกลองกระเดื่อง ไม่มีการคัทความถี่สูงทิ้ง แถมมีการบูส EQ ที่ความถี่ประมาณ 4kHz ขึ้นด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงตอบโจทย์ท่านต้นไผ่ได้เป็นอย่างดีว่าทำไมถึงมีเสียงคิก (ท่านเรียกว่าเสียงปั๊ก ๆ) ออกที่ดอกลำโพงเสียงแหลม
ส่วนคำถามที่ว่าทำไมเวลาเปิดเสียงตู้ซับ พร้อมกับตู้มิดไฮ แล้วความหนักแน่นของเสียงตู้ซับน้องลงนั้น เกิดจากเฟสของตู้ซับ กับตู้มิดไฮ ไม่ตรงกัน ซึ่งเนื่องมาจากการวางตำแหน่งของตู้ทั้งสองชนิด ประกอบกับค่า Delay time ที่เกิดจากวงจรฟิลเตอร์ในครอสของความถี่แต่ละย่านนั้นไม่เท่ากัน ซึ่งวิธีแก้มีอยู่สองแบบ แบบง่ายที่สุดคือหาครอสดิจิตอลที่สามารถทำ Delay time ให้กับความถี่เอ้าท์พุทแต่ละย่านได้ ส่วนแบบยาก แต่ไม่ต้องเสียเงินก็คือจัดวางตำแหน่งตู้เพื่อชดเชยค่า Delay time ที่เกิดขึ้นครับ ดังที่ผมได้แสดงไว้ในความเห็นก่อนหน้า
สำหรับเรื่องระยะทาง กับ Delay time นั้น พอจะเขียนเป็นแนวทางได้ดังนี้ครับ โดยไม่ต้องใช้สูตรคำนวณให้ปวดศรีษะ
ที่อุณหภูมิ 30 องศา C
ระยะทาง 1 cm เสียงจะใช้เวลาในการเดินทาง 0.029 ms (1 ms คือ 1 ส่วน 1000 ของวินาที) นั่นหมายความว่า
ที่ระยะ 10 cm ใช้เวลา 0.29ms
ที่ระยะ 20 cm ใช้เวลา 0.58ms
ที่ระยะ 1 m ใช้เวลา 2.9ms
ที่ระยะ 2 m ใช้เวลา 5.8ms