ขออนุญาตตอบไม่ตรงคำถามนะครับ
เนื่องจากการ ไม่มีการตะโกนหรือการเพิ่มระดับเสียงอย่างกระทันหัน ก็ไม่สำควรใช้ครับ
เพราะว่าคำร้องบางคำที่มีความซอฟลงไป อาจจะทำให้เกตไม่เปิดให้เสียงผ่านไปได้ครับ เสียงจึงขาดหายๆ
เปลี่ยนถ่านไมค์ใหม่ก็ไม่หาย แล้วคราวนี้หาปัญหาไม่เจอแล้วละครับ ไมค์ไม่ดีเสียงขาดหาย
ส่วนใหญ่ที่ผมก็ก็แค่ให้ไฟมันวิ่งผ่านครับ สวยดี แต่ก็บายพาสเอาไว้ครับ
เห็นด้วยเป็นอย่างยื่ง ในงานที่ต้องตามศิลปิน ผมต้องเจอเครื่องเสียงหลากหลายมาก อาทิตย์หนึ่งก็เจอสองสามราย
บางวันเจอรอบบ่ายรอบค่ำ คนละเจ้า ซึ่งเสียงที่ออกมาแตกต่างกันราวกับฟ้ากับเหวเลย ด้วยว่าเครื่องปรุงแบบนี้มีให้หามาใช้ไม่ยาก
หลากหลายยี่ห้อ ราคาถูกกว่าสมัยก่อนมากมาย ทำให้มีใช้กันแทบจะทุกเจ้า แต่ผมว่าหลายๆท่านมีไว้เพื่อให้ครบ
แต่การปรับแต่งคงไม่เก่ง บางเจ้างูๆปลาๆซะอีก จากจะดีเลยเป็นผลเสียต่อระบบ
เจ้าที่ใช้งานเป็น เวลาผมไปเจอจะทำงานสบายมาก เสียงออกมาชัดเจนมีน้ำหนัก พุ่งกระจายครอบคลุมพื้นที่ ศิลปินจะถูกใจ
เราแทบไม่ต้องปรุงแต่งอะไรเลย ปรับกลางก็ออกมาดีเลย คอยแต่แค่บาลานซ์
ไปเจอบางเจ้า เราขืนแล้วขืนอีก บางที่ก็เอาอยู่ บางที่ก็ต้องไปขอร้องบอกช่วยบายพาสให้ ฟังดูได้ไม่ยาก เจ้าไหนลำโพงก็ยี่ห้อดี
แอมป์ดี มิกซ์ดี แต่เสียงออกมาไม่ทึบ ก็หนีบๆ ไม่พุ่งไม่กระจาย ไมค์หอนง่าย พอมันดังไม่ครอบคลุม เราเร่งก็ว๊องๆ ไปซะอีก
ผมจะขอให้เขาบายพาสให้ก่อนเป็นอันดับแรก ตอนนี้แทบจะระบุยี่ห้อมิกซ์ดิจิตอลที่เจอแล้วเป็นแบบนี้ได้เลยเชียว เจอทีไรต้องขอบายพาส
คอมเพลสเซอร์ การตั้งค่าต้องมีเปลี่ยนแปลงตามอคูสติกของสถานที่ เรื่องแรกก็เป็นขนาด ตำแหน่งของเวที ตรงนี้เราปรับแต่งค่า Threshold
ในส่วนของสถานที่ เป็นกลางแจ้ง อินดอร์ ขนาดความกว้างใหญ่ ก็แต่งค่า Range และบีบอัด Ratio ต่อไปก็ดูคนที่ใช้ไมค์ว่าแบบไหน นุ่มๆ หรือตะโกน
ก็ลองเลือกว่าจะเป็น Sofe Knee หรือ Hard Knee สำหรับค่า Attack กับ Release ผมไม่ค่อยได้ยุ่งกับมันนัก แค่สามอย่างที่บอกก็เอาจะไม่อยู่แล้ว
เวลายุ่งๆก็บายพาส แล้วไปแต่งอีคิวเอาง่ายกว่า แต่ไม่หนึบไม่เหนียวเท่าแค่นั้นเอง