ที่มาที่ไปสำหรับการเล่าสู่กันฟังครั้งนี้
นับเนื่องจากการที่ได้รับการร้องขอจากน้องสาวคนเล็กนานแล้วให้ศึกษาเรื่องของ
ดนตรีบำบัด ( Music Therapy หรือ Sound Therapy ) ซึ่งถือว่าเป็นแพทย์ทางเลือก แขนงหนึ่ง
ผมนั้นเชื่อมานานแล้วในเรื่อง อิทธิพลของเสียงและมองว่าที่ ฤาษีในหนังแขก
นั่งสวดวิงวอนต่อพระเจ้า และเปล่งเสียง โอม...โอม ด้วยวรรณยุกต์สูงต่ำ มีผลทำให้จิตสงบนิ่งเร็วขึ้น
เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม นอกเหนือจากอิทธิพลของเสียงแล้วยังมีความสัมพันธ์กับอิทธิพลของสี ของแสง อีกด้วยครับ
เรื่องของ เสียง ผมมองในแง่ของเสียงธรรมชาติที่มีความกระจ่างใสชัดเจน
แต่การนำมาประพันธ์ให้เป็นบทเพลงและนำออกเล่นหรือแสดงให้ผู้คนฟัง
มันจำเป็นต้องผ่านสิ่งที่เราเรียกกันว่าเครื่องเสียง ซึ่งก็พยายามอย่างยิ่งที่จะให้เข้าใกล้ถึงความเป็น ฮายฟาย ให้มากที่สุด
หลังจากเพียรพยายามอยู่นานหลายปีทีเดียว จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์เจ็บป่วยในด้านสมอง
หลังจากการทำสะแกนสมองที่เรียกว่า MRI อยู่ประมาณครึ่งชั่วโมง
ด้วยคลื่นความถี่แม่เหล็กไฟฟ้า เสียงดังมากจนต้องอุดหูด้วยแจ๊ก
ผมมีความรู้สึกว่าอะไรในหัวผมเปลี่ยนไป รวมถึงการมองเห็น การได้ยิน
เวลานอนหลับและฝันถึงเรื่องราวต่างๆ ภาพในความฝันค่อนข้างชัดเจนเหมือนตื่นลืมตาดู
และเมื่อตื่นจริงๆ ลืมตาดู ผมยังคงเห็นภาพในความฝันนั้นลอยค้างอยู่กลางอากาศรอบตัว
จนต้องโบกมือไล่ จึงค่อยๆ กระจายสลายตัวออกไป
บางครั้งตื่นมากลางดึก ยังมองเห็นสิ่งที่เราอาจจะเรียกว่า ผี ทั้งยืนและนั่งอยู่รอบเตียง
บางตัวลอยอยู่ใกล้ตรงหน้าเหนืออก จนต้องกำหมัดชกออกไปเขาจึงสลายตัวหายไป จนชินซึ่งบัดนี้ไม่ได้กลัวแล้วครับ
ผมจึงหันมาศึกษาในเรื่องของ เซน และพอเกิดความเข้าใจพื้นฐานและเริ่มศรัทธาในเรื่องของความจริงที่แท้
จากนั้นก็เริ่ม เจริญสติ ด้วยการกำหนดลมหายใจเข้าและลมหายใจออก
ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับศาสนาใดๆ ทั้งสิ้น เพราะผมเน้นในเรื่องการสูดลมหายใจลึกๆ เพื่อผลทางด้านสุขภาพมากกว่า
คือนอกเหนือจากการทานยาหมอ ผมก็หันมาออกกำลังกายและออกกำลังจิตเพื่อช่วยให้อาการเจ็บป่วยทุเลาและฟื้นฟูสุขภาพที่อ่อนเพลียให้ดีขึ้น
ระหว่างเวลาเหล่านั้น นอกเหนือจากนอนบนเตียงตลอดเวลาเพราะฤทธ์ยากล่อมประสาทที่หมอให้กิน
ผมก็ฟังเพลงเบาๆ ไปด้วย และพบว่า ถ้าฟังเพลงในท่วงทำนองที่เชื่องช้า
พวก Smoot Jazz เพลงแนว ชิลเอ้าท์ เพลงไทยเดิม จะสบายใจและสงบจิตใจไม่กระวนกระวาย
ทำไมนะหรือ ก็อายุปานนี้แล้ว และร่างกายมันก็เตือนด้วยการเจ็บป่วยถี่ขึ้น
โถผมก็คนธรรมดา กระวนกระวายใจ “มันกลัวตายนะครับ”
จนกระทั้งอ่านหนังสือท่านพุทธทาส จึงเข้าใจมากขึ้นจน ณ บัดเดี๋ยวนี้ ผมไม่กลัวแล้วครับ
พร้อมทุกเมื่อ ไม่จิตตกอีกแล้วครับ
กลับมาเรื่องการฟังเพลง เมื่อศรัทธาในเรื่องของ ดนตรีบำบัด และได้เห็นกับตัวแล้วจากการทดลองฟังที่
ยิ่งเสียงเพลงที่หูได้ยินมีความชัดเจนใกล้ธรรมชาติมากเท่าไร อารมณ์และหรือจิตใจจะยิ่งสงบเร็วขึ้นเท่านั้น
และจากการสังเกตต่อไปก็พบว่า เสียงที่ฟังจากแอมป์หลอดด้วยลำโพงฟูลเร้นจ์เพียงตู้ละดอกเดียว จะให้ผลเร็วดีที่สุด
สมองจะทำงานไม่หนักเท่าฟังจากเครื่องทรานซิสเตอร์ครับ
ผมจึงต้องเข้ากูเกิ้ลและพิมพ์คำว่า แอมป์หลอดจิ๋ว และครึ่งวันที่นั่งอ่าน
ทำให้ได้ตัวนี้ซึ่งพอดีผมมีอยู่ออกมา มันคือ PCL86 Single End เป็นแอมป์หลอดจิ๋วที่ต้นทุนต่ำไม่ถึง 5000 บาทไทย
แต่เสียงเกินราคาค่าตัวไปพอประมาณ เมือเอาออกมาฟังมันแทบฟังไม่ได้เพราะหมุนวอลลู่มนิดเดียวมันดังสนั่นพร่าเพี้ยน
จึงต้องเข้ากูเกิ้ลไปอ่านใหม่เพื่อหาวิธีแก้ ตอนนี้ดีขึ้นแล้วครับ เค้าบอกให้แก้วงจรเป็นแบบไตรโอด อย่าไปรู้ว่ามันคืออะไร
หลังจากทำความเข้าใจวานนี้ทั้งวันผมก็โซ้ยด้วยตัวเอง ต่อจนถึงเช้านี้ละครับเหลือแค่เปลี่ยนท้ายเครื่องใหม่เพราะของเก่าเป็นแบบมีฟิลเตอร์กรองไฟ
ซึ่งหลายเกจิบอกว่าทำให้เสียงห่วย
และการต่อเค้าห้ามเชื่อมนะครับให้ใช้เสียบอย่างเดียวนัยว่าเสียงดีกว่าใช้หัวแร้งเชื่อม
จะสังเกตเครื่องรุ่นใหม่ อะไรที่ใช้วิธีเสียบได้เขาจะเสียบให้หมด
ไม่ใช้ตะกั่วเชื่อมแล้วครับโดยอ้างว่าความร้อนมันทำให้ DNA ของโมเลกุล ของสายเปลี่ยนรูปร่างกลายพันธ์หมดเสียงแย่ลงแน่นอน
อ้าวก็เชื่อกันต่อไป เคยลองแล้วกับสายลำโพงรู้สึกเข้าท่าไม่น้อยครับ
ยังมีต่อครับโปรดติดตาม
ค้นหาของที่มีมาทำ ตัวเสียบสายไฟเบลเด้นแล้วย้ำด้วยคีม
เสียบเข้าท้ายเครื่องแบบนี้ง่ายดี สายสีแดงเป็นของฟูรูเทคใช้ 2 เส้นเลย